- Details
- Category: กสทช.
- Published: Wednesday, 30 May 2018 09:43
- Hits: 2879
เลขาฯ กสทช. เตรียมพิจารณาคำร้องขอพักชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลให้เอกชน 20 รายในสัปดาห์นี้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (28พ.ค.) สำนักงานฯ จะประชุมคณะอนุกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อพิจารณาคำร้องขอพักค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อสรุปและทำหนังสือตอบผู้ประกอบการทั้ง 20 ช่องที่มายื่นแสดงความจำนงพักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตไว้ภายในสัปดาห์นี้
โดยจะมีการพิจารณาผู้ประกอบการแต่ละราย ซึ่ง กสทช.จะกำหนดเงื่อนไขในการพักชำระค่าธรรมเนียมไว้ท้ายหนังสือตอบรับ จากนั้นจะเชิญผู้ประกอบการมาประชุมทำความเข้าใจก่อนจะนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมบอร์ด กสทช.ต่อไป
อินโฟเควสท์
คสช.ออกคำสั่ง ม.44 เป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลแล้ว
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 9/2561 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการที่สุจริต แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสังคม จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทัน ภายในระยะเวลาที่กำหนดไปแล้วนั้น
โดยที่ในปัจจุบันภาวะดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่และมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการแข่งขันทางธุรกิจ ในขณะที่ส่วนแบ่งรายรับจากการประกอบกิจการลดลงอีกทั้งพฤติกรรมการบริโภคสื่อของประชาชนก็เปลี่ยนแปลงไปอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม (Technological Disruption) โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในการเปลี่ยนผ่านระบบการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิทัล ซึ่งแม้ปัญหาดังกล่าวเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจและขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบกิจการ แต่มีบางส่วนเป็นความรับผิดชอบของภาครัฐที่จะต้องมีมาตรการป้องกันมิให้ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึง การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และเสรีภาพของประชาชน
นอกจากนั้น หากปล่อยให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนหรือผู้ประกอบกิจการที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากรัฐในกิจการที่การลงทุนมีมูลค่าสูง และเป็นห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญก่อให้เกิดการจ้างงานและอาชีพต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องตามมาอีกเป็นอันมาก ซึ่งหากประสบภาวะวิกฤติก็จะส่งผลกระทบไปถึงภาคส่วนอื่น ๆ และประชาชนในวงกว้าง รัฐจึงควรมีมาตรการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์อันเนื่องมาจากผลกระทบดังกล่าว เพื่อให้สามารถประกอบกิจการและชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ในที่สุดบนพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม
โดยไม่ก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบและไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความเป็นธรรมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน โดยพิจารณาไม่ให้ภาครัฐและประชาชนเสียหายเมื่อเปรียบเทียบกับการบังคับการให้เป็นไปตามกติกาเดิมอย่างเคร่งครัด และการให้ผู้ประกอบกิจการได้ใช้เวลา โอกาสและทุนในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ และการผลิตหรือการเผยแพร่รายการที่มีคุณภาพให้ทันต่อความต้องการของสังคม และเทคโนโลยี ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันสมควรให้กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะองค์กรสื่อของรัฐสามารถมีรายได้จากการโฆษณาได้ตามความจำเป็น และเพียงพอต่อการพัฒนาภารกิจด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพให้ทันต่อความต้องการของรัฐและสังคมตลอดจนทันต่อเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน โดยต้องไม่เป็นการประกอบธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไร
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติกำหนด ซึ่งมาตรการบรรเทาความเสียหายเหล่านี้ได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว และถือว่าเป็นกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปกิจการด้านสื่อสารมวลชนซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความมั่นคงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยมาตรการแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือ ส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ให้ทีวีดิจิทัล พักชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้ โดยไม่ตัดสิทธิจากการเป็นผู้รับใบอนุญาต และให้ กสทช.สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล (MUX) เป็นจำนวนเงิน 50 % ของค่าเช่าโครงข่ายเป็นเวลา 24 เดือน
และส่วนที่ 2 คือ มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยให้กรมประชาสัมพันธ์ อาจมีรายได้จากการหาโฆษณาได้เท่าที่จำเป็น และเพียงพอต่อการผลิตรายการตามวัตถุประสงค์ โดยต้องไม่เป็นการมุ่งต่อการแสวงหากำไรทางธุรกิจ
โดยคำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป และในกรณีที่เห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
อินโฟเควสท์