- Details
- Category: กสทช.
- Published: Friday, 05 May 2023 16:45
- Hits: 2703
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมกับรักษาราชการแทนเลขาธิการ กสทช.ลงพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดเชียงราย วางมาตรการป้องกัน การกระทำผิดคดีออนไลน์ คุมเข้ม ซิมม้า-บัญชีม้า แก็งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาราชการแทนเลขาธิการ กสทช.เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประชุมวางมาตรการแนวทางการสืบสวน ป้องกันการกระทำผิดคดีออนไลน์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดน
โดยมี พล.ต.ท.ธนธัช น้อยนาค ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการตำรวจภูธรภาค 5, พล.ต.ต.พิเชษฐ์ จีระนันตสิน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาจมีความทางเทคโนโลยี หรือ สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บังคับการ สอท.4, พ.ต.อ.แมน รัตนประทีบ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, ร้อยตรี ชัยทัศน์ กรานเลิศ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ด่านศุลกากรแม่สาย จุดผ่านแดนถาวรสะพานข้าม แม่น้ำสายแห่งที่ 2
ก่อนการประชุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ และนายไตรรัตน์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปสำรวจเสาสัญญานโทรศัพท์ตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาศัยพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านในการกระทำความผิด เนื่องจากสัญญานที่ส่งออกจากเสาสามารถส่งไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย โดยช่วงหนึ่งในการประชุมได้มีการหารือในประเด็นนี้ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้นำเสนอสภาพปัญหาอาชญากรรมคดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ call centerในลักษะของการเปิดซิมม้า และบัญชีธนาคารม้า ในลักษณะของขบวนการ ลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดน เพื่อเปิดซิมม้า บัญชีม้าไปใช้ในการกระทำผิด หรือนำไปขายต่อให้แก็งอาชญากรรมออนไลน์ รวมทั้งตัวแทนจำหน่าย จุดให้บริการของการจำหน่ายซิมต่างๆ ที่จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้เน้นย้ำแนวทางการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กสทช., สถาบันการเงิน และปปง.ให้เป็นไปตามเจตนารมย์ ของพระราชกำหนดมาตราการ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด ให้ตำรวจ สอท.ที่มีฐานข้อมูล ส่งต่อข้อมูลกลุ่มเสี่ยงให้ตำรวจพื้นที่เข้าตรวจสอบ ส่วนตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้นำบุคคลกลุ่มเสี่ยง ทำผิดกฎหมายขึ้นบัญชีบุคคลเฝ้าระวัง (watchlist) เพื่อตรวจความเข้มในการเดินทางเข้าออก
ด้าน นายไตรรัตน์ฯ กล่าวว่า จากการที่ได้ตรวจดูเสาสัญญานตามแนวชายแดน พบว่ามีเสาที่ส่งสัญญานไปถึงประเทศเพื่อนบ้านจริง โดยอาจจะมีการยกเลิก หรือปรับย้ายจุดตั้ง โดยการขยับเสาให้ออกมาห่างจากแนวชายแดน ทั้งนี้ต้องไม่ให้กระทบกับผู้ใช้บริการตามแนวชายแดนด้วย
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นนิมิตรหมายอันดี ที่ให้ทุกหน่วยมาร่วมมาบูรณาการแก้ปัญหาต้นตอคดีออนไลน์ โดยได้สั่งการให้ตำรวจประชาสัมพันธ์ผู้ให้บริการ ตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยจะต้องให้ลูกค้ามีการลงทะเบียนซิมให้ถูกต้อง ไม่ใช้ชื่อตัวแทนในการลงทะเบียนซิม
โดยหลังการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.66 เป็นต้นไป จะมีการระดมจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า และร้านจำหน่ายซิมม้า ที่ไม่จดทะเบียนลูกค้าให้ถูกต้องอย่างจริงจัง หากพบมีการฝ่าฝืน ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ให้ตำรวจ สอท. และตำรวจท้องที่ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลบัญชีม้า ซิมม้า ส่งต่อให้ ปปง.และผู้ให้บริการ ดำเนินการอายัดตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้กำชับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประสานข้อมูลกับ สอท.ขึ้นบัญชีบุคคลกลุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิด เพื่อเฝ้าระวังตรวจสอบ พร้อมกับเพิ่มมิติการทำงานแบบบูรณาการ โดยเฉพาะ กสทช.ให้ตำรวจประสานข้อมูลร่วมกันตรวจสอบทั้ง การใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย หรือไฟเบอร์ออพติก ข้ามแนวชายแดน หรือการกระทำความผิดอื่นๆ ในอยู่ในการดูแลของ กสทช.เพื่อร่วมกันสืบสวนป้องกัน ตัดวงจรอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เชื่อว่าผลการประชุม กำหนดมาตรการในวันนี้ จะทำให้การหลอกหลวง คดีออนไลน์ลดน้อยลง ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตลอด
พี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกหลวงคดีอาชญากรรมออนไลน์ หรือพบการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูล เบาะแสได้ที่ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร) โทร. สายด่วน 1441 หรือ 08-1866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง