- Details
- Category: งานวิจัยเศรษฐกิจ
- Published: Sunday, 17 October 2021 20:41
- Hits: 12635
กลุ่มอลิอันซ์เปิดรายงาน Allianz Global Wealth Report 2021 :
หนี้ครัวเรือนไทยยังสูงอย่างน่ากังวล
• โลกพ้นวิกฤต สินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9.7% ในปี 2563 แตะระดับ ประมาณ 7.9 พันล้านล้านบาท
• 2564 เป็นปีแห่งวัคซีน มีการเติบโตโดยรวมของสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกที่ 7%
• โควิดส่งผลระยะยาว สร้างความไม่เท่าเทียมด้านการเงินระหว่างประเทศและภายในประเทศ
• สินทรัพย์ทางการเงินในทวีปเอเชียเติบโตอย่างรวดเร็วที่ 12.7%
• ประเทศไทยมีจำนวนสินทรัพย์สุทธิต่อคนอยู่ที่ประมาณ 167,634 บาท อันดับที่ 7 ของเอเชีย
กลุ่มอลิอันซ์เปิดเผยรายงาน Global Wealth Report ฉบับที่ 12 ซึ่งมีการวิเคราะห์สถานการณ์ของสินทรัพย์และหนี้สินของครัวเรือนในเกือบ 60 ประเทศทั่วโลก
รอดพ้นจากวิกฤต
ปี 2563 เป็นปีที่แห่งความย้อนแย้งที่รุนแรง โควิด-19 ทำลายหลายล้านชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน อีกทั้งเศรษฐกิจโลกยังถดถอยมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะเดียวกันนโยบายการคลังและการเงินได้ระดมทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ตลาด และประชากร นโยบายเหล่านี้ประสบความสำเร็จจากการช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับรายได้ และช่วยให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงช่วยให้สถานะทางการเงินของครัวเรือนรอดพ้นจากวิกฤต ดูจากจำนวนสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 9.7% ในปี 2563 ไปแตะ 200 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 7,926 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรก
เงินออมเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ในขณะที่มาตรการล็อกดาวน์ทำให้การบริโภคลดลงอย่างมาก ปรากฏการณ์ระดับโลกที่เรียกว่า “การออมภาคบังคับ” จึงเกิดขึ้น เงินออมใหม่เพิ่มขึ้น 78% เป็น 5.2 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 2 พันล้านล้านบาท ในปี 2563 ซึ่งสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ เงินที่ไหลเข้าบัญชีเงินฝากทำให้เกิดรายได้ที่ไม่ได้ใช้ในบัญชีธนาคาร เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า (+187%) เงินฝากในธนาคารคิดเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินฝากใหม่ในทุกตลาด นับเป็นครั้งแรกที่เงินฝากในธนาคารทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักหรือ 11.9% มากกว่าอัตราการเติบโตสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 8% เมื่อเกิดวิกฤตการณ์การทางการเงินปี 2551 หลักทรัพย์โตขึ้น 10.9% ซึ่งเป็นอานิสงส์จากตลาดหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่ง เงินประกันและบำเน็จบำนาญโตขึ้นเช่นเดียวกันแต่น้อยกว่า อยู่ที่ระดับ 6.3%
ได้รับภูมิคุ้มกันจากวัคซีน
มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีโลกจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 แม้ว่าช่วงต้นของปีจะแผ่ว รวมถึงยังมีปัญหาต่อเนื่องด้านการค้าโลกและไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ หากแต่ การฉีดวัคซีนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อจีดีพีโลก เนื่องจากจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าอีกครั้งและกลับสู่ภาวะปรกติ (บางส่วน) นโยบายทางการเงินแบบผ่อนปรนและการสนับสนุนทางด้านการคลังในระดับสูงยังคงมีอยู่ สำหรับผู้ที่มีเงินออม การปรับฐานในตลาดหุ้นขนาดใหญ่จะช่วยให้ปี 2564 เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผู้ที่มีเงินออม โดยการเติบโตรวมของสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลกอยู่ที่ 7% โดยเฉลี่ย
“ตัวเลขดูดีมาก” ลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอลิอันซ์ กล่าว “แต่เราควรมองให้ลึกกว่านั้น เพราะครัวเรือนส่วนใหญ่ไม่ได้ออมเงินอย่างจริงจัง แค่กันเงินเอาไว้ เงินที่ไม่ได้เคลื่อนไหวในบัญชีธนาคารเช่นนี้เป็นโอกาสที่น่าเสียดาย ครัวเรือนควรลงทุนเพื่อการเกษียณและการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อช่วยให้สังคมสามารถต่อสู้กับความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่ ซึ่งรวมถึงปัญหาทางด้านสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ ผมกลัวว่าในที่สุดครัวเรือนจะเริ่มเอาเงินออกมาใช้และจะลงเอยด้วยการบริโภคอย่างเกินพอดี ซึ่งมีแต่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เราจึงต้องสร้าง ‘วัฒนธรรมการออม’ อย่างเร่งด่วน”
ผลกระทบระยะยาวของโควิด
ในปี 2563 สินทรัพย์ทางด้านการเงินของตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้น (+13.9%) อีกครั้ง ซึ่งเป็นอัตราที่มากกว่าตลาดในประเทศร่ำรวย (+10.4%) และเป็นรูปแบบของการเติบโตที่เคยเกิดขึ้นหลังจากสามปีที่ผ่านมา ทำให้ช่องว่างระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจนลดลงเล็กน้อย การขยายตัวของช่องว่างระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจนที่เราคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้วดูเหมือนจะหยุดลงในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงเร็วเกินไปที่จะสรุป ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาเติบโตอย่างดีจนน่าเหลือเชื่อในปีแรกที่โควิด-19 ระบาด ประเทศที่ยากจนกว่าอาจได้รับผลกระทบระยะยาวจากการฉีดวัคซีนที่ยังไม่เพียงพอ และการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว
“โรคระบาดเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าสำหรับประเทศยากจน” มิคาเอล กริม ผู้เขียนร่วมของรายงานฉบับนี้กล่าว “เป็นไปได้มากทีเดียวที่โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้ยาวนานกว่าประเทศร่ำรวย แต่ความท้าทายที่แท้จริงที่จะเกิดตามมาก็คือ โลกหลังโควิด-19 ที่ยากสำหรับประเทศเหล่านี้ในการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของตัวเอง เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรด้านเทคโนโลยี การเมือง และวิถีชีวิต เราจะไม่สามารถละเลยความสำคัญของการลดช่องว่างด้านความมั่งคั่ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการพัฒนาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้อีกต่อไป”
เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสินทรัพย์ทางการเงินสูงขึ้น 12.7% โดยเฉลี่ย แต่ในประเทศไทย สินทรัพย์ของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเพียง 7.5%
แม้จะมีวิกฤตโควิด-19 จำนวนสินทรัพย์รวมของครัวเรือนในเอเขียเพิ่มขึ้นถึง 12.7% ในปี 2563 และเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (9.8%) ในปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ทุกกลุ่มที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นนี้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก ได้แก่ เงินฝากธนาคารโต 12.3% หลักทรัพย์ 13.9% ประกันและบำเน็จบำนาญ 11.4% ในประเทศไทยที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างมาก อัตราการเติบโตของสินทรัพย์ทางการเงินยังคงอยู่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 7.5% โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเงินฝาก 10.2% ซึ่งเท่ากับประมาณ 50% ของสินทรัพย์ครัวเรือน หลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 4.7% ในขณะที่ประกันชีวิตและบำเน็จบำนาญเพิ่มขึ้น 4.5%
