- Details
- Category: กสทช.
- Published: Thursday, 04 September 2014 22:25
- Hits: 3099
กสท.หาทางออกช่อง 3 อนาล็อก
บ้านเมือง : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลทุกแห่งได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ตามคำเชิญที่ กสท.เรียกประชุม เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับแก้ปัญหากรณีการออกอากาศระบบอนาล็อก ของช่อง 3 โดยผู้บริหารทีวีดิจิตอลหลายแห่งมีความเห็นสอดคล้องกันว่าต้องการให้ กสท.ซึ่งมีอำนาจโดยตรงตัดสินใจชี้ขาดประเด็นดังกล่าว หลังจากที่โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ กสท. ยื่นหนังสือขอให้ชี้ขาดประเด็นดังกล่าว ยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของ กสท.
ด้านนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เนชั่นฯ กล่าวว่า การมาร่วมประชุมวันนี้ ขอยืนยันว่าสื่อทีวีดิจิตอลต่างๆ ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับช่อง 3 แต่ต้องการฟังแนวทางที่ กสท.จะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านทีวีของประเทศจากอนาล็อก ไปสู่ดิจิตอลเกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งอุตสาหกรรม
นายสุภาพ คลี่ขจาย ประธานชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์ระบบดิจิตอล กล่าวว่า การที่ช่อง 3 ยังคงออกอากาศระบบอะนาล็อก จะสร้างความเสียหายโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายอื่นที่เข้าร่วมประมูลและดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอล โดยจะเกิดผลเสีย เนื่องจากในอนาคตประชาชนที่ได้คูปอง Set top box ก็จะไม่มีความสนใจที่จะนำกล่องเหล่านี้ไปใช้ ขณะที่รายได้ก็จะส่งผลโดยตรง เนื่องจากตัวแทนโฆษณาก็ไม่สามารถวางแผนซื้อสื่อในระบบทีวีดิจิตอลได้
กสท.ให้เวลาช่อง 3 เสนอแนวทางแก้ปัญหาส่งกลับสัปดาห์หน้า
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลและบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ช่อง 3) ว่า วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ โดยทาง กสท.จะนำข้อคิดเห็นในวันนี้ไปใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
พร้อมกันนี้ พ.อ.นทีกล่าวด้วยว่ากสท.จะไม่ส่งหนังสือไปสอบถามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แล้ว โดยกสท.ได้ให้ช่อง 3 ยื่นข้อเสนอมายัง กสท.อีกครั้งหนึ่งโดยเร็วที่สุดหรือภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม ช่อง 3 ยังคงดำเนินการออกอากาศได้ตามปกติทั้งผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีหรือแพลตฟอร์มอื่นจนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
'เคเบิล-ดาวเทียม'ยุติแพร่ภาพวิก3 กสท.จี้เข้าสู่ระบบ-เลิกอ้างคสช.
แนวหน้า : น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับช่อง 3 และผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 24 ช่องว่า กสท. เตรียมส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการโครงข่ายเคเบิลและดาวเทียมห้ามออกอากาศช่อง 3 ในระบบอนาล็อกอีก โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วันต่อจากนี้ เนื่องจาก กสท. มีอำนาจเต็มที่ในการดำเนินการเรื่องนี้ จากการที่ คสช. มีคำสั่งชัดเจนแล้วว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 27 ไม่เคยก้าวล่วงการจัดระเบียบการออกอากาศของระบบอนาล็อกใดๆ ดังนั้น ให้กสท. ไปจัดการในเรื่องนี้เอง
“ช่อง 3 ควรหยุดอ้างประกาศ คสช.ได้แล้ว และหันเข้าสู่การแข่งขันในอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลปกติ ซึ่ง กสท. พร้อมเคลียร์ปัญหาข้อกฎหมายทั้งหมดที่จะทำให้ช่อง 3 ออกอากาศคู่ขนานได้ ทั้งประเด็นผังรายการดิจิตอลซ้ำกับบริษัทคู่สัญญาสัมปทานของ อสมท และประเด็นที่ช่อง 3 อนาล็อกกับช่อง 3 ดิจิตอลเป็นคนละนิติบุคคล กสท. พร้อมช่วยเหลือทุกอย่าง”
อย่างไรก็ตาม การหารือครั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 ไม่ได้เข้าร่วม ได้แต่ทนายความมาเท่านั้น ส่งผลให้ไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจากทางช่อง 3 เพราะตัวแทนที่เข้าร่วมไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ
'ชูชาติ'ติง'กสทช.-ช่อง3'เล่นละคร ปล่อยผงาดเอาเปรียบทีวีสถานีอื่น
แนวหน้า : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ “Chuchart Srisaeng” กรณีความขัดแย้งในข้อกฎหมายระหว่าง กสทช.กับสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อสมท ซึ่งพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าฝ่ายกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช.ระบุชัดเจนว่า กสทช.มีอำนาจและหน้าที่โดยตรงที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น โดยไม่ต้องถามความเห็นจาก คสช.ถือเป็นการตอกหน้าผู้บริหารช่อง 3 ที่นำเอาประกาศ คสช.ฉบับที่ 27 มาอ้าง และตกหน้า กรรมการกสทช.ที่ไม่รู้หน้าที่ตนเอง
นายชูชาติ ระบุว่า เรื่องนี้ถ้า กสทช.จะดำเนินการอย่างจริงจังเรื่องนี้จบได้ภายใน 3 วัน เพียงแค่ กสทช.ทำหนังสือแจ้งผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก หรือเคเบิลทีวี และสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทั้งหลา ยห้ามมิให้แพร่ภาพการออกอากาศของช่อง 3 ในระบบอนาล็อกอีกต่อไป เรื่องก็จบได้ อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม กสทช. จึงไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด ปล่อยให้ช่อง 3 เอาเปรียบช่องอื่นๆ อยู่ได้อย่างไร มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่
“คณะกรรมการ กสทช. คือพลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. รับเงินเดือน 335,850 บาท ส่วนกรรมการ กสทช. อีก 10 คน รับเงินเดือนคนละ 269,000 บาท เงินเดือนที่กรรมการ กสทช. ได้รับมีจำนวนมากกว่านายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา กรรมการในองค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญทุกองค์กร แต่การปฏิบัติหน้าที่พูดได้ว่าไม่เอาไหนเลย เรื่องของ ช่อง 3 ถ้า กสทช. ต้องการให้ช่อง 3 ปฏิบัติตามประกาศของ กสทช. อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับช่องอื่นๆ โดยยึดหลักกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร”
สภาวิชาชีพฯยื่นหนังสือ'ประยุทธ์' ทบทวนบทบาทหน้าที่'กสทช.'
แนวหน้า : ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) สภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ นำโดย รศ.อรุณีประภา หอมเศรษฐี ประธานสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพ และการกระจายเสียง (ประเทศไทย) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขอให้ทบทวนบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางสภาวิชาชีพฯ เห็นว่า กสทช.ยังคงสับสนในบทบาทของตัวเองในการเป็นผู้ควบคุมและดูแลสื่อ อีกทั้งยังใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ได้คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในอาชีพของสื่อ และไม่ส่งเสริมให้สื่อมีความก้าวหน้า รวมทั้งไม่ให้สภาวิชาชีพฯ ร่วมพิจารณากรณีสิทธิเสรีภาพสื่อ อย่างไรก็ตาม หนังสือดังกล่าวทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือผ่าน พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก
คสช.ไฟเขียวกสทช.คืนความสุขผ่านเซต ท็อป บ๊อกซ์ ดีเดย์แจกคูปอง 15 ตุลาคม
แนวหน้า : 'กสทช.'ได้ฤกษ์ แจกคูปองคืนความสุข กล่องเซต ท็อป บ๊อกซ์ มูลค่า 690 บาท ดีเดย์ 15 ตุลาคมนี้ นำร่องแจก 45 จังหวัด ย้ำหากใครไม่ใช่สิทธิ์ให้เก็บไว้หรือทำลายอย่าส่งคืนกสทช. เพราะคูปองมีอายุแค่ 6 เดือน จากนั้นเงินดังกล่าวจะถูกส่งเข้ารัฐนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นต่อไป
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติอนุมัติกรอบวงเงิน 16,165.265 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล
งบประมาณดังกล่าวนำไปใช้สนับสนุนค่าคูปอง 22.9 ล้านฉบับ ฉบับละ 690 บาท เป็นเงิน 15,801 ล้านบาท, ค่าจ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พิมพ์คูปองฉบับละ 2.85 บาท เป็นเงิน 65 ล้านบาท, ค่าสติ๊กเกอร์คู่คูปอง ฉบับละ 1.50 บาท เป็นเงิน 34,350 ล้านบาท, ค่าสติ๊กเกอร์เครื่องหมายแสดงความสอดคล้องมาตรฐาน ฉบับละ 1.50 บาท เป็นเงิน 34,350 ล้านบาท, ค่าจัดส่งคูปองผ่าน บริษัท ไปรษณีย์ไทยฉบับละ 10 บาท เป็นเงิน 229 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมธนาคารกรุงไทย ในการขึ้นเงิน ฉบับละ 0.55 บาท เป็นเงิน 12 ล้านบาท, ค่าบริหารจัดการโครงการ 50 ล้าน และค่าดำเนินการตรวจสอบ 30 ล้านบาท
หลังจากนี้สำนักงาน กสทช. จะประกาศรายชื่อผู้ประกอบที่จัดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล และทีวีที่สามารถรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้ในตัว ที่จะเข้าร่วมโครงการในการในวันที่ 15 กันยายน ภายหลังเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมาโดย กสทช. จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการทุก 15 วัน
โดยจะเริ่มแจกคูปองเงินสดส่วนลดสำหรับแลกซื้อเครื่องรับโทรทัศน์แบบรับสัญญาณดิจิตอล ในตัว (iDTV) หรือกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล (เซต ท็อป บ๊อกซ์) มูลค่า 690 บาท ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2557 ผ่านทางไปรษณีย์จนครบ11.45- 11.89 ล้านครัวเรือน โดยจะครอบคลุมการเข้าถึงประชากร 52% ของประชากรทั้งหมด รวม 45 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้ จากนั้นภายใน 2 ปี ต้องแจกให้ครบ 77 จังหวัด ครอบคลุม 22.9 ล้านครัวเรือน ส่วนวันเริ่มใช้สิทธิ์ในการแลกคูปอง ได้กำหนดให้เป็นในวันที่ 25 ตุลาคม 2557
ทั้งนี้ จะเริ่มจัดส่งคูปองให้ประชาชนผ่านทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2557 จะเริ่มแจก 45 จังหวัด ทยอยแจกในจังหวัดที่เป็นสถานีหลัก 11 สถานีหลัก ประชาชนที่จะได้รับการแจกจ่ายคูปองจะต้องมีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ให้บริการที่โครงข่ายในแต่ละจังหวัดครอบคลุมอยู่ด้วย ดังนี้ 1.สถานีหลักกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ปราจีนบุรี เพชรบุรี และสระบุรี (บางพื้นที่) 2.สถานีหลักนครราชสีมา ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา 3.สถานีหลักเชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน 4.สถานีหลักสงขลา ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสงขลา พัทลุง ปัตตานี 5.สถานีหลักอุบลราชธานี ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
6.สถานีหลักสุราษฎร์ธานี ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี 7.สถานีหลักระยอง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด ระยอง จันทบุรี และชลบุรี 8.สถานีหลักสิงห์บุรี ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี ชัยนาท สระบุรี และสุพรรณบุรี 9.สถานีหลักสุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชรและพิจิตร 10.สถานีหลักขอนแก่น ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด ขอนแก่น มหาสารคามและกาฬสินธุ์ 11.สถานีหลักอุดรธานี ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด อุดรธานี หนองคายและหนองบัวลำภู
การใช้สิทธิ์คูปองจะทำได้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2557 โดยประชาชนสามารถนำไปแลกซื้อ เซต ท็อป บ๊อกซ์ กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องทำประชาสัมพันธ์จุดรับแลกอุปกรณ์ตามที่กสทช. กำหนด คือ 1 จังหวัดไม่น้อยกว่า 4 แห่ง บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะมีสติ๊กเกอร์จาก กสทช. เพื่อนำมาติดไว้ที่ตัวอุปกรณ์และคูปอง เพื่อยืนยันการใช้สิทธิ์ และเป็นหลักประกันในการกำหนดวันเริ่มใช้สิทธิ์ เนื่องจาก กสทช. ได้กำหนดไว้หากอุปกรณ์ชำรุดสามารถนำมาแลกอุปกรณ์ชิ้นใหม่ได้ภายใน 30 วัน แต่หลังจาก 30 วัน-2 ปี หากอุปกรณ์มีปัญหา สามารถส่งให้ทีมช่างของบริษัทที่รับแลกคูปองตรวจสอบว่าเป็นการเสียจากโรงงาน หรือจากการทำของผู้ใช้งาน หากเสียจากโรงงานบริษัทที่รับแลกจะเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้ซึ่งระหว่างการตรวจสอบบริษัทต้องรับผิดชอบหาอุปกรณ์รับชมทีวีดิจิตอลอื่นๆ มาให้ใช้งานเพื่อทดแทน
“การแจกคูปองครั้งนี้คาดมีผู้ใช้สิทธิ์ 80% หรือคิดเป็นเงินมูลค่าคูปองราว 8,000 ล้านบาท เชื่อว่าช่วงแรกประชาชนจะแลก
ไม่ครบเพราะหลายคนอาจซื้อกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล หรือทีวี.ที่สามารถรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้ด้วยตัวเองไปก่อนแล้ว หากใครไม่ใช้สิทธิ์แลกคูปองอย่านำส่งคูปองกลับมาที่ กสทช. ขอให้เก็บไว้หรือทำลายทิ้งก็ได้ เนื่องจากเมื่อครบ 6 เดือนหากยังไม่ใช้สิทธิ์ เงิน 690 บาทในคูปองนั้นจะนำส่งเป็นรายได้คืนให้แก่แผ่นดิน เพื่อทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในด้านอื่นๆ ต่อไป”นายฐากร กล่าว