WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Sahakornศาลไฟเขียว ฟื้นฟูสหกรณ์คลองจั่น ทำแผนภายใน 5 เดือน

    แนวหน้า : ศาลไฟเขียว ฟื้นฟูสหกรณ์คลองจั่น ทำแผนภายใน 5 เดือน บี้เจ้าหนี้ลงชื่อใช้สิทธิ์ แฉศุภชัยแอบซื้อที่ดิน

    ที่ศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 20มีนาคม ศาลนัดฟังคำสั่งหลังจากได้รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยตุลาการศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกะดสามารถฟื้นฟูกิจการได้ และให้คณะกรรมชุดปัจจุบัน นำโดย นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานดำเนินงานสหกรณ์ เป็นผู้ทำแผน โดยมีระยะเวลาตามกฏหมาย 3 เดือน แต่สามารถขอขยายเวลาได้2ครั้ง ครั้งละ1เดือน รวมทั้งสิ้นไม่เกิน5เดือน

    ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลที่สั่งให้ฟื้นฟู 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรก สหกรณ์แห่งนี้ขาดสภาพคล่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากปล่อยให้ล้มละลายจะสร้างความเดือดร้อนแก่สมาชิก กว่า 56,000 ราย และสร้างผลกระทบต่อสหกรณ์ผู้ฝากเงินกว่า 76 แห่ง

    ในประเด็นที่สอง ในอดีตสหกรณ์ดำเนินธุรกิจมีผลกำไรสูงมาตลอด และมีการปันกำไรให้สมาชิกเกณฑ์ค่อนข้างสูง ตามกำหนดของกฏหมาย จึงมีโอกาสที่จะดำเนินกิจการทำผลกำไรต่อได้ ประเด็นที่สาม คือ มีจำนวนเจ้าหนี้ สนับสนุนให้ฟื้นฟู มากกว่าผู้คัดค้าน อีกทั้งมีสหกรณ์อื่นและหน่วยงานภาครัฐแสดงเจตจำนงค์ช่วยเหลือด้านการเงินหากเข้าสู่กระบวนการของแผนฟื้นฟู ส่วนเหตุผลที่สั้งให้คณะกรรมการสหกรณ์ชุดปัจจุบันเป็นผู้ฟื้นฟู เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญการดำเนินการภายในและรู้ข้อมูลด้านการเงินของสหกรณ์เป็นอย่างดี

    ขณะที่ศาลชี้แจงเหตุผลของผู้คัดค้านประเด็นโต้แย้งไม่ให้คณะกรรมการชุดปัจจุบันเป็นผู้ทำแผนว่า การฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ไม่เคยมีมาก่อน อาจมีความล่าช้าในบางเรื่อง และงบดำเนินการที่สูง ซึ่งไม่มีน้ำหนักพอที่จะชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต

    ด้าน นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานดำเนินงานสหกรณ์ เปิดเผยหลังฟังคำสั่งศาล ว่า เชื่อมั่นว่าการฟื้นฟูกิจการจะทำได้สำเร็จ ด้วยเหตุผลสามข้อ คือ หนังสือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนงบประมาณเพื่อการฟื้นฟูกิจการ สองคือ เชื่อว่าการฟ้องร้องเรียกทรัพย์คืน จะได้ทรัพย์ดังกรณีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร โอนบริจาคให้วัดพระธรรมกาย สามคือ ลูกหนี้เก่าของสหกรณ์ที่มีมูลหนี้กว่า2พันล้านบาท ได้เริ่มทยอยชำระหนี้คืน

    ส่วนการเยียวยาสมาชิก จะเริ่มเปิดให้สมาชิกยื่นคำร้องได้ตั้งแต่วันที่ 21มีนาคมเป็นต้นไป เบื้องต้นคณะกรรมการจะให้ถอนได้ร้อยละ10 ของเงินที่มีในเดือนเมษายน แต่ไม่เกินเดือนละ 2หมื่นบาทต่อเดือน และจะปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยเชื่อมั่นว่า สภาพคล่องที่มีปัจจุบัน คือเงินบัญชี 250ล้านบาทและเงินคืนจากวัดพระธรรมกายเดือนละ 100ล้านบาท จะเพียงพอต่อการเยียวยาสมาชิก โดยใช้เวลาฟื้นฟูตามกรอบระยะเวลา 5ปี แต่ไม่เกิน 7ปี

   วันเดียวกันกระทรวงยุติธรรม  พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญา 3 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และน.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

    พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ฯคลองจั่น ถือเป็นกรณีศึกษาในเรื่องของการเกิดทุจริตขึ้นภายในองค์กร ซึ่งเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับรมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาแนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้ ซึ่งตนเน้นย้ำมาตลอดว่า การวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตนั้นสำคัญกว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะสุดท้ายก็จะมีเงินบางส่วนที่หายสาบสูญ และผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือประชาชนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขณะนี้มีสหกรณ์ทั่วประเทศทั้งหมด7,700 แห่ง มีเงินหมุนเวียนรวมทั้งสิ้นประมาณ 2 ล้านล้านบาท  ซึ่งความเสียหายของสหกรณ์ฯคลองจั่น มีมูลค่าเพียง ร้อยละ 0.59 ของเงินในระบบสหกรณ์ทั้งประเทศซึ่งถือว่าน้อยมากในระบบสหกรณ์ แต่ก็ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลยังดูแลเรื่องตรงนี้อยู่

   ด้าน น.ส.รื่นฤดี กล่าวว่า กรณีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์ฯคลองจั่น และแต่งตั้งผู้ทำแผน ในส่วนของกรมบังคับคดีได้ประสานไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จึงทำให้ทราบว่าจะสามารถประกาศคำสั่งศาลในราชกิจจานุเบกษา ได้ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ โดยเจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ภายใน 30 วัน จนถึงวันที่ 7 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการยื่นคำขอชำระหนี้ หากพ้นกำหนดไปแล้ว ถือว่าหนี้จะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย

                น.ส.รื่นฤดี กล่าวต่อว่า ส่วนผู้จัดทำแผน จะต้องทำแผนฟื้นฟูให้แล้วเสร็จภายใน 7 ก.ค.นี้ หากเป็นไปตามกำหนดดังกล่าว กรมบังคับคดีจะสามารถเรียกประชุมเจ้าหนี้ได้ภายในเดือนก.ย.นี้ ก่อนนำผลการพิจารณาเสนอให้ศาลเห็นชอบแผนการฟื้นฟูต่อไป ทั้งนี้ ผู้จัดทำแผนสามารถยื่นขอขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน  อย่างไรก็ตาม เจ้าหนี้ตามบัญชีแนบท้ายคำขอรับการขอฟื้นฟูกิจการมีทั้งหมด 56,599 คน ซึ่งตามกฎหมายระบุว่า คือผู้ที่มีเงินฝากกับสหกรณ์ โดยไม่นับรวมสมาชิกประเภทถือหุ้นที่ไม่มีเงินฝาก ซึ่งในส่วนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผู้จัดทำแผนว่าจะมีมาตรการในการเยียวยาอย่างไร

   พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ในส่วนของการติดตามทรัพย์ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการอายัดทรัพย์สินเพิ่ม และทางสหกรณ์ได้ร้องต่อศาลเพื่อขออายัดทรัพย์สินนั้นต่อไปแล้ว 3,811 ล้านบาท แต่ยังมีทรัพย์สินจำนวนมากที่ยังอยู่ในการอายัดของ ปปง. โดยสัปดาห์หน้าจะเรียกผู้บริหารสหกรณ์มาร่วมหารือเพื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินที่ ปปง. สืบทราบว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น ได้ยักยอกเงินออกไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น โดยเป็นพื้นที่ที่มูลค่าสูง อาทิ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และจ.นครราชสีมา

   พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในส่วนของภาครัฐ จะมีการพิจารณาเก้ไขกฎหมายพรบ.ฟอกเงิน ในส่วนของการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย โดยเฉพาะการนำทรัพย์สินที่อายัดได้ไปขายทอดตลาดทันที โดยไม่ต้องรอคำชี้แจงจากเจ้าของทรัพย์

   ในส่วนของ น.ส.สุวณา กล่าวว่า ความคืบหน้าของการติดตามดำเนินคดีกับนายศุภชัย และพวก ขณะนี้ได้รับรายงานว่า ในส่วนของชุดติดตามร่องรอยทางการเงินจากเช็ค 878 ฉบับ ได้ติดตามไปถึงระดับที่ 2 ของการจ่ายเช็ค ขณะที่ชุดตรวจสอบเกี่ยวกับกฎหมายพบว่า มีการปล่อยกู้ให้กับสมาชิกสมทบที่เป็นนิติบุคคล 28 แห่ง มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ก็เป็นการปล่อยกู้ที่ผิดคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ โดยมอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบในการขยายผลเรื่องดังกล่าวแล้ว

    เที่ยงวันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พระมนตรี สุตาภาโส เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปฝ่ายอบรมต่างประเทศ วัดพระธรรมกาย พร้อมทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อชี้แจงกรณีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผู้ต้องหาคดียักยอกเงินสหกรณ์ฯกว่า13,000บาท สั่งจ่ายเช็คจำนวน878ฉบับ โดยในจำนวนนี้ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับพระมนตรีจำนวน100 ล้านบาท

   พระมนตรี เผยว่า ตนมาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอในฐานะพยาน พร้อมนำเอกสารหลักฐานการเงินมาประกอบคำชี้แจงเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับเช็คหรือรับเงินจำนวน100ล้านบาทตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

   กระนั้นก็ตามพระมนตรี ยอมรับว่า รู้จักนายศุภชัย แต่ในฐานะคนทำบุญทั่วไป โดยรู้จักกันเมื่อปี2552 ซึ่งนายศุภชัยเคยร่วมทำบุญในโครงการผลิตสื่ออบรมสามเณร ซึ่งได้โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อร่วมบุญช่วงปี52-53 จำนวนไม่เกิน5ล้านบาท และเงินจำนวน5ล้านบาทนี้ ถูกโอนเข้าบัญชีชื่ออาตมาบางส่วนไม่ใช่ทั้ง5ล้านบาท

   ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หลวงปู่พระพุทธอิสระ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อติดตามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนกรณีที่ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอัยการที่มีการเปลี่ยนชุดอัยการเพื่อพิจารณาคดีพระธัมมชโย ถูกกล่าวหายักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกายในอดีต ส่งผลให้การพิจารณารูปคดีเปลี่ยนแปลงไป

   โดย นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้รับเรื่อง หลังรับเรื่องร้องเรียน ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาคำร้องและตรวจสอบว่าเหตุใดอัยการจึงมีคำสั่งถอนฟ้องพระธัมมชโย ขณะเดียวกันได้มีหนังสือไปยังหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนให้มีการชี้แจงกลับมาภายใน 15วัน ซึ่งในวันนี้ถือว่า ครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้วและศาลอาญาเป็นหน่วยงานแรกที่แจ้งกลับมายังผู้ตรวจฯว่า ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปคัดเอกสารคำสั่งศาลอาญา

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!