- Details
- Category: ศาล
- Published: Friday, 05 September 2014 10:31
- Hits: 9819
วันที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8682 ข่าวสดรายวัน
ศาลยกซํ้า เผาเซ็นทรัลปี 53 'อุทธรณ์'ยืนตามชั้นต้น ชี้พยานทุกปากไร้น้ำหนัก ยันไม่เห็นขณะวางเพลิง 2หนุ่มแดงร่ำไห้-พ้นผิด
พ้นผิด - นายสายชล แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ เข้ารับฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ ในคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ในเหตุการณ์ชุมนุมปี"53 โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคำตัดสินยกฟ้องให้พ้นความผิด ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อ 4 ก.ย. |
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามชั้นต้น ยกฟ้อง 2 หนุ่มแนวร่วมเสื้อแดง คดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อปี 2553 ชี้อัยการโจทก์ไม่มีพยานมายืนยันเห็นจำเลยวางเพลิง เห็นแค่ถือถังดับเพลิง ที่ไม่สามารถนำไปวางเพลิงได้ พลันสิ้นคำพิพากษา เจ้าตัวถึงกับร่ำไห้ดีใจพ้นข้อกล่าวหา ขอบคุณศาลเมตตาให้ความยุติธรรม ขณะที่ทนายจำเลยคาดอัยการไม่ฎีกา เพราะยกฟ้อง 2 ศาล ต้องมีผู้พิพากษาที่เห็นแย้งในคดีเซ็นรับรองให้ฎีกา
เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 405 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ตามที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสายชล แพบัว อายุ 32 ปี และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 30 ปี ผู้ชุมนุมนปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือน ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง เนื่องจากพยานโจทก์ตอบคำถามไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้วางเพลิง จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลันที่ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสร็จ นายสายชล หนึ่งในจำเลย ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลย กล่าวว่าศาลมองว่าในส่วนของจำเลยที่ 1 พยานโจทก์ต้องมีพยานมาเบิกความสนับสนุน ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนที่เข้ามาวางเพลิง และมีพฤติการณ์ที่ต่อเนื่องไปจนถึงการปาระเบิด ขณะที่อากัปกิริยาของจำเลยที่ 1 ที่ว่ากระทำการวางเพลิงเผาทรัพย์นั้น โจทก์ไม่มีพยานมายืนยันสนับสนุน แค่เห็นว่าเป็นการวางเพลิง และพยายามเชื่อมโยงกับกลุ่มที่มีอาวุธปืน เนื่องจากถังดับเพลิงที่จำเลยที่ 1 ถือนั้น ไม่ได้นำไปใช้ก่อเหตุวางเพลิง อีกทั้งพยานโจทก์ทุกปากไม่ยืนยันว่าเห็นจำเลยที่ 1 อยู่ในขณะเกิดเหตุวางเพลิง พยานทั้งหมดของโจทก์จึงมีน้ำหนักน้อยมาก
ทนายความจำเลยกล่าวต่อว่า ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้วางเพลิงแล้ว การสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันวางเพลิงนั้น อัยการไม่สามารถสืบให้เชื่อมโยงกันได้ จึงไม่สามารถรับฟังว่าทั้งสองเป็น ผู้วางเพลิงได้ ส่วนจะฎีกาคดีนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะพิจารณาหรือไม่ แต่โดยหลักแล้วคดีที่ยกฟ้อง 2 ศาล ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อกฎหมายก็ห้ามเหมือนกัน มีทางเดียวที่อัยการจะฎีกาได้ คือขอให้ผู้พิพากษาที่มีความเห็นแย้งในคดีรับรองให้ฎีกา
ด้านนายพินิจ หนึ่งในจำเลย กล่าวว่า ดีใจมากที่พ้นข้อกล่าวหาเผาห้าง ขอขอบคุณศาลที่เมตตาให้ความยุติธรรม