- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Sunday, 27 September 2015 19:21
- Hits: 19104
'อะเด็ม'ซุกท่าเรือด้วย บึ้มจุด 2 เจ้าพระยาปริ๊นเซส แต่เกิดผิดพลาด ระเบิดไม่ทำงาน ปิดกรุงทำแผน รวดเดียว19 แห่ง ลุยงมแสนแสบ ควานซัมซุงฮีโร่
วางเป้บึ้ม - ตร.คุมตัวนายอะเด็ม คาราดัก ทำแผนฯ นาทีนำเป้บรรจุระเบิดไปวางในศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ทั้ง ยังรับว่าในวันเกิดเหตุ ได้นำระเบิดไปวางที่ท่าเรือเจ้าพระยาปริ๊นเซสด้วย แต่ผิดพลาดระเบิดไม่ทำงาน |
คุม'อะเด็ม-ยูซุฟู' ชี้จุดทำแผนบึ้ม 19 จุดทั่วกรุง หลังส่งศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังผัด 2วางกำลังตำรวจ-ทหาร หลายร้อยนาย คุ้มกันแน่นหนา ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเข้าสอบเค้น'อะเด็ม'อีก ก่อนสารภาพ ไปวางระเบิดที่ท่าเรือเจ้าพระยาปริ๊นเซส ก่อนใส่กระเป๋าเป้ไปซุกที่ศาลท้าวมหาพรหม หวังให้ระเบิดพร้อมกัน แต่ระเบิดไม่ยอมทำงาน เลยให้ ซูแบร์มาเก็บไปหย่อนลงคลองที่ท่าเรือสาทร อีกทั้งที่สวมปลอกแขน เพราะต้องการบ่งบอก ให้รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน เผื่อมีคนสวมใส่เสื้อเหลืองหลายคน ก่อนกดมือถือจุดชนวน
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9069 ข่าวสดรายวัน
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อมาตำรวจจับกุมนายอะเด็ม คาราดัก หรือ บิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ได้ที่พลูอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก พร้อมอุปกรณ์ทำระเบิดและพาสปอร์ตปลอมจำนวนมาก ก่อนจับกุมนายมีไรลี ยูซุฟู ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว
ต่อมานายอะเด็ม คาราดัก และนายมีไรลี ยูซุฟู ยอมรับสารภาพขณะถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยนายอะเด็มรับสารภาพว่าเป็นชายเสื้อเหลืองที่นำกระเป๋าเป้ใส่ระเบิดไปวางไว้ที่ศาลท้าวมหาพรหม ส่วนนายยูซุฟูรับสารภาพว่าเป็นชายเสื้อฟ้า และเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือซัมซุงฮีโร่จุดชนวนระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงาน สอบสวนได้เพิ่มข้อหากับนายอะเด็มและนายยูซุฟูในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและพยายาม ฆ่า ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง พร้อมทั้งขอศาลทหารออกหมายจับผู้ต้องหา 17 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ตร.เข้าเรือนจำแจ้งข้อหาเพิ่ม
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่เรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) คณะพนักงานสอบสวน บช.น. นำหมายจับศาลทหารเข้าแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มกับนายอะเด็ม คาราดัก หรือ บิลาเติร์ก มูฮัมหมัด และนายมีไรลี ยูซุฟู ในข้อหาร่วมกัน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม ที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในความครอบครองนำอาวุธ(วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากนั้นเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่นำตัวนายอะเด็มและยูซุฟู ที่อยู่ในชุดเรือนจำสวมเสื้อเกาะกันกระสุน ทั้งสองคนมีหน้าตาสดชื่น ไม่มีสีหน้าอิดโรยหรือเป็นกังวล ขึ้นรถตู้ 2 คันเดินทางออกจากเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 มายังศาลทหารกรุงเทพเพื่อขออำนาจศาลฝากขังโดยมีกำลังทหาร 10 นาย และตำรวจหน่วยอรินทราช 10 นายคุ้มกันความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ส่วนที่ศาลทหารกรุงเทพ มีทหารจาก ร.1 พัน 3 ทั้งในและนอกเครื่องแบบ 30 นายดูแลพื้นที่บริเวณด้านใน ส่วนรอบนอกตั้งแต่ทางเข้าศาลหลักเมืองกรุงเทพมีตำรวจสน. ชนะสงคราม และสน.พระราชวัง 20 นาย พร้อมหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดกองทัพบกมา สแกนพื้นที่โดยรอบ
ยื่นคำร้องฝากขังอีก 12 วัน
จุดกดบึ้ม - เจ้าหน้าที่คุมตัวนายมีไรลี ยูซุฟู ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดกดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือบนสกายวอล์ก ย่านราชประสงค์ ก่อนนำมือถือไปทิ้งลงคลองแสนแสบ บริเวณสะพานเฉลิมโลก ถ.ราชดำริ |
