การประชุม 1 มิ.ย. ... คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เพื่อดูแลความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัว
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Wednesday, 13 January 2016 14:23
- Hits: 1706
การประชุม 1 มิ.ย. ... คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เพื่อดูแลความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัว
หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ได้เริ่มต้นวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 จนถึงปัจจุบัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กนง.
คงจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย อีก 0.25% จาก 2.75% มาที่ 3.00% ในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ซึ่งเป็นการประชุมรอบที่ 4 ของปีนี้ โดยมองว่า
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว ยังคงเป็นการดำเนินนโยบายสู่ระดับที่เป็นปกติอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงยังคงมีค่าติดลบ
และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในทิศทางเดียวกันกับประเทศในภูมิภาค ทั้งนี้ มุมมองต่อมติการประชุมและประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาจกล่าวโดยสรุปได้ดังนี้
การประเมินน้ำหนักความเสี่ยงหลัก: แรงกดดันด้านราคาและเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี ... โดยล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเดือน เม.ย. อยู่ที่ 4.04% YoY
ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.07% YoY เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงในเดือน พ.ค.
จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก และปัญหาหนี้ในยุโรป แต่ด้วยความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน ตลอดจนสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ราคาน้ำมันยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในระดับสูง ซึ่งค่าเฉลี่ย
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปีนี้น่าจะอยู่สูงกว่า 100 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล และแม้ว่ารัฐบาลยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลในประเทศไม่เกิน 30 บาท/ลิตร จนถึงเดือน ก.ย. 54 อย่างไรก็ตาม จากต้นทุนพลังงานโดยรวม
ที่ปรับตัวสูงขึ้นและการปรับขึ้นของราคาสินค้าต่างๆ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่อาจปรับตัวเข้าใกล้ 3% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทั้งนี้ จากรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อ เดือน เม.ย. 54 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประมาณการว่า มีโอกาสประมาณ 39% และ 68% ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในระดับสูงกว่า 3.00% ในไตรมาสที่ 3 และ
4 ของปีนี้ตามลำดับ และมีโอกาสประมาณ 31% และ 49% ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในระดับสูงกว่า 5.00% ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ตามลำดับ ซึ่งจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อนี้ คงจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนให้
กนง. มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้