- Details
- Category: คอรัปชั่น
- Published: Sunday, 07 September 2014 09:29
- Hits: 4870
'ประยุทธ์'ดันปราบทุจริต วาระแห่งชาติ จี้ทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน
แนวหน้า : 'ประยุทธ์'ดันปราบทุจริต วาระแห่งชาติ จี้ทุกภาคส่วนร่วมผลักดัน แนะขรก.ยึดแนวทางพอเพียง'ถวิล'ซัด 3 ประสานต้นเหตุโกง นักการเมืองเลว-ข้าราชการชั่ว สมคบกับผู้ประกอบการไม่ดี
ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ เมื่อเช้าวันที่ 6 กันยายน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) นำโดย นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรฯได้จัดงาน'วันต่อต้านคอร์รัปชั่น 2557' โดยมีตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ออกมารวมพลังร่วมงานจำนวนมากเพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ถ่ายภาพแสดงพลัง”Hand In Hand ปฏิรูปการต่อสู้ เพื่อชัยชนะอย่างยั่งยืน”จากนั้นได้ร่วมกันกล่าวคำปฏิญานตน เป็นข้าราชการและนักธุรกิจที่ดี เพื่อให้เกิดความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการต่อต้านปราบปรามคอร์รัปชั่นของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งตระหนักถึงภัยร้ายแรงและเห็นความสำคัญในการปราบปรามต่อต้านคอร์รัปชั่นในหน่วยงาน
ร่วมเดินณรงค์ต้านโกงคึกคัก
พร้อมร่วมเดินขบวนพาเรดรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันไปตามถนนราชดำริถึงแยกราชประสงค์ เลี้ยวขวาเข้าถนนพระรามที่1 พร้อมป้ายข้อความ”HAND IN HAND ปฏิรูปการต่อสู้เพื่อชัยชนะอย่างยั่งยืน”โดยผู้เดินขบวนยังใส่เสื้อรูปมือไขว้กัน พร้อมกับคำว่า”HAND IN HAND”ซึ่งตลอดการเดินมีการตะโกนว่า”คอรัปชั่นออกไป”ด้วย จากนั้นขบวนได้เลี้ยวเข้าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิล งานแสดงวิสัยทัศน์”HAND IN HAND ปฏิรูปการต่อสู้เพื่อชัยชนะอย่างยั่งยืน”มีตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวดบริเวณชั้นล่างของโรงแรม รวมทั้งบริเวณหน้าห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น22 ที่จัดงานแสดงวิสัยทัศน์ได้มี สารวัตรทหารจากกองบัญชาการกองทัพบกนำซุ้มเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาตั้งไว้ที่ประตูเพื่อตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยของผู้เข้าร่วมงานโดยผู้ที่จะเข้าร่วมงานต้องผ่านการตรวจกระเป๋าอย่างละเอียดด้วย
ประยุทธ์ร่วมงานวันปราบทุจริต
จากนั้นเวลา 10.00 น.ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น22 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่ง องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ร่วมกับภาครัฐและเอกชน ได้จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่น 2557 “HAND IN HAND…ปฎิรูปการต่อสู้ เพื่อชัยชนะอย่างยั่งยืน”
โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานจำนวนมากประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาสุโสและอดีตประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์และทุกคนได้ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นสัญลักษณ์มือประสานและคำว่าACT ด้วย
ปลุกปรองดองแก้ปัญหาชาติ
จากนั้นเวลา 10.55 น.นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย)ได้กล่าวเปิดงานว่าปีนี้ได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นประธานเปิดงานและเข้าร่วมงานนี้ ถือเป็นการยืนยันหนักแน่น และชัดเจนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต่อต้านคอร์รัปชั่น ที่ผ่านมาสังคมตระหนักถึงความเสียหายจากการคอร์รัปชั่น จนนำไปสู่การร่วมมือกับทุกภาคต่อต้านการคอร์รัปชั่นอย่างชัดเจน ปีนี้เป็นปีสำคัญยิ่งของประเทศไทย เราต้องปฏิรูปการต่อสู้โดยสร้างความปรองดองทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ได้กล่าวคำปรองดองเพื่อเอาใจใคร แต่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ ไม่ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ทุกส่วนต้องมานั่งคุยกัน เพื่อหาทางออกให้ประเทศ
ประกาศเอาชนะโกงยั่งยืน
“เราต้องทำให้ได้ ต้องเอาชนะการคอร์รัปชั่นอย่างยั่งยืนวันนี้เรามีผู้นำประเทศที่คนไทยเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต หวังดีต่อแผ่นดินไทย เรามีข้าราชการที่จะปกป้องประเทศ สร้างเกียรติยศให้คำว่าราชการ เรามีภาคธุรกิจเอกชนที่มุ่งมั่นพัฒนาประเทศด้วยจริยธรรม พร้อมทำงานใกล้ชิดภาคราชการรวมทั้งมีตัวแทนภาคสังคม ซึ่งขอคำมั่นสัญญาว่าจะทำในสิ่งที่ประกาศเจตนารมณ์ เพื่อประเทศชาติ เพื่อลูกหลาน เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของแผ่นดินไทย “นายประมนต์ ย้ำ
นายกฯตู่ดันเป็นวาระแห่งชาติ
ต่อมาเวลา11.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาว่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะปฏิบัติงานนอกสถานที่ครั้งแรกทำให้รู้สึกเขินที่ถูกเรียกว่านายกรัฐมนตรียังไม่รู้สึกว่าเป็นนายกฯ ปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิรูปประเทศไทย รัฐบาลและคสช.ให้ความสำคัญและกำหนดให้การแก้ไขการทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ในทุกหัวข้อการปฏิรูป ถือเป็นวาระแห่งชาติเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศ โดยการทุจริตคอร์รัปชั่นที่สั่งสมมานานทำให้เกิดหลายปัญหาเช่นความวุ่นวายทางการเมือง ความแตกแยกของคนในชาติและนับวันยิ่งรุนแรงมาก ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ หน่วยงานรัฐและเอกชนขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนทรัพยากรประเทศไปอยู่กับต่างชาติหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ควรเป็นของคนไทยทั้งชาติ รัฐบาลถือเป็นประเด็นแรกที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนให้มีผลเป็นรูปธรรม หากปล่อยไว้จะสร้างค่านิยมผิดๆให้เยาวชน ทั้งนี้ลำพังรัฐบาลอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ต้องอาศัยทุกภาคส่วนสร้างทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
แนะ ขรก.ยึดแนวทางพอเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ระบบราชการต้องยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง นำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการปฏิบัติงาน ทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพไม่เอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จึงขอให้ภาครัฐภาคเอกชนประชาชนร่วมมือกันเป็นเครือข่าย โดยร่วมมือองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ขณะที่คนไทยต้องเริ่มปลูกจิตสำนึกคุณธรรมและจริยธรรม อย่าเมินเฉยต่อการทุจริต โดยต้องมีคุณธรรมจริยธรรมรู้ว่าสิ่งใดดีไม่ดี