การเติบโตของหนี้สินลดลงมาอยู่ที่ 4.1% ทำให้สินทรัพย์ทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้น 12.4% อย่างไรก็ตาม การลดลงของจีดีพีทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์เป็น 89.4% โดยเฉพาะประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราหนี้สินต่อจีดีพีสูงที่สุดในเอเชีย จำนวนหนี้ที่สูงเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากหนี้สินรวมสูงถึง 5,490 ยูโรต่อคนซึ่งเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนรวมของสินทรัพย์โดยเฉลี่ยต่อคน หลังจากหักลบหนี้สิน จำนวนสินทรัพย์สุทธิต่อคนอยู่ที่ 4,230 ยูโร หรือประมาณ 167,634 บาท ซึ่งน้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสินทรัพย์เฉลี่ยต่อคนในประเทศจีน หรือเท่ากับ 3% ของสินทรัพย์ของคนโดยทั่วไปในสิงคโปร์ จำนวนสินทรัพย์สุทธิต่อคนในไทยอยู่ในอันดับที่ 7 ในเอเชียและอันดับที่ 44 ทั่วโลก
20 อันดับแรกในปี 2563
สินทรัพย์ทางการเงินสุทธิต่อคน |
สินทรัพย์ทางการเงินรวมต่อคน | |||||||
ยูโร |
ปีต่อปี % |
อันดับ 2000 |
ยูโร |
ปีต่อปี % |
อันดับ 2000 |
|||
#1 สหรัฐอเมริกา |
218,470 |
12.9 |
2 |
#1 สวิตเซอร์แลนด์ |
313,260 |
3.1 |
1 |
|
#2 สวิตเซอร์แลนด์ |
212,050 |
3.7 |
1 |
#2 สหรัฐอเมริกา |
260,580 |
11.2 |
2 |
|
#3 เดนมาร์ก |
149,240 |
14.6 |
12 |
#3 เดนมาร์ก |
212,570 |
10.4 |
6 |
|
#4 เนเธอร์แลนด์ |
128,560 |
12.5 |
7 |
#4 เนเธอร์แลนด์ |
180,190 |
9.3 |
4 |
|
#5 สวีเดน |
124,760 |
8.8 |
14 |
#5 สวีเดน |
173,130 |
7.8 |
15 |
|
#6 สิงคโปร์ |
118,930 |
10.9 |
17 |
#6 สิงคโปร์ |
152,590 |
7.6 |
11 |
|
#7 ไต้หวัน |
117,660 |
11.2 |
13 |
#7 ออสเตรเลีย |
151,690 |
3.9 |
18 |
|
#8 นิวซีแลนด์ |
114,170 |
3.0 |
8 |
#8 นิวซีแลนด์ |
144,660 |
3.4 |
10 |
|
#9 ญี่ปุ่น |
100,470 |
2.8 |
3 |
#9 ไต้หวัน |
139,830 |
10.5 |
16 |
|
#10 เบลเยียม |
98,930 |
3.7 |
4 |
#10 แคนาดา |
139,410 |
6.1 |
9 |
|
#11 แคนาดา |
96,430 |
7.5 |
9 |
#11 เบลเยียม |
126,460 |
3.6 |
5 |
|
#12 สหราชอาณาจักร |
90,020 |
9.7 |
5 |
#12 ญี่ปุ่น |
124,900 |
2.7 |
3 |
|
#13 ออสเตรเลีย |
88,740 |
6.2 |
18 |
#13 สหราชอาณาจักร |
123,580 |
7.7 |
7 |
|
#14 อิสราเอล |
87,460 |
4.5 |
10 |
#14 อิสราเอล |
109,670 |
4.3 |
14 |
|
#15 ฝรั่งเศส |
66,560 |
5.7 |
11 |
#15 นอร์เวย์ |
100,330 |
5.8 |
20 |
|
#16 ออสเตรีย |
63,590 |
5.5 |
16 |
#16 ฝรั่งเศส |
94,990 |
5.5 |
12 |
|
#17 อิตาลี |
62,780 |
2.8 |
6 |
#17 ไอร์แลนด์ |
89,300 |
5.8 |
13 |
|
#18 เยอรมนี |
61,760 |
7.2 |
19 |
#18 ออสเตรีย |
86,500 |
4.7 |
19 |
|
#19 ไอร์แลนด์ |
60,360 |
10.8 |
15 |
#19 เยอรมนี |
85,370 |
6.3 |
17 |
|
#20 เกาหลีใต้ |
36,470 |
18.1 |
26 |
#20 อิตาลี |
78,880 |
2.4 |
8 |
|
#44 ไทย |
4,020 |
12.2 |
36 |
#39 ไทย |
9,510 |
7.2 |
34 |
อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2564 1 ยูโร = 39.63 บาท
A10518
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