- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Wednesday, 30 September 2015 10:47
- Hits: 7762
เลี้ยวมาลงเสื้อแดง จตุพรมึน จี้ตร.แจง'อ๊อดลี้ลับ'โดนคดีถึง 9 หน-ดันไร้เลขบัตร ณัฐวุฒิเตือน-ทั่วโลกจับตาอยู่ 'สมยศ"มีข้อมูล-แต่ไม่ขอเปิด ศรีวราห์แฉอีกเป็นการ์ดนปช.
มึน 'อ๊อดลี้ลับ'โผล่ร่วมบึ้ม 'จตุพร-ณัฐวุฒิ'จี้ตร.แจงที่มา ชี้พยายามเลี้ยวโยงมาคนเสื้อแดงจนได้ จับพิรุธไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก แต่ตร.อ้างเคยจับมาหลายครั้ง-เคยติดคุกด้วย แถมปมอะเด็มยังขัดแย้งกันอีก เหตุรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเสื้อเหลือง แฉเหตุการณ์รุนแรงขึ้นหลังส่ง 109 อุยกูร์ให้จีน วอนผบ.ตร.เปิดข้อเท็จจริงคดีอย่างตรงไปตรงมา ด้านสมยศย้ำนายอ๊อดร่วมระเบิด-โยงการเมือง ทำหน้าที่ช่วยจัดหาอุปกรณ์ทำบึ้ม แต่ยังไม่ยืนยันสาเหตุที่ลงมือ ยันมีข้อมูลนายอ๊อดเชื่อมโยงแม้ไม่มีเลข 13 หลัก ระบุไม่มีใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน พร้อมสั่งล่าตัว-ขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ขณะที่ผบช.น.แฉอ๊อดเคยเป็นการ์ดนปช. มีภูมิลำเนาอยู่อีสาน-ภาคกลาง-สระบุรี มีพรรคพวกมาจากภาคใต้ด้วย ไม่ยืนยันยังอยู่ในไทยหรือไม่ ศสช.ปิดศูนย์ติดตามบึ้มกรุงแล้ว
วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9072 ข่าวสดรายวัน
จากเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีชายเสื้อเหลืองเป็นผู้นำมาวาง จากนั้นอีกวันเกิดเหตุระเบิดซ้ำบริเวณท่าเรือสาทร พบมีชายเสื้อฟ้าลอบนำมาทิ้งไว้ ก่อนตำรวจบุกตรวจค้นห้องพักย่านหนองจอกแล้วจับกุมนายอะเด็ม คาราแด็ก พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิด ก่อนตามจับกุมนายมีไรลี ยูซุฟู ได้บริเวณชายแดนจ.สระแก้ว โดยตอนแรกนายอะเด็มปฏิเสธไม่ใช่ชายเสื้อเหลือง แต่ต่อมาจู่ๆ ได้สารภาพเป็นผู้นำระเบิดไปวางบริเวณแยกราชประสงค์ และมีนายยูซุฟูเป็นคนกดระเบิด ก่อนนำตัวไปทำแผน 19 จุด จากนั้นตำรวจแถลงสรุปคดีระเบิดว่าเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองที่ร่วมมือกับขบวนการขนชาวอุยกูร์ พร้อมเปิดชื่อนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว มีส่วนร่วมทำระเบิด โดยเชื่อมโยงกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 กับเหตุระเบิดย่านมีนบุรี เมื่อปี 2557 ระบุเป็นคนลึกลับไม่มีเลขบัตรประชาชน แต่เคยถูกจับกุมมากว่า 9 ครั้ง ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
สมยศย้ำนายอ๊อดร่วมระเบิด
สำหรั บความคืบหน้า เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนายอ๊อดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เราก็ตั้งข้อสงสัยไว้ทุกประเด็น โดยให้ความสำคัญและน้ำหนักเท่ากัน จนกระทั่งการสืบสวนจับกุมดำเนินการมาเรื่อยๆ ถึงขั้นควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและไปค้นพบพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องว่าเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้อยู่ในภาคใต้ ใช้ในหลายเหตุ การณ์ที่มีการจับกุมหรือยึดพยานหลักฐานเหล่านั้นได้ จึงมีความเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือผู้ที่ลงมือกระทำความผิดนั้นต้องทำกันแบบเป็นขบวนการ ช่วยเหลือสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาช่วยในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ไทย อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าต้องมีคนเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน เข้ามาช่วยด้านต่างๆ ทั้งการเข้าออกประเทศ การตรวจสอบเส้นทางในการก่อเหตุ ที่พักอาศัย การจัดหาวัตถุประกอบระเบิด เป็นต้น
