- Details
- Category: 3 จ.ใต้
- Published: Monday, 13 October 2014 09:13
- Hits: 11450
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8720 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กโด่งฮึ่ม-เร่งล่า เผา'6 รร.'ป่วนทั่วปัตตานี ก่อเหตุ'2 อำเภอ'ประชุมทางไกล! แม่ทัพภาค4-ตร. ตู่กำชับอย่ามีอีก อส.คลั่งฆ่า 2 ศพ
เผาโรงเรียน - เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโรงเรียนที่ถูกกลุ่มคนร้ายลอบวางเพลิงเสียหาย 6 แห่ง ในอ.ทุ่งยางแดง และอ.มายอ จ.ปัตตานี คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. |
'บิ๊กโด่ง'เรียกประชุมด่วนที่ทบ.รับมือสถาน การณ์ป่วนภาคใต้ หลังเกิดเหตุคนร้ายนับสิบวางเพลิงเผา 6 โรงเรียนในจ.ปัตตานี วอดกลางดึก แม่ทัพภาค 4-บิ๊กตร.-ฝ่ายปกครองร่วมประชุมระบบทางไกลด้วย กำชับเร่งล่าตัวคนร้าย ?บิ๊กตู่? กำชับเร่งเยียวยาและหามาตรการป้องกัน มุ่งปมสร้างสถานการณ์และตอบโต้จนท.จับตายแกนนำที่อ.ปะนาเระ สลดอีก อส.ทพ.ปัตตานีปืนคลั่งยิงเพื่อนตาย 2 ศพ เจ็บอีก 1 คาดเครียดจากการปฏิบัติหน้าที่ 4 จว.ชายแดนใต้ปีติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมราชองครักษ์ เชิญผ้าพระกฐิน-ผ้าป่าพระราชทานส่วนพระองค์ ถวาย 228 วัด
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ เป็นประธานการเชิญผ้ากฐินพระราชทานและผ้าป่าไปทอดถวาย ณ วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกันนี้ยังร่วมเป็นเจ้าภาพถวายผ้าพระกฐิน โดยมีนาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายบัญญัติ จันทน์เสนะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.ท. ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยะลา สตูลและ นราธิวาส ตลอดจน ข้าราชการ ประชาชน กว่าพันคนเข้าร่วมพิธี
พล.อ.ณพล จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อนุศาสนาจารย์นำผู้เข้าร่วมพิธีสมาทานเบญจศีล ต่อจากนั้นเปิดกรวยถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
พร้อมกันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กรมราชองครักษ์ เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานส่วนพระองค์ ทอดถวายแด่พระสงฆ์ 124 วัดในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าป่าจำนวน 104 วัด เพื่อนำ ไปทอด ณ วัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีพระสงฆ์จำพรรษาและยังไม่มีผู้จองกฐิน เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคงสืบต่อไป
ความคืบหน้าสถานการณ์ภาคใต้เมื่อเวลา 02.30 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.สมพล เพียรดี ร้อยเวร สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุลอบวางเพลิงโรงเรียนประถมจำนวน 5 โรง ประกอบด้วยโรงเรียนบ้านน้ำดำ ต.น้ำดำ, โรงเรียนบ้านปากู ต.ปากู, โรงเรียนบ้านเขาดิน ต.เขาดิน, โรงเรียนบ้านมะนังยง ต.ปากู และโรงเรียนบ้านตือเบาะ ต.พิเทน จึงรายงานผู้บังคับบัญชานำกำลังรุดไปตรวจสอบ
จุดเกิดเหตุพบว่าทั้ง 5 โรงมีชุดรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านและประชาชนช่วยกันดับไฟ ขณะเดียวกันรถดับเพลิง ของ อบต.ใกล้เข้ามาช่วยเหลือ แต่เนื่องจากเกิดเหตุพร้อมกัน จึงทำงานด้วยความยากลำบาก แต่มีประชาชนในพื้นที่ออกมาช่วยเหลือ โดยแต่ละโรงมีอาคารเรียนเสียหายไป 1-2 หลัง ในเวลาเดียวกันร.ต.ท.กัมลาศ เตื้อติสอน ร้อยเวร สภ.มายอ จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เช่นกัน โดยคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนประถมบ้านกาเสาะ ต.กาเสาะ อ.มายอ อาคารสองชั้นหลังเก่าครึ่งไม้ครึ่งปูนเสียหายทั้งหลัง อาคารร้านค้าเสียหายบางส่วน
สอบสวนทราบว่า ได้มีกลุ่มขบวนการสร้างสถานการณ์ใต้กว่า 10 กว่าคน ยังไม่ทราบกลุ่ม ได้กระจายกำลังเข้าไปก่อเหตุในโรงเรียน และนำน้ำมันเบนซินราดและจุดไฟเผาอาคารโรงเรียนดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้เพื่อสร้างสถานการณ์ใต้
ช่วงเช้าวันเดียวกันว่าที่ร้อยตรีสมโภชน์ สุวรรณรัตน์ รอง ผวจ.ปัตตานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและ เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้ง 6 จุด เพื่อติดตามสถานการณ์และสร้างขวัญ กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่
ที่ร้อยตรีสมโภชน์ กล่าวว่าเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ แต่ส่วนใหญ่อาคารเรียนได้รับความเสียหายเกือบหมด บางแห่งเหลือครึ่งเดียว ลักษณะการก่อเหตุคนร้ายมุ่งที่จะทำลายสถานที่มากกว่าที่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่ เพราะก่อนลงมือจับ เจ้าหน้าที่เวรยามซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านและชุดรักษาความสงบเรียบร้อยมัดมือมัดเท้า หลังจากนั้นคนร้ายได้ใช้น้ำมันเบนซินราด ทั่วบริเวณอาคารแล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันเป็น เชื้อเพลิง
ส่วนประเด็นสาเหตุเป็นเรื่องสร้างสถานการณ์ และอาจเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่วิสามัญแกนนำคนสำคัญที่ อ.ปะนาเระ ช่วงนี้ขอเวลาในการประชุมเพื่อประมวลสถานการณ์จากทุกฝ่ายอีกครั้ง สำหรับจังหวัดปัตตานีช่วงนี้ ทั้งผบ.ฉก. ผบก.จว.เป็นคนใหม่ เพิ่งมารับตำแหน่งกัน แต่คงไม่มีปัญหา ทุกคนพร้อมทำงานอยู่แล้ว ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 กำชับให้กำลังทหารลงพื้นที่เพิ่มมาตรการดู โรงเรียน สถานที่ราชการ ประชาชน เป็นพิเศษ และประสานการทำงานกับทุกภาคส่วนให้เป็นเอกภาพ? รอง ผวจ.ปัตตานีกล่าว
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้รายงานกรณีวางเพลิงเผาโรงเรียนต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว ซึ่งครอบคลุมทุกประเด็น ทั้งการเยียวยา การเข้าสำรวจความเสียหายของโรงเรียน และการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิด
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้รับทราบว่ากองทัพบกจะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีฝากกำชับในที่ประชุมดังกล่าว 2 เรื่อง คือ 1.การซ่อมแซมโรงเรียนที่ถูกเผานั้นหากทำไม่เสร็จทันวันเปิดภาคเรียนที่ 2 ขอให้พิจารณาหาวิธีการที่ทำให้นักเรียนได้เรียนหนังสือ เช่น จัดหาพื้นที่อื่นเพื่อใช้ทำการเรียนการสอนชั่วคราว 2.ขอให้กองทัพบกกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นอีก เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงใกล้เปิดภาคเรียนที่ 2 แล้ว
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่าพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรองผอ.รมน. รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกับพล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อย เร่งรัดให้ติดตามหาตัวผู้กระทำความผิด ทั้งนี้จากการรับรายงานเบื้องต้นทราบว่าก่อนหน้านี้หน่วยในพื้นที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เชิงรุกในการปิดล้อมตรวจค้นจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีสำคัญ และสามารถยึดสิ่งอุปกรณ์ประกอบการก่อเหตุได้จำนวนมาก ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องการตอบโต้
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า พล.อ.อุดมเดชห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงสั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 4 สำรวจความเสียหายพื้นที่โรงเรียนอย่างเร่งด่วน เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และให้ดำเนินการติดตามนำตัวผู้กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 ต.ค. นี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช จะเป็นประธานการประชุมทางไกลกับหน่วยในพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าอย่างละเอียด
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่ารายงานให้พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศธ.ซึ่งกำกับดูแลสพฐ. แล้ว โดยรัฐมนตรีทั้งสองกำชับให้ช่วยเหลือเยียวยาและรายงานความเสียหายโดยด่วน และ ตนจะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและวางมาตรการ 3 ช่วยเหลือเร่งด่วน เรื่องแรกคือให้ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ปัตตานี เขต 3 และผอ.โรงเรียนทั้ง 6 โรง สำรวจความเสียหายเบื้องต้น อาทิ อาคารเรียน ครุภัณฑ์ หนังสือเรียน และคอมพิวเตอร์ จากนั้นให้ประมาณการตัวเลขกลับมา เพื่อให้สพฐ. จัดสรรงบประมาณลงไปให้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเร่งดำเนินการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ อาคารน็อกดาวน์ หรือเช่าเต็นท์ชั่วคราว สำหรับใช้จัดการเรียนการสอน โดยทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดเรียนในภาคเรียนที่ 2
นายกมล กล่าวต่อว่า เรื่องต่อมาคือให้ประมาณการตัวเลขการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ แทนอาคารเดิมที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว โดยให้วิเคราะห์จำนวนนักเรียนในปัจจุบันกับอาคารที่ยังใช้งานได้อยู่ จัดทำรายละเอียดส่งมาที่สพฐ. เพื่อของบประมาณก่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5-7 เดือน เรื่องสุดท้ายคือขอให้ผอ.สพป.ปัตตานี เขต 3 และผอ.โรงเรียน หารือกับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ฝ่ายบ้านเมือง และโดยเฉพาะชุมชนให้ช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนในพื้นที่ให้มากขึ้น
เวลา 13.00 น. เกิดเหตุอส.ทพ.พรศักดิ์ ศรีร่า สังกัดร้อย.ทพ.2212 ใช้อาวุธปืนกราดยิงเพื่อนร่วมงานขณะปฏิบัติหน้าที่ภายในวัดสันติการาม บ้านกือยา ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ส.ท.สมคิด พันธุ์ไชยหอม และอส.ทพ.พงษ์ศักดิ์ พวงโพธิ์ เพื่อนร่วมสังกัดเดียวกันเสียชีวิต นอกจากนี้อส.ทพ.พงศพัทธ์ แก้วมาศ ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจสภ.เมืองปัตตานี เข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากความเครียดจากการปฏิบัติหน้าที่
ที่บริเวณสนามบินบ้านทอน ท่าอากาศยาน นราธิวาส นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าฯนราธิวาส พร้อมด้วยนายสิทธิชัย ศักดา รองผู้ว่าฯนราธิวาส นาวาเอกนภดล ฐิตวัฒนะสกุล ผู้บังคับหน่วยนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ต้อนรับคณะฮุจญาจที่เดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จำนวน 295 คน
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า การต้อนรับคณะฮุจญาจที่เดินทางกลับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ ปีนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งยังได้เพิ่มช่องทางในการโหลดกระเป๋าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ฮุจญาจที่เดินทางกลับในครั้งนี้ด้วย ในส่วนของการเพิ่มเที่ยวบินฮัจญ์ในปีหน้านั้นอาจเพิ่มถึง 4 เที่ยวบินด้วยกัน โดยจะประชุมเตรียมการเปิดเที่ยวบินฮัจญ์อีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า
นายรอมรี ยูโซะ ญาติที่มารอรับฮุจญาจ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้พบ ฮุจญาจ เดินทางกลับด้วยความปลอดภัย ทั้งนี้อยากขอบคุณรัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยผลักดันให้มีเที่ยวบินฮัจญ์มาลงยัง จ.นราธิวาส
สำหรับ กลุ่มฮุจญาจที่เดินทางไปประกอบ พิธีฮัจญ์จากประเทศไทยในปีนี้ได้รับโควตาทั้งหมด 10,400 คน ในขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส จัดเต็นท์จุดตรวจสุขภาพ สุ่มตรวจคัดกรองโรคกลุ่มฮุจญาจ โดยเฝ้าระวังโรคโคโรน่าไวรัส และเชื้อไวรัส อีโบลา โดยจากผลการตรวจคัดกรองโรค ดังกล่าวในเบื้องต้นไม่พบเชื้อต้องสงสัย