ประชุม FOMC วันที่ 14-15 ธ.ค. เฟดเร่งลดวงเงิน QE พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
- Details
- Category: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- Published: Tuesday, 21 December 2021 17:43
- Hits: 1433
ประชุม FOMC วันที่ 14-15 ธ.ค. เฟดเร่งลดวงเงิน QE พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
จากการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 14-15 ธ.ค. ที่ผ่านมา เฟดแถลงว่าเฟดจะลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร่งขึ้นเป็น 2 เท่าจากเดิม ซึ่งจะส่งผลให้วงเงิน QE ทั้งหมดจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2565 พร้อมทั้งส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปี 2565 ท่ามกลางเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบกับตลาดแรงงานที่เข้าใกล้อัตราจ้างงานเต็มที่ (full employment)
การประกาศเร่งลดวงเงิน QE และการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดนั้นเป็นไปตามที่ตลาดได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะที่ ถ้อยแถลงของเฟดก็เป็นการฉายภาพว่าทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมได้ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจต่อตลาด ทั้งนี้ เฟดมีแนวโน้มที่จะพยายามใช้การสื่อสารเพื่อชี้นำการคาดการณ์ของตลาด และหลีกเลี่ยงที่จะส่งสัญญาณที่เหนือความคาดหมายของตลาดอันจะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดได้ โดยจะเห็นได้ว่าเฟดยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังและมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจากค่ากลางของ Fed Dot Plot อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเพิ่มขึ้นจากระดับใกล้ศูนย์ในปัจจุบันสู่ระดับ 0.9% ภายในสิ้นปี 2565 และจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.6% ในปี 2566 และ 2.1% ในปี 2567 นอกจากนี้ ประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของเฟด ซึ่งได้คำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในระดับหนึ่ง ก็บ่งชี้ว่าเฟดมีมุมมองว่าในท้ายที่สุดเงินเฟ้อจะสามารถปรับลดลงได้โดยอัตโนมัติหลังจากปัญหาช่องว่างระหว่างอุปสงค์และอุปทานคลี่คลายลง ขณะที่อัตราว่างงานก็จะลดลงสู่ระดับเหมาะสมที่ระดับ 3.5% ในปี 2565-2567 ส่งผลให้เฟดสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อและอัตราว่างงานในระยะข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณานโยบายการเงินในระยะข้างหน้า โดยหากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงกว่าที่คาด อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังตลาดแรงงานได้ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดเผชิญความท้าทายในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี เฟดจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคา โดยหากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนไม่มีความรุนแรงและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเท่าใดนัก ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีความร้อนแรงเกินควร โดยตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฟดคงเผชิญแรงกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่ได้เคยส่งสัญญาณไว้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 3 ครั้งในปีหน้า ดังนั้น เฟดคงจะต้องติดตามสถานการณ์และอาจมีการส่งสัญญาณล่วงหน้า โดยเฉพาะในการประชุมเฟดในเดือนมี.ค. 2565 ก่อนที่วงเงิน QE จะสิ้นสุดลง หากจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใดๆ
A12651