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้อย่าเพิ่งด่วนสรุปหรือชี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากเหตุผลใด เพราะเป็นไปได้ทุกกรณี จะสรุปหรือชี้ชัดได้ต้องมีพยานหลักฐาน พยานวัตถุพยานบุคคล หรือมีหลักฐานทางนิติวิทยา ศาสตร์ จึงค่อยชี้ชัด การด่วนสรุปหรือชิงความได้เปรียบในการเสนอข่าว อาจนำมาซึ่งความเสียหายและผิดพลาด ตลอดจนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเป็นไปด้วยความยากลำบาก สับสน เสียเวลาที่จะต้องไปพิสูจน์ทราบในสิ่งที่เป็นข่าว เราต้องแสวงหาความจริงให้ประจักษ์ เพื่อหาความจริงให้ได้ หลังจากพบพยานหลักฐาน จึงตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะมีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนสอบสวนจนไปพบว่ามีคนไทยเป็นผู้จัดหาที่พักและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้ บังเอิญคนคนนั้นคือนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว เป็นบุคคลที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีระเบิดที่มีนบุรีและสมานเมตตาแมนชั่นในช่วงที่ความขัดแย้งทางการเมือง
"นายอ๊อดไปเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ซึ่งมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง จึงทำให้ตำรวจไม่สามารถตัดประเด็นทางการเมืองทิ้งไปได้ นอกจากประเด็นที่เกิดขึ้นจากความโกรธแค้นที่เจ้าหน้าที่รัฐไปทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ ดังนั้นเมื่อมีตัวละครที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆ จึงตัดประเด็นการเมืองทิ้งไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านายอ๊อดกับขบวนการค้ามนุษย์จะร่วมกันกระทำความผิดในครั้งนี้ นายอ๊อดอาจเข้ามาเกี่ยวด้วยเหตุผลส่วนตัวก็ได้ หรือด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ได้ เรื่องแบบนี้ต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถ ตอบได้ว่านายอ๊อดเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้ด้วยเหตุผลใด จนกว่าจะสามารถควบคุมตัวนายอ๊อดได้" ผบ.ตร.กล่าว
ทำหน้าที่จัดหาอุปกรณ์ทำบึ้ม
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการสืบสวนนายอ๊อดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า บอกแล้วว่านายอ๊อดคือกุญแจสำคัญที่จะไขปัญหาว่าเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหตุผลใด เกี่ยวข้องกับการเมืองหรืออาจไม่เกี่ยวข้องก็ได้ อาจเข้ามาด้วยเหตุผลส่วนตัวหรืออาจเป็นคนที่ถูกขบวนการที่เห็นว่านายอ๊อดมีศักยภาพในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ เราไม่ได้ทิ้งประเด็นที่มีคนไทยไปมีส่วนช่วยเหลือตั้งแต่ต้น เพราะมีสิ่งบอกเหตุจากพยานหลักฐาน ตนเคยบอกเสมอว่าต่างชาติที่เข้ามาลงมือก่อเหตุในประเทศ ไทย ไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีคนไทยช่วยเหลือ หรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ อีกทั้งการจัดหาอุปกรณ์และสารเคมีไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำ ได้ง่ายๆ จึงต้องมีคนไทยเข้าไปช่วยเหลือ โดยนายอ๊อดเป็นผู้ให้การสนับสนุนจัดหาอุปกรณ์ประกอบระเบิด นี่คือเรื่องที่นายอ๊อดเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่านายอ๊อดเป็นคนไปจัดหาอุปกรณ์ จัดทำอุปกรณ์ที่ร้านไหน ตำรวจมีหลักฐานเหล่านี้ชัดเจน จนกระทั่งเป็นข้อมูลที่นำมาขอศาลอนุมัติหมายจับ แต่ไม่สามารถนำมาเสนอต่อสาธารณชนได้
เมื่อถามว่าในส่วนที่นายอ๊อดเกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นคดีค้างเก่าตั้งแต่ปี 2553 และ 2557 ส่วนที่มีความเชื่อมโยงนายอ๊อดเข้ากับระเบิดแยกราชประสงค์และสาทร นายอ๊อดทำหน้าที่ใด พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เราไม่ตัดประเด็นการเมืองทิ้ง เพราะในอดีตนายอ๊อดเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีระเบิด นายอ๊อดถูกดำเนินคดีในช่วงนั้น เนื่องจากเป็นผู้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง แต่เราก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการที่นายอ๊อดเข้ามาเกี่ยว ข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้ จะเข้ามาเกี่ยวเพราะการเมืองหรือถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องเป็น การส่วนตัว เนื่องจากนายอ๊อดเป็นผู้ที่มีศักยภาพ ในการจัดหาอุปกรณ์ประกอบระเบิด จึงเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ไม่ได้หมายความว่านายอ๊อดต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเรื่องการ เมือง แต่ก็ตัดทิ้งไม่ได้ เพราะนายอ๊อดเป็นตัวละครคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุทางการเมือง
ยันมีข้อมูลนายอ๊อดเชื่อมโยง
เมื่อถามว่าตำรวจมีหลักฐานในส่วนของรูปพรรณสัณฐานเกี่ยวกับตัวนายอ๊อดมากแค่ไหน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็ต้องมี ส่วนที่ไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก ไม่เป็นไร แต่เราต้องมีข้อมูล อาจตรวจสอบข้อมูลหลักฐานทางเอกสารไม่ได้ แต่นายอ๊อดเคยถูกควบคุมตัวในข้อหาขัดคำสั่งคสช. ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่นายอ๊อดเชื่อมหากลุ่มคนต่างชาติผ่านน.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ เพราะเป็นคนไทยเหมือนกันนั้น มีความเป็นไปได้ ถึงบอกว่าจะให้ตัดประเด็นใดทิ้งไม่ได้ จนกว่าจะได้ตัวนายอ๊อดมาสอบสวนว่าไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร
เมื่อถามว่าขณะนี้ได้ประสานขอความร่วมมือไปในประเทศไหนบ้าง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขั้นตอนนั้นเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนดำเนินการ ตนคงไม่ได้เข้าไปก้าวล่วง ส่วนที่ผ่านมาผู้ต้องหาไม่มีหมายเลข 13 หลัก ทางการสืบสวนมีการจับกุมได้บ้างหรือไม่นั้น คงมีข้อมูลเพราะนายอ๊อดเคยถูกควบคุมตัวแล้ว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยได้ จะให้โกหกก็ต้องโกหก แต่หากโกหกแล้วสามารถจับกุมได้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สมยศปฏิบัติหน้าที่มาจนถึงวันนี้รู้สึกพอใจกับการคลี่คลายคดีระเบิด หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พอใจในทุกคดีที่ทำมา เพราะทุกคดีทำอย่างตรงไปตรงมา ตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายไม่มีการใส่ร้ายป้ายสีหรือเจตนาจะใส่ร้ายผู้ใด ทุกอย่างว่าไปตามหลักฐาน อย่างกรณีนายอ๊อดก็เช่นกัน ตนไม่ตัดประเด็นทางการเมือง ไม่ได้หมายความว่าจะให้ร้ายป้ายสีหรือมีเจตนาจะโยงเรื่องนี้เข้าสู่การเมือง แต่เป็นไปตามพยานหลักฐาน
สั่งล่าตัว-ขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน
เมื่อถามว่า หลักฐานที่เกี่ยวกับนายอ๊อดมีมากพอหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า มากพอหรือไม่มากพอ ศาลก็อนุมัติออกหมายจับได้ ส่วนจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ หรือหลักฐานที่เรานำมาใช้ประกอบขออนุมัติหมายจับ เราบอกไม่ได้ เพราะคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องอาจเป็นพยาน จึงต้องปกปิดเพื่อป้องกันไม่ให้พยานได้รับอันตราย ส่วนขณะนี้มีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหนที่นายอ๊อดยังอยู่ในประเทศไทย เราไม่ทราบและยังไม่สามารถตอบได้ แต่หากรู้ว่าหลบหนีไปอยู่ที่ไหน จนชัดเจนและมั่นใจ เราก็ต้องดำเนินการตามช่องทางสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนว่าสามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ต้องหาไปอยู่ในประเทศใด
เมื่อถามว่ากรณีชายคล้ายแขกขาวสะพายเป้ไปปรากฏที่ศาลทหาร เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา จะติดตามตัวมาสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เราต้องมองว่าเขาไปที่นั่นด้วยเหตุผลใด ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเข้าไปทำอะไร ที่ไหนหรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร หากเป็นบุคคลที่ต้องสงสัย ตำรวจก็คงจะไปนำตัวมาสอบสวน แต่หากการเข้าไปไม่ได้ไปก่อเหตุหรือทำให้เกิดความเสียหาย คงไปทำอะไรมากกว่าการซักถามไม่ได้ ส่วนลักษณะช่วงเวลาเป็นลักษณะการเข้าไปที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวนั้น เราคิดกันไปเองหรือเปล่า แต่เราก็ไม่ได้มองข้ามสิ่งเหล่านี้ เราก็ให้ความสำคัญ จากการที่สอบถามทางบช.น.มีการตรวจสอบจุดประสงค์การเข้าไปอยู่ เข้าไปส่วนไหนบ้าง ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่เกิดเหตุ การณ์นี้ ทำให้ทุกคนต้องเฝ้าระวัง ทั้งนี้เราได้เฝ้าระวังมาโดยตลอด เรามีการเฝ้าระวังเต็มที่ในทุกแห่ง ไม่ได้เลือกปฏิบัติ
ผบช.น.ซัดเคยเป็นการ์ดนปช.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงคดีเดียวกันว่า ได้เร่งรัดเรื่องสำนวนคดีให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย ในส่วนของการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมได้เร่งรัดให้สอบปากคำเพิ่มทุกวัน หากพาดพิงไปถึงใครก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่านายอ๊อดมีความเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่ราชประสงค์อย่างไร พล.ต.ต.ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับด้วย เป็นผู้ร่วมขบวนการ ส่วนพยานหลักฐานอยู่ในสำนวน คือตำรวจนำเสนอพยานสู่ศาล ศาลก็อนุมัติออกหมายจับ ตำรวจก็มีหน้าที่ตามจับ ทั้งนี้พวกของนายอ๊อดที่มาจากภาคใต้ ถูกออกหมายจับในคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 และมาถูกออกหมายจับคดีระเบิดที่มีนบุรี เมื่อปี 2557 ด้วย ส่วนนายอ๊อดเคยถูกดำเนินคดีมาทั้งหมด 9 ครั้ง ซึ่งเมื่อปี 2553 ถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นการ์ดเสื้อแดง และถูกออกหมายจับในคดีระเบิดพื้นที่ สน.มีนบุรี เมื่อปี 2557 อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุมมาประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ไม่ยืนยันว่ายังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่
เมื่อถามว่าเป็นไปได้ที่ปัจจุบันจะมีคนที่ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นไปแล้วและไม่รู้ว่ามีอีกเท่าไหร่ แต่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับก็ต้องตามจับ เบื้องต้นพบนายอ๊อดมีภูมิลำเนาอยู่ที่ภาคอีสาน ภาคกลาง และจ.สระบุรี ส่วนความต่อเนื่องของสำนวนคดีระเบิดหลังวันที่ 1 ต.ค. ที่ต้องไปรับตำแหน่งรักษาการผู้ช่วยผบ.ตร.นั้น คงแล้วแต่ผู้บังคับบัญชาจะสั่งการว่าให้ดูแลคดีนี้ต่อไปหรือไม่ แต่ยืนยันว่าระหว่างที่รับผิดชอบอยู่ก็จะดำเนินการไปตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด
ตู่จับพิรุธอ๊อด-ไม่มีเลขบัตร
วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน กลุ่มนปช. กล่าวในรายการมองไกลผ่านยูทูบ โดยสงสัยการคลี่คลายคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ว่า พล.ต.อ.สมยศ เหลืออายุราชการเพียง 2 วัน แต่เร่งรีบปิดคดี พยายามนำข้อมูลใหม่ลากโยงถึงคนไทยที่เคยเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น รวมทั้งนำคดีระเบิดที่มีนบุรีเข้ามาพัวพัน เพื่อให้เลี้ยวมาถึงคนเสื้อแดงเป็นผู้ต้องสงสัยของสังคม
ประธานนปช.กล่าวอีกว่า การแถลงปิดคดีดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศระบุได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น 17 คน แต่จับกุมชายชาวต่างชาติได้เพียง 2 คน คือ นายยูซุฟูกับนายอะเด็ม หรือบิลาล มูฮัมเหม็ด ส่วนที่เหลืออีก 15 คน รวมทั้งนายอ๊อดที่มีส่วนพัวพันยังติดตามตัวไม่ได้ โดยอ้างคดีเกิดจากปัญหาการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ และอาจมีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะจ้างวานให้กระทำ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า การนำคดีเก่าที่ยังจับคนร้ายมาลงโทษไม่ได้ เช่น ระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นปี 2553 และระเบิดที่มีนบุรี เมื่อปี 2557 เข้ามาพัวพันด้วย เป็นการพยายามลากโยงให้เลี้ยวไปสู่ปัญหาความขัดแย้งทาง การเมือง เป็นสาเหตุของคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบุถึงนายอ๊อด ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น เพื่อจะนำมาเชื่อมโยงถึงคนเสื้อแดงให้เข้าไปพัวพันกับคดีระเบิดนั้น ยืนยันตนไม่เคยรู้จักนายอ๊อด รวมทั้งสงสัยว่าเมื่อนายอ๊อดเคยถูกจับและศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี แต่รอลงอาญาไว้ ได้กลายเป็นคนไทยที่ไม่มีเลขที่บัตรประ ชาชนได้อย่างไรและไม่น่าเป็นไปได้
ชี้พยายามโยงเสื้อแดงไปเอี่ยว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า เมื่อตำรวจพยายามเลี้ยวมาให้เป็นสาเหตุเกิดจากทางการเมืองแล้ว จึงขอให้ช่วยกันประณามกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองที่สมคบคิดการวางระเบิดว่า เป็นพวกจิตใจผิดมนุษย์ แต่ยังสงสัยว่าการเมืองทำแล้วได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ซึ่งไม่มีเหตุผล และเป็นการโยนข้อกล่าวหากันอย่างมั่วไปหมด ส่วนการแถลงสรุปคดีวางระเบิดนั้น ได้ระบุสาเหตุว่าเกิดจากการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ ซึ่งไม่น่าเป็นความจริง เพราะชาวอุยกูร์ออกจากซินเจียง ประเทศจีน มีเป้าหมายการเดินทางชัดเจนว่าไปประเทศตุรกี เพื่อพักอาศัย อยู่กับชนเชื้อชาติเดียวกัน จึงแตกต่างจากชาวโรฮิงยาที่มีปัญหาจากการค้ามนุษย์เข้ามาเกี่ยว ข้องด้วย ดังนั้นการยกสาเหตุค้ามนุษย์ชาว อุยกูร์มาอ้างยังมีความน่าสงสัยอยู่มาก เพราะถ้าค้ามนุษย์กันจริงแล้วทำไมไทยต้องส่งตัวผู้หญิงและเด็กไปประเทศตุรกี ส่วนชายฉกรรจ์แยกออกมาส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปให้ประเทศ จีน ซึ่งความสงสัยเช่นนี้ย่อมบอกได้ชัดเจนถึงข้อพิรุธการอ้างเหตุการค้ามนุษย์ได้เป็นอย่างดี
ประธานนปช. กล่าวด้วยว่า เรียกร้องให้ตำรวจสอบสวนและติดตามจับกุมผู้ต้องหาด้วยความระมัดระวัง การทำคดีวางระเบิดที่เกี่ยว ข้องกับชาวอุยกูร์ จึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะเบื้องต้นข้อมูลเกี่ยวกับนายอะเด็มยังขัดแย้งกัน โดยระเบิดเกิดขึ้นในวันที่ 17 ส.ค. แต่นายอะเด็มเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ส.ค. เพื่อจะไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย แล้วมาถูกจับกุมได้ในวันที่ 29 ส.ค. จากนั้นช่วงนาย อะเด็มถูกขังในคุกก็กลายเป็นชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิด ทั้งๆ ที่รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า ต้องรอข้อมูลจากนายชูชาติ กันภัย ทนายความอีกครั้งว่านายอะเด็ม รับสารภาพเป็นชายเสื้อเหลืองหรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธไปแล้ว อีกทั้งไม่ต้องการให้ตำรวจเร่งรีบจนขาดความระมัดระวัง เพราะ ตอนนี้เกิดการโยงข้อมูลจนมั่วไปหมด เริ่มจากเป็นสาเหตุการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน แล้วมาเกิดปัญหาจากการค้ามนุษย์อุยกูร์ และพยายามโยงมาถึงระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น เพื่อเชื่อมโยงไปถึงนายอ๊อดที่ไม่มีเลขบัตรประชาชน ทั้งหมดนี้คงจะให้เลี้ยวมาถึงเป้าหมายคนเสื้อแดงให้เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งคนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ทันที ดังนั้นขอให้รอบ คอบและยึดกระบวนการยุติธรรมไว้เป็นหลัก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ประเทศ
"เต้น"ก็มึนไม่มีเลข 13 หลัก
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มนปช. กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในการคลี่คลายคดีดังกล่าว แต่ขอเรียกร้องให้ตำรวจตั้งหลักให้ดีว่าจะทำคดีตามพยานหลักฐานหรือทำตามใจผู้มีอำนาจ เท่าที่ติด ตามข่าวพบว่าเหตุดังกล่าวมาจากกรณีการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน แต่วันนี้กลับบอกว่าเป็นประเด็นการเมือง จนทำให้สังคมเกิดการไขว้เขว แม้มีข้ออ้างเดียวคือตัวนายอ๊อด ที่โผล่เข้ามาโดยไม่เคยปรากฏชื่อมาก่อนว่าเกี่ยวข้องอย่างไร และสังคมยังสงสัยว่าตัวนายอ๊อดที่ถูกอ้างว่ามีคดีอาญามากมายเหตุใดจึงหาประวัติไม่ได้ แม้แต่เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ด้วยเหตุนี้จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่พูดความจริงกับสังคม
"ถ้าอ้างว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะความไม่พอใจต่อการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่ถูกจับกุม แต่ชาวอุยกูร์กลุ่มที่มีปัญหานั้นถูกจับตั้งแต่ต้น ปี 2554 ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถ้าเขาจะไม่พอใจก็ไม่น่าจะความรู้สึกช้าจนเกือบ 2 ปีค่อยลงมือ แต่สถานการณ์รุนแรงขึ้นหลังจากมีการส่งชาวอุยกูร์กลุ่มหนึ่งกลับจีน ตรงนี้คือมูลเหตุที่แท้จริง ผมไม่คิดว่าจะมีขบวนการค้ามนุษย์ที่ไหนโกรธแค้นที่ถูกจับกุมจนต้องก่อการร้าย เช่น มีการกวาดล้างการค้ามนุษย์โรฮิงยาจับไปก็มาก แต่ไม่มีเหตุอะไร เพราะโดยทั่วไปเหตุลักษณะแบบนี้ ไม่เกิดขึ้นหากไม่มีแรงจูงใจที่มากกว่าผลประ โยชน์ของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่านั้น" นายณัฐวุฒิกล่าว
งงที่มา"อ๊อด ลี้ลับ"
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากผบ.ตร.จำเป็นต้องแถลงตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ซึ่งโฆษกรัฐบาลตั้งธงไว้ตั้งแต่เกิดเหตุแล้วว่าเกี่ยวโยงกับการเมือง ขอให้ตำรวจคำนึงถึงความรับผิดชอบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย หากประเมินผิดหรือจงใจอย่างนั้น ปัญหาแท้จริงจะไม่ถูกแก้ไข และไม่สามารถรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุแบบนี้จากขบวนการเดิมอีก ตนไม่รู้ว่านายอ๊อดที่ถูกกล่าวอ้างเป็นใคร แต่ขอให้นายอ๊อดอีกคนคือผบ.ตร.ระมัดระวังการให้ข้อมูลข่าวสารด้วย
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นปช.ไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ แต่คาดเดาได้ไม่ยากว่าหากทิศทางของคดีออกมาลักษณะนี้ นปช.จะได้รับผลกระทบ จึงขอเรียกร้องให้พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยในข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ยืนยัน ว่าไม่เคยได้ยินชื่อของนายอ๊อดมาก่อนในชีวิต และคดีนี้ไม่ปรากฏชื่อของนายอ๊อด ซึ่งต่อมา กลายเป็นกุญแจสำคัญที่มาเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมือง ที่ผ่านมาไม่ค่อยเชื่อถือคำพูดของผู้ใหญ่ในตร. อย่างไรก็ตามการแถลงของพล.ต.อ.สมยศ จะทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายจากสถานการณ์ดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากไม่ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา ทั้งยังมีเจตนาแอบแฝงเบี่ยงเบนประเด็น ทำให้ทั่วโลกที่กำลังจับตามองไม่มั่นใจในกระบวน การยุติธรรม ของไทยมากขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังตำรวจแถลงสรุปคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเปิดชื่อ "นายอ๊อด" ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ทำหน้าที่จัดหาอุปกรณ์ทำระเบิด แถมโยงคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 กับเหตุระเบิดย่านมีนบุรีเมื่อปี 2557 โดยระบุนายอ๊อดเป็นบุคคลลึกลับ ไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก แต่เคยโดนตำรวจจับกุมมาแล้ว 9 ครั้ง ทำให้หลายฝ่ายมีการตั้งฉายาให้กับนายอ๊อดว่า "อ๊อดลึกลับ" "อ๊อดลี้ลับ" และ "อ๊อดไร้ร่องรอย"
ไร้ชื่อ"อ๊อด"คดีสมานเมตตา
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสำนวนคดีระเบิด สมานเมตตา แมนชั่น ปี 2553 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องและส่งอัยการไปแล้ว เมื่อปี 2554 และมีการออกหมายจับ 2 ราย คือนางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก ชาวบ้าน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และนายกษิ ดิฐธนรัชต์ ชาวบ้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นักธุรกิจข้ามชาติ ซึ่งต่อมานางอัมพร ถูกตำรวจจับกุม และส่งตัวให้ดีเอสไอ จากนั้นได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนนาย กษินั้นอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับ และถูกตำรวจ สน.มีนบุรี ออกหมายจับเพิ่มอีก 1 หมายจับ ในคดีระเบิดย่านมีนบุรี ส่วนชื่อนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือยงยุทธ พบแก้ว นั้นในสำนวนคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นของดีเอสไอ ไม่ปรากฏชื่อนายอ๊อด หรือมีหมายจับแต่อย่างใด อีกทั้งดีเอสไอไม่ได้รับผิดชอบคดีระเบิดที่มีนบุรี
ศสช.ปิดศูนย์ติดตามบึ้มกรุง
ที่ศูนย์ติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวว่า หลังเกิดเหตุที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร คสช.ได้จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ฯ เพื่อเร่งรัดติดตามและบูรณาการการปฏิบัติของหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการสืบสวนสอบสวนคดี การให้ความช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ การดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว การจัดการอบรมให้ความรู้ประชาชนและกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ในเรื่องแนวทางการสังเกตสิ่งบ่งชี้ เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายรวมถึงการรายงานความคืบหน้าในด้านต่างๆ ให้ประชาชน รับทราบทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ซึ่งปัจจุบันตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว และสถานการณ์โดยรวมของประเทศขณะนี้คลี่คลายลง กลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคง ยังคงดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า การปฏิบัติงานของศูนย์ติดตามสถานการณ์ของคสช. และการชี้แจงสถานการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ จะได้ยุติลงนับตั้งแต่บัดนี้ หลังจากนี้ในส่วนของคดีจะเป็นการดำเนินการของพนัก งานสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม
จีนจี้ไทยลงโทษมือบึ้มถึงที่สุด
วันเดียวกัน นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยว่า ทางการจีนกำลังติดตามความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์อย่างใกล้ชิด และติดต่อประสานงานกับตำรวจไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ล่าสุดทราบว่าทางการไทยได้ควบ คุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน และทั้งคู่รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ จึงขอเรียกร้องให้ทางการไทยลงโทษใครก็ตามที่เป็นผู้ก่อเหตุ ควรถูกลง โทษตามกฎหมายอย่างเต็มที่ให้ถึงที่สุด และทางการจีนมีความตั้งใจร่วมมือกับประชาคมนานาชาติสู้กับอาชญากรรมประเภทนี้