- Details
- Category: กสทช.
- Published: Friday, 10 October 2014 21:10
- Hits: 2716
กสทช.รับหน้าที่ปิดเว็บไม่เหมาะสม ไอซีทีดูเงินกองทุนฯ
แนวหน้า : นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การหารือร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เสนอแนวทาง เรื่องการแบ่งขอบข่ายอำนาจระหว่างกันให้ชัดเจน ได้แก่ โอนอำนาจในการกำกับดูแลทั้งหมดมาให้ กสทช. ได้แก่ การปิดเว็บไซต์ไม่เหมาะสม หรือการออกใบอนุญาตวงโคจรในกิจการดาวเทียม (ไลเซ่น) ประเภท 1 ตามที่กสทช.เคยอนุมัติให้แก่ บมจ.ไทยคม ในดาวเทียมดวงที่ 7
ส่วนอำนาจในการบริหารจัดการจะมอบให้แก่กระทรวงไอซีทีทั้งหมด เช่น การส่งมอบเงินกองทุนวิจัยและพัฒนาในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ(กทปส.) โดยในส่วนของการแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณของ กสทช. และอำนาจทางกฎหมายของกสทช. ได้เตรียมเสนอเรื่องให้รัฐบาล ผ่านทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ในเรื่องของการจัดทำงบประมาณรายปีเพื่อความโปร่งใส จนถึงการสรรหาและถอดถอน กสทช. และ เลขาธิการกสทช. ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือวุฒิสภา เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจ
"ที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นปัญหาในเรื่องของอำนาจที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ยังคงมีเรื่องที่ทับซ้อนกันอยู่ระหว่าง กสทช. กับไอซีที เช่น หน้าที่ออกใบอนุญาตผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเป็นของ กสทช. แต่หน้าที่ในการปิดเว็บไซต์เป็นของกระทรวงไอซีที ส่งผลให้ทุกครั้งที่กระทรวงไอซีทีจะปิดเว็บไซต์จะต้องมาขอข้อมูลจาก กสทช. ทั้งที่แท้จริงแล้วหน้าที่การกำกับดูแลควรเป็นของ กสทช.เราจึงปลดล็อคตรงนี้เลย ใครมาขอใบอนุญาตจากเราถ้ากระทำผิดเราตรวจสอบข้อมูลมีบทลงโทษชัดเจนถึงขั้นยกเลิกใบอนุญาต"
นอกจากนี้ เขา ระบุว่า หลังจากการหารือร่วมกับไอซีทีได้ในเบื้องต้นแล้ว ยังเตรียมเสนอให้สนช.ระบุให้ชัดเจนถึงกรอบอำนาจของบอร์ดกสทช. ว่าต้องการให้อำนาจโดยรวมเป็นของ กสทช. หรือ แบ่งเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เพื่อความชัดเจน เนื่องจากในอนาคตยังมีอีกหลายส่วนงานที่จะมีความทับซ้อนกัน หรือแม้แต่เรื่องอำนาจในการบริหารงานของ กสทช. ที่กฎหมายระบุให้ผู้มีอำนาจบริหารงานคือ กสทช. แต่เมื่อทำงานแบ่งเป็น กรรมการฝั่งกสท. และ กรรมการฝั่งกทค.ต่างฝ่ายต่างยึดกฎหมายคนละฉบับส่งผลให้อำนาจของ บอร์ดกสทช.ไม่ชัดเจน