- Details
- Category: กสทช.
- Published: Friday, 29 May 2015 12:36
- Hits: 1870
กสทช.ขีดเส้นตาย'เจ๊ติ๋ม'15 วัน ขู่!บุกทวงเงิน'แบงก์บัวหลวง'
แนวหน้า : นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยว่า ล่าสุด กสทช. ได้มีการลงนามในหนังสือแจ้งไปยัง บริษัท ไทยทีวี จำกัด เพื่อให้บริษัท ไทยทีวี ดำเนินการชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่2 พร้อมอัตรา 7.5% ต่อปี ภายหลังพบว่า บริษัท ไทยทีวี ซึ่งเป็นผู้ถือครองใบอนุญาตทีวีดิจิตอลจำนวน 2 ช่อง ได้แก่ ช่องไทยทีวี และช่องโลก้า ไม่ได้ชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอล หลังจากเลยกำหนดชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พ.ค.58 โดยในหนังสือจะมีการระบุว่า ขอให้ บริษัท ไทยทีวี ตอบกลับหนังสือภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งในกรณีดังกล่าว หากบริษัทไทยทีวีขอเลื่อนชำระหนี้ ทาง กสทช. ก็จะอนุโลมให้เลื่อนเวลาออกไป แต่ก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยในอัตรา 7.5%ต่อปี แต่หากทางบริษัท ไทยทีวี ตอบหนังสือกลับมาว่า จะไม่ชำระเงินในส่วนดังกล่าว หรือเพิกเฉยไม่ตอบกลับหนังสือใน 15 วัน ทาง กสทช. จะนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน (แบงก์การันตี) ไปขอขึ้นเงินกับทางสถาบันการเงินที่รับรองให้ บริษัท ไทยทีวี ทันที คือธนาคารกรุงเทพ
อย่างไรก็ตาม กระบวนการขอขึ้นเงินจากแบงก์การันตี ประกอบด้วย กสทช. ต้องนำแบงก์การันตี ไปฟ้องบังคับคดีต่อธนาคารที่ออกแบงก์การันตี เพื่อขอให้ชำระเงินแก่ กสทช. แทนผู้ประกอบการรายนั้น จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนของการที่ธนาคารไปทวงหนี้กับผู้ขอออกแบงก์การันตี ซึ่งตามระเบียบ กสทช. จึงได้รับเงินแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ส่วนธนาคารก็เชื่อว่าจะไม่เสียหายเพราะผู้ขอออกแบงก์การันตีต้องมีหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่ามาค้ำประกันอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับภายหลังจากที่ กสทช. ได้รับเงินจากสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว กสทช. จึงจะดำเนินการฟ้องร้องผู้ประกอบ เพื่อเรียกค่าดอกเบี้ยที่เลยกำหนดชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลในงวดที่2 ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ธนาคารได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้น ทั้งนี้เบื้องต้นเชื่อว่า ธนาคารกรุงเทพ น่าจะมีศักยภาพทางการเงินเพียงพอที่จะชำระเงินให้ กสทช. ทันทีหลังทำเรื่องแจ้งไปโดยไม่ต้องถึงขั้นฟ้องบังคับคดั
"ผมอยากให้ คุณติ๋ม(นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด) คิดให้ดีๆครับ เพราะยังไงถ้าคุณติ๋มไม่จ่ายเงิน กสทช. ก็ไปขึ้นเงินได้กับธนาคาร และธนาคารก็ไปแจ้งเอาเงินจากไทยทีวีได้อีกต่อ ซึ่งส่วนตัว ผมอยากให้คุณติ๋มสู้ต่อนะ เพราะทำต่อหรือไม่ทำต่อ ก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดี แต่ใครจะรู้ว่า ถ้าทำต่อในอนาคตอาจจะมีกำไรและธุรกิจรุ่งก็เป็นได้" นายฐากร กล่าว
'เจ๊ติ๋ม'ส่งทนายซัดกสทช.ผิดสัญญา ยันไม่จ่ายงวด2ท้ายึดเงินแบงก์
นายสุชาติ ชมพล ฝ่ายกฏหมาย ไทยทีวี กล่าวว่า ขณะนี้ไทยทีวี ยังไม่ได้มีการเจรจาใดๆ กับกสทช. ซึ่งไทยทีวี ตนยืนยันว่า ในวันนี้ว่าจะไม่ชำระค่างวดที่ 2 จำนวน 1,634 ล้านบาท เนื่องจาก กสทช.ไม่ปฏิบัติตามแผนแม่บท ที่กพ.หนดไว้ และไม่สามารถแจกคูปองให้แก่ประชาชนทั่วประเทศทั้ง 22 ล้านครัวเรือน ขณะเดียวกันเมื่อบริษัทพิจารณาแล้วไม่ควรมุ่งไปทางนี้เราก็ควรจะหยุด
"ส่วนเรื่องการที่กสทช.จะยึดแบงก์การันตีนั้น บริษัทมองว่า กสทช.ไม่มีสิทธิ์ ก่อนการประมูลทีวีดิจิตอลมันคือภาวะปกติ ซึ่งกสทช.ไม่ทำตามแผน ซึ่งถือว่ามันคือภาวะไม่ปกติ"
อย่างไรก็ตาม ไทยทีวี ยังยืนยันที่จะทำงาน100% ยังคงออกอากาศทั้ง 2 ช่อง โดยปัจจุบัน ไทยทีวี มีใบอนุญาตให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (ทีวีดาวเทียม- เคเบิล) ซึ่งประเด็นกรณีหากไม่ชำระค่าประมูลภายใน 15 วันนับจากปิดการชำระหนี้นั้น ฝ่ายกฏหมายจะต้องไปหารือกันอีกครั้งเนื่องจากไม่ทราบเงื่อนไขดังกล่าว
ผู้บริหารไทยทีวีย้ำยุติทีวีดิจิตอล ไม่จ่าย-ห้ามยึดแบงก์การันตี/ไร้เงาเจ๊ติ๋ม
บริษัท ไทยทีวี จำกัด ยืนยันยุติการออกอากาศช่องทีวีดิจิตอลทั้งช่อง 15 และ 17 พร้อมทั้งไม่จ่ายเงินค่าใบอนุญาตประกอบกิจการที่ค้างอยู่ และไม่ยินยอมให้ยึดแบงก์การันตีที่วางไว้ในการประมูลใบอนุญาต 1,750 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่า กสทช.ไม่ปฏิบัติตามแผนแม่บทปี 2555 ว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคทีวีดืจิตอล ทั้งการประชาสัมพันธ์ การสนับสนุนคูปอง และการขยายโครงข่าย ส่งผลกระทบต่อบริษัทและผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายอื่น ๆ ให้เกิดผลขาดทุนอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะออกอากาศบนแพลทฟอร์มอื่น คือ ทีวีดาวเทียม PSI ช่อง 7 และ ช่องทีวีออนไลน์อื่น ๆ ต่อไป ทำให้ประชาชนสามารถรับชมช่องรายการเดิมที่เคยอยู่บนทีวีดิจิตอลได้ตามปกติ รวมทั้งจะมีการเพิ่มรายการใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คณะผู้บริหารของ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ได้แก่ นายภิญโญ รู้ธรรม ผู้อำนวยการ, นายสุชาติ ชมกุล ตัวแทนฝ่ายกฎหมาย, นายโดม เจริญยศ หัวหน้าฝ่ายผลิตรายการ ร่วมชี้แจงทิศทางการดำเนินธุรกิจทีวีของบริษัท โดยไม่มีนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี จำกัด เข้ามาร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้
นายภิญโญ กล่าวว่า ไทยทีวีจะไม่ดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลทั้งสองช่อง เพราะที่ผ่านมา กสทช.ไม่ได้ทำตามคำพูดที่เคยให้ไว้ก่อนที่จะมีการประมูลใบอนุญาต โดย กสทช.เคยเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจงว่าทีวีดิจิตอลจะเดินไปทางไหน ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายเกิดความมั่นใจว่า กสทช.จะต้องทำตามแผนแม่บทได้ตามที่กำหนดไว้ แต่ ณ วันนี้ไม่ได้เป็นไปตามแนวทางนั้น บริษัทจึงกลับมาทบทวนว่าควรหยุดธุรกิจทีวีดิจิตอล และเชื่อมั่นว่าคงมีผู้ประกอบการรายอื่นถอนตัวออกไปเช่นกัน จากผลความไม่ชัดเจนของ กสทช.
ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้เข้าไปพูดคุยกับ กสทช.เพื่อรับฟังข้อกฎหมายต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีการตกลงว่าจะเป็นไปในแนวทางใดแนวทางหนึ่ง แต่ฝ่ายกฎหมายจะนัดเข้าไปเจรจารายละเอียดกับ กสทช.อีกครั้งหนึ่ง แต่เบื้องต้นหาก กสทช.จะมีการยึดแบงก์การันตีถ้าบริษัทไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือนั้น จะต้องกลับไปดูว่าทาง กสทช.ปฏิบัติได้ตามแผนงานหรือไม่ ไม่ใช่มีอำนาจยึดแบงก์การันตีเพียงอย่างเดียว และเรายืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินใด ๆ ให้กับ กสทช.
ขณะที่นายโดม กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าไทยทีวีจะปล่อยให้จอดำทันทีหรือไม่ แต่จะนำรายการทั้งหมดย้ายไปออกอากาศทางช่องทีวีดาวเทียมและทีวีออนไลน์แทน มั่นใจว่าฐานผู้ชมมีมากกว่า 90% ของประชาชนทั้งหมด จะส่งผลให้ผลประกอบการของไทยทีวีกลับมามีกำไรได้ จากที่ขาดทุนอยู่ถึง 320 ล้านบาท ทั้งการลงทุนในคอนเทนท์และโครงข่าย
ส่วนนายภิญโญ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนเดิมที่กำหนดว่าจะนำบริษัท ไทยทีวี จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ในเดือน ก.ย.58 ณ วันนี้คงไม่สามารถดำเนินการได้ทัน น่าจะเลื่อนไปเป็นเดือน ก.พ.59 และนำหุ้นเข้าซื้อขายได้ช่วงกลางปีหน้า โดยบริษัทมั่นใจว่าการยุติกิจการทีวีดิจิตอลจะส่งผลดีต่อบริษัท เพราะไม่มีความเสี่ยง และราคาหุ้นน่าได้รับการตอบรับที่ดี
อินโฟเควสท์