ก็จะแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง จากนั้นสร้างคนให้มีพลังให้มากขึ้น เมื่อใหญ่ขึ้นก็จะทำให้คนทั้งประเทศมีคุณภาพ เพราะฉะนั้นต้องสร้างองค์กรของท่านให้ตื่นตัวต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อให้ประเทศไทยปราศจากการทุจริต วันนี้เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนและปีนี้เป็นปีแห่งการปฏิรูปประเทศไทยให้ก้าวหน้าและให้เกิดการปฏิรูปยั่งยืน เพื่อให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมประเทศต่างๆ โดยต้องดูต่างประเทศว่าก้าวหน้าไปอย่างไรบ้างและนำมาปรับให้เข้ากับสังคมไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนไทยรักง่าย ค่อนข้างโรแมนติก รักง่ายเกลียดง่าย ใจอ่อน ถ้าเกลียด ก็เกลียดกันจนตาย แต่เดี๋ยวก็ให้อภัยกัน หยวนๆแต่ต้องมีหลักการกฎหมาย ก็คือกฎหมาย เพราะมีส่วนทำให้สังคมมีสันติสุข แต่ไม่ใช่เพื่อทำลายล้างใคร อยากให้คนรู้สึกอย่างนั้นโดยพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผลเดินอย่างไรให้ได้รับการยอมรับ ไม่กี่ปีที่ผ่านมากฎหมาย ทำให้เกิดปัญหามากมายวันนี้ต้องเร่งคิดพิจารณาว่าควรเดินไปอย่างไรเป็นเหตุเป็นผลได้รับการยอมรับให้เกิดความเข้มแข็ง ภาคตุลาการต้องทำตรงนี้ให้ได้ บุคลากรของเรามีความรู้มีคุณภาพทุกสายงาน วันนี้ประเทศไทยเดินด้วยอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการทั้ง3อำนาจ ที่เป็นพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใครก็ตามที่นำพระราชอำนาจมาใช้ในทางที่ผิดคนเหล่านั้นไม่เจริญเพราะเป็นแผ่นดินของพระมหากษัตริย์
วอนทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า”วันนี้ขอให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลและคสช.จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ที่จะทำให้ประเทศชาติก้าวหน้าโดยเฉพาะวงจรต่างๆต้องปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นผิดกฎหมายโดยเร็วที่สุด ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ขณะที่รัฐบาลมีรัฐมนตรีปลัดกระทรวงขับเคลื่อนการทำงาน วันนี้ คสช.เข้ามา4เดือน แบกภาระไว้เต็มบ่า แต่อย่ากังวลว่าเราจะทำได้หรือไม่ ผมไม่ใช่นักการเมือง ไม่จำเป็นต้องรักษาฐานเสียงที่ไหน ผมเข้ามาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เข้ามาก้าวล่วงใคร นี่คือ การควบคุมอำนาจของผม ไม่ได้กุมอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ของผม หรือคสช.เพราะผมเพียงพอแล้ว”
ทำให้ดีขึ้นขจัดโกงยั่งยืน 11 เรื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ต้องสร้างให้ทุกคนอยู่ดี และความเข้าใจให้กับสังคมเพื่อให้เกิดกระบวนการกำจัดคอร์รัปชั่นอย่างยั่งยืน ทั้ง11เรื่องของการปฏิรูป ถ้าประเทศไทยมีเสถียรภาพ อีกไม่นานจะเป็นมหาอำนาจอย่างแน่นอน คนไทยมีด็อกเตอร์มากมาย ความรู้ทางวิชาการเป็นหมื่นเป็นพัน คนไทยมีนิสัยอย่างหนึ่งเก่งทุกคน แต่รวมกันเก่งไม่ได้ ไม่มีใครยอมใคร อย่างไรก็ตามการพัฒนาประเทศดูแบบอย่างจากต่างประเทศที่มีอยู่แล้วจากงานวิจัยต่างๆ และนำมาพัฒนาให้เกิดความแตกต่าง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากความขัดแย้ง วันนี้ไม่มีเวลาที่จะแก้ปัญหาต้องขอความร่วมมือจากทุกคนในการขับเคลื่อนปัญหาต่อไป อย่าปล่อยให้เขาลดระดับประเทศเราอีก ทุกประเทศที่มาพบตนบอกว่า ยังให้ความมั่นใจการลงทุนในประเทศไทยเพราะเห็นถึงความตั้งใจของเรา ซึ่งพล.อ.ประยุท ใช้เวลาปาฐกถานานประมาณ 30นาที ระหว่างพูดได้รับเสียงปรบมือจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นระยะๆ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเพียงสั้นๆว่า”เรื่องการแก้ไขจัดให้การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เป็นวาระแห่งชาตินั้น มีแนวทางอยู่แล้ว ก็จะพูดและบอกให้”
“ถวิล”ชี้ต้นเหตุ 3 ส่วนผลาญชาติ
จากนั้นเวลา 11.45 น.นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน “HAND IN HAND ปฎิรูปการต่อสู้ เพื่อชัยชนะอย่างยั่งยืน”ว่าเดิมเราเชื่อว่าการคอร์รัปชั่นน้อยๆ เป็นน้ำมันหล่อลื่น วันนี้ความคิดแบบนี้ล้าสมัยเพราะไม่สามารถบอกได้ว่าแค่ไหนน้อย แค่ไหนมาก ความชั่วร้ายของคอร์รัปชั่นตบมือข้างเดียว ไม่ดัง แต่เกิดขึ้นได้ ต้องมี 3ประสานที่เรียกว่า 3ประสาน ผลาญชาติ คือ นักการเมืองเลว ข้าราชการชั่ว และผู้ประกอบการที่ไม่รับผิดชอบ สิ่งสำคัญคือข้าราชการที่เป็นข้อต่อของวงจรคอร์รัปชั่น ถ้าข้าราชการที่มีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจมีความรับผิดชอบ บ้านเมืองก็อยู่รอด บ้านเมืองเราเคราะห์ร้ายเมื่อวันหนึ่งฝ่ายการเมืองที่ไม่ยึดมั่นความถูกผิดเข้ามาและบันดาลทุกอย่างให้ข้าราชการได้ พวกข้าราชการประจำที่คล้อยตามก็ไปยินดีแต่ข้าราชการที่จิตแข็งที่ดีก็มักถูกกลั่นแกล้งให้ออกจากระบบราชการ ผลที่เกิดขึ้นก็เกิดกับบ้านเมือง
เร่งปลูกสำนึกขรก.ไม่โกง
เลขาธิการ สมช.ยังกล่าวว่าการแก้ไข สิ่งที่สำคัญคือ1.ใช้การลงโทษ แต่กระบวนการยุติธรรมวันนี้คนไม่กลัวแล้ว แต่ก็จำเป็น เพราะคนก็อาจจะเกรงกลัวขึ้น2.วิธีการเชิงป้องกัน เป็นวิธีการที่ดี แต่ทำยาก ต้องปลูกฝังอุดมการณ์ของข้าราชการรวมทั้งคุณธรรมจริยธรรมและสิ่งสำคัญในมาตรการการป้องกัน ต้องปรับการทำงาน ขั้นตอน การอนุมัติ ต้องมีความชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้และจิตสำนึกของข้าราชการซึ่งพวกเรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เลี้ยงชีพด้วยภาษีของประชาชน ไม่ได้มาจากผลประกอบการของเอกชนใด ฉะนั้นพวกเราต้องไม่ทรยศต่อประชาชน ทำงานเพื่อตอบแทนประชาชน ตนเรียนเสมอกับเพื่อนข้าราชการ หากคิดจะทุจริตให้คิดถึงเพื่อนข้าราชการที่ทำงานลำบาก บางคนเสี่ยงภัยในภาคใต้ ให้คิดบ้างแล้วจะคอรัปชั่นไม่ลง
อสส.แนะเพิ่มวิชาหน้าที่พลเมือง
ด้านนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่าสิ่งที่สำคัญต่อการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นมี 3 แนวทาง คือ1.การปลูกฝังที่ ถือเป็นสิ่งสำคัญโดยเห็นว่าควรบรรจุวิชาหน้าที่พลเมืองไว้ในการเรียนการสอนด้วย 2.การป้องกัน ยอมรับว่ารอบ2-3ปีที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมมีปัญหา โดยเฉพาะความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ จะต้องคุยกับ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ถึงการทำงานร่วมกันเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่รอบคอบและรวดเร็วเพราะเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมที่ดี คือ การหาพยานหลักฐานที่รอบคอบและรวดเร็ว บางเรื่องอาจจะไม่ถูกใจ แต่เชื่อว่าความถูกต้อง ที่ไม่ถูกใจ ต้องใช้เวลาบ้างในการทำให้ทุกอย่างเกิดความยุติธรรมในแผ่นดินนี้และตามด้วยการปราบปรามรวมถึงการประณาม
ย้ำขรก.ต้องทำหน้าที่อย่างสุจริต
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าภาคภูมิใจที่ได้เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้เห็นตัวอย่างดีๆของการทำงานในหน้าที่อย่างทุ่มเท แบบไม่หวังผลตอบแทนใดๆพร้อมกับปลูกฝังแนวความคิดต่อการทำหน้าที่ โดยหวังว่ารุ่นน้องและข้าราชการจะทำสิ่งดีๆต่อไป ในประเด็นการคอร์รัปชั่น ต้องแก้ที่ตัวเรา หากตั้งใจมุ่งมั่งต่อการทำหน้าที่อย่างสุจริต ความถูกต้อง จะไม่มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ในองค์กรเรือข่ายที่ร่วมทำจะจรรโลงการต้านคอร์รัปชั่นได้อย่างยั่งยืน การทำหน้าที่ต้านคอร์รัปชั่น ไม่ใช่ที่ใครจะเลือกทำ แต่ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่อให้สิ่งที่ไม่ดีพ้นไปจากบ้านเมืองไทยให้บ้านเมืองใสสะอาด ไม่มีการคอร์รัปชั่น
ทุกภาคส่วนปลุกสำนึกต้านโกง
ขณะที่ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เราจะยืนหยัดเดินหน้าต่อไป นอกจาก สร้างสังคมที่ปราศจากคอร์รัปชั่นแล้วเราจะร่วมสร้างความมีจิตสำนึกให้คนไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการให้มีจิตสำนึกสุจริต มีจริยธรรมและคุณธรรมที่ดีต่อไป
ด้านนายสุพันธุ์ มงคงสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาการคอร์รัปชั่น หากแก้ไม่ตรงจุดไม่มีทางที่คอร์รัปชั่นจะหมดไปได้ หากไม่มีมาตรการ เช่นลงโทษผู้ที่กระทำผิด กรณีนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศ,ให้ความสะดวกแต่ภาคเอกชนต่อการเสนอตัวเข้าสีวนรับงานด้วยการประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้อง รวมถึงรณรงค์ให้ภาคสังคมสนับสนุนธุรกิจที่ร่วมเป็นภาคีต่อต้านการคอร์รัปชั่น หรือมีการทำงานที่โปร่งใส ไม่มีการจ่ายเงินสินบนเพื่อให้ได้รับงาน หรือ เผยแพร่ชื่อบริษัทที่พบพฤติกรรมไม่โปร่งใส ปัญหาการคอร์รัปชั่นอาจจะไม่ยับยั้งได้ แค่หากทุกภาคส่วนให้การสนับสนุนทุกฝ่ายก็อยู่ได้โดยไม่มีการคอร์รัปชั่น
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์กล่าวว่าวิศวะกรไทย ไม่เอาคอร์รัปชั่น ขอเป็นส่วนหนึ่งรวมพลังต่อสู้เพื่อชัยชนะที่ยั่งยืน ทั้งนี้ต้องถามว่าจะส่งมอบประเทศให้เยาวชนไทยอย่างไร การคอร์รัปชั่นเป็นต้นตอของทุกปัญหาและทำลายความฝันของคนรุ่นหลังรวมถึงทำลายโอกาสคนเก่ง คนดีที่อยากสร้างสรรสิ่งที่ดีให้กับประเทศ
ปนัดดาโยนไมค์แพงถามกรมโยธาฯ
วันเดียวกัน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ไมโครโฟนติดตั้งในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีราคาแพงเกินจริง โดยมีราคาถึงตัวละ145,000 บาทว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการนายรัฐมนตรี กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบ ที่ต้องเจรจาให้ราคาต่ำสุด เข้าใจว่าช่วงหลัง เป็นการออกข่าวในลักษณะเลื่อนลอย ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไปเปรียบเทียบว่าเป็นระบบเดียวในทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ แต่ประเทศไทยไม่ใช่ ไปเปรียบเทียบไม่ได้ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีย้ำเสมอให้ประหยัด พอเพียง ต้องตรวจสอบทุกขั้นตอน ทำผิดต้องถูกลงโทษทางวินัย รวมถึงบริษัทต้องรวมรับผิดชอบด้วย ต้องเข้มงวดกวดขัน มีการจัดตั้งหัวหน้าติดตามการทำงานซ่อมบำรุงอาคารต่างๆ แต่ละชุด ขณะที่การปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยทันประชุมครม.วันที่ 9 ก.ย.แน่นอน