- Details
- Category: ปปง.
- Published: Sunday, 11 June 2023 14:16
- Hits: 1166
ปปง.แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมซึ่งได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สิน 262 รายการ 19 รายคดี 550 ล้านบาท
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้ดำเนินการจัดการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณายึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จำนวน 262 รายการ 19 รายคดี มูลค่าประมาณ 558 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีความผิดมูลฐานยาเสพติดและฉ้อโกงประชาชน โดยมีรายคดีสำคัญ เช่น
– รายคดี บริษัท เมืองเศรษฐกิจพอเพียง จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและความผิดฐานฟอกเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว จำนวน 21 รายการ
(ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 221 ล้านบาท
– รายคดี กลุ่มบุคคลที่ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน รายนายทวีศักดิ์ฯ กับพวก (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 1 รายการ (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 176 ล้านบาท
– รายคดี นางสาวพัชรลักษณ์ฯ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานลักทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว จำนวน 24 รายการ (ทองคำแท่ง ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารและสิทธิเรียกร้องฯ) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 86 ล้านบาท
นายเทพสุฯ เลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานอีกหลายคดี โดยมุ่งเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด ในขณะเดียวกัน ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง.ก็จะพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายด้วย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิภายใน 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป