- Details
- Category: กสทช.
- Published: Thursday, 23 November 2017 07:18
- Hits: 6439
กสทช. ให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลฯ ดำเนินการเน็ตชายขอบ Zone C ตามเงื่อนไขเน็ตประชารัฐฯ
กสทช. พิจารณาแนวทางเน็ตชายขอบ ให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการในพื้นที่ Zone C ตามเงื่อนไขเน็ตประชารัฐฯ ของกระทรวงดีอี พร้อมเตรียมแผน 2 เตรียมจัดประกวดราคาหากคณะกรรมการดิจิทัลฯ ไม่รับดำเนินการ
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า สำหรับผลการประชุม กสทช. ที่สำคัญในวันนี้ ที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาแนวทางการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) จำนวนประมาณ 15,732 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ช่วงที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) มอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันในพื้นที่ 24,700 หมู่บ้าน โดยทางสำนักงาน กสทช. ได้จ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดำเนินการศึกษาราคากลางและจุดที่จะให้บริการ โดยกรอบที่ศึกษาที่ได้วางกรอบไว้ คือ
แนวทางที่ 1 ดำเนินการตามกรอบแนวทางที่ กสทช. ดำเนินการในส่วนของโครงการ USO เน็ตชายขอบที่ดำเนินการอยู่ว่าจะต้องใช้กรอบวงเงินในการดำเนินการเท่าไหร่ โครงการ USO เน็ตชายขอบที่ กสทช. ดำเนินการต้องมีอัตราค่าบริการไม่เกิน 200 บาทต่อเดือน จะต้องมีการรับประกัน 5 ปี โครงข่ายต่างๆ ที่มีการจัดตั้งขึ้นมาจะต้องเป็นทรัพย์สินของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ สถานที่ราชการของรัฐ ในพื้นที่ให้บริการจะต้องเปิดจุดเชื่อมต่อสัญญาณให้ฟรี ซึ่งจากการศึกษาถ้าจะดำเนินการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) ตามเงื่อนไขนี้ จะต้องใช้เงินเกือบ 20,000 ล้านบาท ในการดำเนินการ
แนวทางที่ 2 ดำเนินการตามขอบเขตงานและเงื่อนไขเช่นเดียวกับโครงการเน็ตประชารัฐที่กระทรวงดีอีมอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการขยายโครงข่าย และติดตั้งอุปกรณ์จุดบริการ Wi-Fi โดยมีระยะเวลาการสนับสนุนการให้บริการ 1 ปี ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันกรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน 3,283.155 ล้านบาท แนวทางที่ 3 กรณีดำเนินการตามขอบเขตงานและเงื่อนไขเช่นเดียวโครงการเน็ตประชารัฐที่กระทรวงดีอีมอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการ แต่เพิ่มระยะเวลาการสนับสนุนการให้บริการเป็น 5 ปี จะใช้กรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน 7,119.946 ล้านบาท โดยที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1 .เนื่องจากมาตรา 50 วรรคท้าย แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ที่บัญญัติให้ กสทช. มีอำนาจมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมทั้งหมดหรือบางส่วนแทนได้ และในกรณีเช่นนั้นให้ กสทช. โอนเงินที่เรียกเก็บได้ตามที่กำหนดไว้ให้แก่กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อดำเนินการต่อไป ประกอบกับเพื่อให้การดำเนินการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) มอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการ 24,700 หมู่บ้าน กับในส่วนที่ กสทช. รับผิดชอบจำนวนประมาณ 15,732 หมู่บ้าน เป็นไปตามขอบเขตและเงื่อนไขเดียวกัน
ดังนั้น จึงมีมติเห็นชอบให้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการในพื้นที่ Zone C ตามขอบเขตงานและเงื่อนไขเช่นเดียวกับโครงการเน็ตประชารัฐที่กระทรวงดีอีมอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการโดยมีระยะเวลาการสนับสนุนการให้บริการ 1 ปี ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน 3,283.155 ล้านบาท และให้ กสทช. โอนเงินไว้ให้แก่กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อดำเนินการต่อไป
2. ในกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไม่รับดำเนินการ ให้สำนักงาน กสทช. เร่งดำเนินการจัดประกวดราคาเพื่อจัดให้มีการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) ตามขอบเขตและเงื่อนไขเดียวกัน เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนในพื้นที่เป้าหมายสามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและ Wi-Fi สาธารณะได้ครบทุกหมู่บ้านภายในสิ้นปี 2561
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย