- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Thursday, 22 October 2015 11:18
- Hits: 9710
พตต.เอี๊ยด-อาท หมอหยอง แอบอ้างเบื้องสูง ผู้ต้องหาทั้ง 3 ยอมรับสารภาพ คุมตัวฝากขัง-ส่งเข้าคุกทหาร เปิดรายละเอียดบรรยายฟ้อง พฤติการณ์เรียกผลประโยชน์
คุมตัวหมอหยอง-สารวัตรเอี๊ยด-หนุ่มอาท เลขาฯคนสนิทหมอหยอง 3 ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ ส่งเข้าเรือนจำมทบ.11 หลังตำรวจขอฝากขังกับศาลทหารกรุงเทพ ดำเนินคดีความผิด ม.112 โดยหมอหยองกับสารวัตรเอี๊ยดอยู่ในสภาพตัดผมสั้นโล้นเกรียน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทหาร-ตร.อย่างเข้มงวด "ศรีวราห์"ระบุทั้งสามรับสารภาพ ถ้าพยานหลักฐานถึงใครก็ต้องเรียกมาสอบสวน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ 8 นายตำรวจที่เพิ่งถูกย้ายก่อนหน้านี้หรือไม่ ทุกอย่างอยู่ในสำนวนแล้ว
วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9094 ข่าวสดรายวัน
หมอหยอง - จนท.ควบคุมตัวนายสุริยันต์ สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ฝากขังศาลทหารกรุงเทพ ในคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง โดยหมอดูชื่อดังรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนส่งไปขังที่ มทบ.11 เมื่อวันที่ 21 ต.ค.
กองทัพสื่อรอทำข่าวคดีม.112
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 21 ต.ค.ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น. 6 คณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบัน เบื้องสูง พร้อมด้วยพ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ นำเอกสารคำร้องมายื่นต่อศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขอฝากขังผู้ที่ถูกหมายจับในฐานความผิดคดีหมิ่นสถาบัน เบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผัดแรก เป็นระยะเวลา 12 วัน พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอศาลทหารกรุงเทพ อนุมัติ ออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วยอีก 1 คน
พ.ต.อ.ชยุตกล่าวว่า เวลาประมาณ 15.00 น. พนักงานสอบสวนจะนำผู้ที่ถูกออกหมายจับมาขอฝากขังผัดแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณด้านหน้าศาลทหารกรุงเทพ มีสื่อมวลชนมาเฝ้ารอทำข่าวจำนวนมาก ท่ามกลางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร โดยตรวจสอบบุคคลภายนอกที่เดินทางเข้าและออกบริเวณศาลทหารอย่างเข้มงวด สื่อมวลชนต้องติดบัตรแสดงตัวต้นสังกัดให้ชัดเจนตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของกรมพระธรรมนูญ
คุมเอี๊ยด-หมอหยอง-อาทมาศาล
ต่อมาเวลา 15.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน รวม 3 คน เดินทางมาถึงศาลทหารกรุงเทพ โดยแยกนั่งรถยนต์สายตรวจกองปราบปรามมาคันละ 1 คน ประกอบด้วย คันที่ 1 พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อยู่ในสภาพศีรษะถูกตัดผมจนโล้นเกรียน สวมเสื้อยืดคอกลม สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขายาว สวมกุญแจมือ คันที่ 2 นาย จิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขาฯคนสนิทหมอหยอง สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายทาง กางเกงขายาว สวมกุญแจมือ
คันที่ 3 นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง อยู่ในสภาพศีรษะถูกตัดผมจนโล้นเกรียน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขายาว สวมกุญแจมือ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของตำรวจคอมมานโด 10 นาย ทหาร 10 นาย พร้อมด้วยอาวุธครบมือ และยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบ 15 นาย กระจายกำลังดูแลบริเวณอย่างแน่นหนา โดยนายสุริยันมีสีหน้าถอดสี ขณะเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปบนศาลทหารกรุงเทพ
ทั้ง 3 รับสารภาพแอบอ้างเบื้องสูง
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผบ.ตร. หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ต้องหาที่นำตัวมาทั้ง 3 คน ได้แก่ นายสุริยัน พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ โดยตั้งข้อกล่าวหาแอบอ้างเบื้องสูงโดยมีหมายจับทั้ง 3 นาย เบื้องต้นทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพแล้ว ส่วนหลักฐานและพฤติการณ์ที่จะบ่งชี้ความผิดอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งยังมีข้อหาอื่นอีกด้วย รวมถึงอาวุธสงคราม วันนี้นำตัวทั้ง 3 คนมาฝากขัง ภายหลังจากทหารนำตัวมาส่ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนจะเชื่อมโยงกับตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกย้ายก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น หากมีหลักฐานก็ต้องดำเนินการ สำหรับการดำเนินการต่อไปนั้น จะรวบรวมพยานหลักฐานให้อัยการทหาร ส่งฟ้อง ถ้ามีหลักฐานพาดพิงถึงผู้ร่วมขบวนการอีก เจ้าหน้าที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ร่วมแก๊ง - พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด หนึ่งในแก๊งผู้ต้องหาแอบอ้างหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ถูกคุมตัวมาศาลทหาร ทั้งยังถูกเพิ่มข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ และอาวุธปืนด้วย |
ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมกระทำความผิดมานานหรือยัง พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า มีมาแล้วพอสมควร มากกว่า 1-2 เดือน ส่วนจะทำเป็นขบวนการหรือไม่ อยู่ที่ตามหมายจับ จะมากกว่า 3 คนหรือ ไม่ก็อาจมีอีก ทั้งนี้ขึ้นกับพยานหลักฐาน ไม่สามารถตอบได้ตอนนี้ หากมีหลักฐานพาดพิงถึงใครต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่และพลเรือนเพิ่มอีก หรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะข้อหาแอบอ้าง เบื้องสูงมีโทษร้ายแรง
ไม่รู้'หมอหยอง'ต้องยุติบทบาท
เมื่อถามว่านายตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกโยกย้ายถูกออกหมายจับหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ แต่ในส่วนของผม ยังไม่มีออกหมายจับ เพราะอยู่ในช่วงพิจารณาหลักฐาน หากใครผิดก็ต้องดำเนินการ ส่วนทั้ง 3 คนซัดทอดไปยังนายตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่ ถามผมไม่ได้ ต้องอยู่ที่พยานและ หลักฐาน จะบอกว่าซัดทอดคงไม่ได้"
ต่อข้อถามว่ากรณีนายสุริยันจะต้องยุติบทบาทการทำงานทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า เมื่อเป็นผู้ต้องหาก็ต้องถูกจับกุมและคุมขัง แต่ตนไม่ทราบว่าจะต้องยุติหรือไม่ แต่ขณะนี้เป็นผู้ต้องหาแล้ว เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ต้องดูแลคดีนี้ เพราะสังคมให้ความสนใจเป็นพิเศษ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง ไม่สมควรพูดกันให้สนุกปาก แต่เรามีหน้าที่ทำตามกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
เมื่อถามว่าจะเรียกพยานที่เป็นนักธุรกิจมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ถ้าหลักฐานพาดพิงถึง ต้องสอบสวนอยู่แล้ว เพราะเป็นไปตามกฎหมาย
อ้างเบื้องสูง-รับผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นพล.ต.ท. ศรีวราห์แจกเอกสารให้ผู้สื่อข่าว เรื่องจับกุม ผู้ต้องหาแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง มีเนื้อหาว่า ด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำความผิด โดยมีพฤติการณ์แอบอ้าง หรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรม ต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชน หรือบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจว่าตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกหรือรับผลประโยชน์กับการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งได้กระทำความผิดตาม กฎหมายอื่นๆ อีกหลายฐานความผิด การ กระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน และความเสียหาย อื่นๆ ในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ ซึ่งจากการ ซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง จึงมอบหมายให้พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่าย กฎหมายคสช. แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดฐาน "หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" ตาม ป.อาญา มาตรา 112
คนสนิท - โฉมหน้านายจิรวงศ์ วัฒน เทวาศิลป์ หรืออาท เลขานุการคนสนิทหมอหยอง ผู้ต้องหารายที่ 3 ในคดี ขณะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมายังศาลทหาร และส่งไปขังที่ มทบ.11 เช่นเดียวกัน |
ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งที่ 578/2558 ลงวันที่ 16 ต.ค.2558 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มี พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นหัวหน้า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้า กับพวกร่วมกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด และเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิด ประกอบด้วย
รายละเอียดข้อหาความผิด
1.นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ อายุ 53 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 127/35 พหลโยธินปาร์ค ซ.พหลโยธิน 14 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 27/2558 ลงวันที่ 18 ต.ค. 2558 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความ อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ
2.นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ อายุ 39 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 26/66 ถนนสังขวิทย์ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง หมายจับ ศาลทหารกรุงเทพที่ 30/2558 ลงวันที่ 21 ต.ค.2558 ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ
3.พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อายุ 44 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 1 ห้อง 1914 คอนโดลาเมซอง ซ.พหลโยธิน 24 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 29/2558 ลงวันที่ 20 ต.ค. 2558 ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง, มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯและตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม, ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ รวม 3 คน พนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพ และศาลได้อนุมัติออกหมายจับบุคคลดังกล่าวดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้(21 ต.ค.2558) ครบกำหนดควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ส่งตัวบุคคลดังกล่าวมอบให้พนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งข้อหาและจับกุมตัว ผู้ต้องหาดำเนินคดี จากการสอบสวนผู้ต้องหา นายสุริยัน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่เหลือให้การปฏิเสธ หลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลทหารกรุงเทพในวันเดียวกัน โดยหากปรากฏพยานหลักฐานการกระทำความผิดในคดีอื่นๆ จะได้สืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่งทั้ง 3 เข้าเรือนจำมทบ.11
จากนั้นเวลา 16.30 น. พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนออกจากศาลทหาร เพื่อนำไปฝากขังต่อที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 โดยพล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวย้ำกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล และยินยอมให้ฝากขัง
เปิดประวัติสารวัตรเอี๊ยด
วันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งให้พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ออกจากราชการ สำหรับประวัติของพ.ต.ต.ปรากรม เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 4 คนของพล.ต.ท.วัฒนชัย วารุณประภา สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหม ไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยประเทศอังกฤษ หลังจบการศึกษาเข้ารับราชการทหารสังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ ต่อมาย้ายสังกัดมารับราชการตำรวจ
ภายหลังอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อลาสิกขาแล้วได้ทำหน้าที่ตามเสด็จสมเด็จพระสังฆราช ต่อมาถูกกล่าวหาว่า ปลอมลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช จนถูกให้ออกจากราชการ แต่พ้นจากข้อกล่าวหาเนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี และผ่านพ.ร.บ. ล้างมลทิน เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ก.ตร.มีมติให้พ.ต.ต.ปรากรม กลับเข้ารับราชการในสังกัดบก.ปอท. และเพิ่มยศจาก ร.ต.อ.เป็นพ.ต.ต. โดยได้รับมอบหมาย ตรวจสอบเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน เนื่องจากศึกษาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จากประเทศอังกฤษ
ต่อมามีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่กก.2 บก.ป. ได้รับมอบหมายรวบรวมพยาน หลักฐาน และข้อมูลต่างๆ ในคดีของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. รวมทั้งเข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ล่าสุดได้รับแต่งตั้งเป็นสว.กก.ปพ.บก.ป. ซึ่งจะมีผลวันที่ 30 ต.ค.นี้ แต่ถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงเสียก่อน
ย้ายอีกชุด 5 ผบ.หมู่กก.2 ป.
ต่อมาเวลา 19.00 น.พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบก.ป. รรท.ผบก.ป. ลงนามคำสั่งที่ 421/2558 ให้ข้าราชการตำรวจ ประกอบด้วย ส.ต.ต.สายชล ศิลาไศล, ส.ต.ต.อภิวัฒน์ นาคจีน, ส.ต.ต.ราชฤทธิ์ พวงไสว, ส.ต.ต.สารัตน์ แก้วดอนโมง และส.ต.ต.คมสัน ชงสกุล ทั้งหมดตำแหน่งผบ.หมู่ กก.2 บก.ป. ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.บก.ป. โดยให้มารายงานตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่วันที่ 21 ต.ค.นี้เป็นต้นไป