ต่อมาเวลา 13.30 น. รายงานข่าวแจ้งว่าคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพออกนั่งบังลังก์เพื่ออ่านคำร้องของพ.ต.ท.สมเกียรติ พลอยทับทิม พงส.ผนพ.สน.ลุมพินี ที่เดินทางมายื่นคำร้องฝากขังนายอะเด็ม คาราดัก และนายมีไรลี ยูซุฟู โดยให้เหตุผลว่ายังสอบสวนพยานไม่แล้วเสร็จจำนวน 20 ปาก และรอผลการพิสูจน์หลักฐานจากกองพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือประวัติอาชญากร ซึ่งระหว่างการพิจารณาคำร้องคณะตุลาการฯ ได้อนุญาตให้ตำรวจสันติบาลทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา
โดยก่อนเริ่มแปลภาษา คณะตุลาการฯ ให้ล่ามกล่าวสาบานตนว่าการแปลภาษาครั้งนี้ จะพูดตามความจริงและไม่มีการพูดเกินความจริง จากนั้นจึงนำสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งขอฝากขังให้ล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษแบบบรรทัดต่อบรรทัดให้ผู้ต้องหาฟัง ซึ่งก็ได้รับทราบข้อกล่าวหา ทั้งนี้ คณะตุลาการฯ ได้ให้ล่ามสอบถามผู้ต้องหาว่า ยอมรับให้ล่ามเป็นล่ามแปลภาษาของตนเองหรือไม่ ทั้งสองคนได้กล่าวยอมรับ ต่อมาคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพได้สอบถามว่าจะคัดค้านการฝากขังหรือไม่ ทั้งสองคนไม่คัดค้านการฝากขังจึงได้อ่านคำร้องของพนักงานสอบสวน เห็นชอบให้ฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.-7 ต.ค. 58 และเนื่องจากพนักงานสอบสวนได้ยื่นขออนุญาตนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คณะตุลาการฯ ได้อนุญาตและให้อยู่ในความควบคุมของพนักงานสอบสวน เมื่อแล้วเสร็จให้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี
คุมตัวชี้จุดทำแผนบึ้ม 19 จุด
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมทั้งหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารบก (ทลร.สพ.ทบ.)
นำตัวนายอะเด็มและนายยูซุฟู มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่นายอะเด็มยอมรับว่าคือชายเสื้อเหลืองที่นำระเบิดมาวางไว้ภายใน ศาลท้าวมหาพรหม ส่วนนายยูซุฟูเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิด โดยมีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งตำรวจหน่วยคอมมานโด หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น. หน่วยสุนัขตำรวจ และตำรวจสันติบาล กว่า 200 นาย ควบคุมพื้นที่และออกตรวจพื้นที่โดยรอบสี่แยกราชประสงค์ ท่ามกลางผู้สื่อข่าวจำนวนมากทั้งของไทยและสำนักข่าวต่างประเทศ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้จุดที่ทำแผนประกอบ คำรับสารภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้แยกตัวนายอะเด็มกับนายยูซุฟู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ โดยนายอะเด็มเมื่อเดินทางมาถึงศาลท้าวมหาพรหม เจ้าหน้าที่ได้ให้สวมเสื้อสีเหลือง สวมเสื้อเกราะกันกระสุนทับอีกชั้น ซึ่งเจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย ที่มือถือถุงพลาสติกขนาดใหญ่ เริ่มทำแผนจุดแรกที่สะพายกระเป๋าเป้ใส่วัตถุระเบิดเดินเท้าเข้าไปนั่งบนม้านั่งด้านข้างศาลท้าวมหาพรหมตามคลิปภาพที่ปรากฏ จุดที่สองเดินเท้ามายังปากซอยมหาดเล็กหลวง จุดที่ว่าจ้างวินรถจักรยาน ยนต์รับจ้างให้ไปส่งที่ป้ายรถเมล์สวนลุมพินี จุดที่สามบริเวณประตู 5 สวนลุมพินี จากนั้นเดินเข้าไปยังห้องน้ำหมายเลข 6 เพื่อเปลี่ยนชุด ถอดวิกและแว่นตาที่สวมใส่ออก
ทำแผนเสร็จส่งเรือนจำมทบ.11
1.คุ้มกันเข้มมีไรลี ยูซุฟูมาทำแผนหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ 2.นำตัวนายอะเด็ม คาราดักเข้าศาลพระพรหม 3.มีไรลี ยูซุฟู ที่ชุมชนแผ่นดินทองเจริญดำริ 4.อะเด็มชี้ห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ |
ส่วนนายยูซุฟู เจ้าหน้าที่ให้สวมเสื้อสีน้ำเงิน มีตำรวจกก.ควบคุมฝูงชน 2 กองร้อยน้ำหวาน 40 นายคอยจับมือกั้นรอบตัวนายยูซุฟู พาแยกไปทำแผนจุดแรกบริเวณป้ายรถเมล์ หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ถนนพระราม 1 แขวง และเขตปทุมวัน ที่นายยูซุฟูเดินเท้าไปหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วขึ้นไปบนสกายวอล์กเพื่อใช้โทรศัพท์มือถือซัมซุงฮีโรจุดชนวนระเบิด จากนั้นชี้จุดที่นำโทรศัพท์มือถือไปทิ้งลงคลอง บนสะพานเฉลิมโลก ข้ามคลองแสนแสบ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จุดสุดท้ายบริเวณหน้าปากซอยเพชรบุรี 27 ซอยกิจวัฒนา แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี ที่นายยูซุฟูเรียกรถแท็กซี่เพื่อหลบหนีกลับที่พักหลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้น
ต่อมาเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอะเด็มกับนายยูซุฟู กลับมาทำแผนร่วมกันบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ใกล้สถานีรถไฟ หัวลำโพง จุดที่นายยูซูฟูนำกระเป๋าเป้ไปวางที่ม้านั่ง เพื่อรอนายอะเด็มมารับกระเป๋าที่บรรจุระเบิดไปก่อเหตุที่สี่แยกราชประสงค์ ก่อนจะเรียกรถตุ๊กตุ๊กเพื่อไปก่อเหตุ ส่วนนายยูซุฟูเรียกรถตุ๊กตุ๊กตามนายอะเด็มไปยังแยกราชประสงค์เพื่อกดระเบิด จุดต่อไปที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
จากนั้นเจ้าหน้าที่แยกตัวนายอะเด็มไปที่อู่รถตุ๊กตุ๊กย่านวัดดวงแข จุดที่โชว์เฟอร์รถสามล้อ พานายอะเด็มไปให้เพื่อนสื่อสารภาษาว่าจะไปไหน เสร็จแล้วคุมตัวไปที่มัสยิดอัสละฟียะฮะ ถนนเจริญกรุง ซอย 105 ที่นายอะเด็มทำพิธีทางศาสนา และพาไปชี้จุดที่สะพานกรุงเทพ ที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปท่าเรือซอยเจริญนคร 61 จุดที่นำระเบิดลูกแรกไปวางไว้แต่ไม่ระเบิด ก่อนคุมไปทำแผนประกอบคำสารภาพยังจุดต่างๆ
ต่อมาเวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่คุมตัวนาย อะเด็มและนายยูซุฟู มาทำแผนที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ถนนเชื่อมสัมพันธ์ 13 จุดที่นายอะเด็มมาพักอาศัย และเป็นจุดที่นายยูซุฟูนำระเบิดมาประกอบภายในห้องเลขที่ 412, 413 และ 414 และใช้เป็นที่ใช้พักอาศัยเพื่อกบดาน กระทั่งตำรวจตามเข้าจับกุมนายอะเด็มได้ รวมทำแผนวันนี้ทั้งหมด 19 จุด เสร็จแล้วควบคุมตัวทั้ง 2 คนส่งไปคุมขังไว้ที่เรือนจำ มทบ.11 หรือเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนคร ไชยศรี
ผบ.ตร.เชื่อจับซูแบร์ได้แน่นอน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากคำให้การของนายอะเด็ม และนายยูซุฟูนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นความจริงจนกว่าจะพิสูจน์ได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์คำให้การของผู้ต้องหาทั้งสองคน เป็นไปตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พบว่ามีความสอดคล้องกับความเป็นจริง จึงได้มีการนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สำหรับในการติดตามตัวนายซูแบร์ ชายเสื้อฟ้ามือระเบิดสาทรนั้น เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัว รวมถึงผู้ต้องหาทั้งหมดที่ยังเหลือมั่นใจว่าจะสามารถติดตามตัวได้ในที่สุด
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิเปิดเผยว่า วันนี้นำตัวนายอะเด็มและนายยูซุฟู ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุวางระเบิดศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งจะมีการแบ่งการทำแผนแบ่งเป็น 2 ทีม โดยนายอะเด็มจะทำแผนจุดแรกบริเวณแยกราชประสงค์ที่นำระเบิดมาวางไว้ จุดที่สอง คือห้องน้ำภายในสวนลุมพินีที่เปลี่ยนเสื้อผ้า และจุดที่สามคือสถานีรถไฟหัวลำโพง ที่มีการแลกเปลี่ยนกระเป๋าจากนายยูซุฟู ส่วนของนายยูซุฟูจะเริ่มจากบริเวณลานน้ำพุ ห้างเซ็นทรัล เวิลด์ ที่นายยูซุฟูอ้างว่าในวันเกิดเหตุได้ถ่ายรูปจากจุดนี้ จุดที่สองคือจุดที่โยนโทรศัพท์ทิ้งลงน้ำ โดยเจ้าหน้าที่จะไปงมหาโทรศัพท์มือถือซึ่งคาดว่าเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ในการจุดชนวน ระเบิดที่ราชประสงค์ บริเวณคลองแสนแสบ โดยมีตำรวจน้ำร่วมปฏิบัติการด้วย และที่สถานีรถไฟหัวลำโพงที่นายยูซุฟูพบกับนาย อะเด็ม ทั้งนี้ในเชิงการสืบสวนพบข้อมูลว่านายยูซุฟูเป็นผู้กดโทรศัพท์จุดระเบิด แต่ตัว ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ให้การว่าแค่ถ่ายรูปวันเกิดเหตุเท่านั้น
ขณะที่พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบก.รน. กล่าวว่า หลังจากที่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของนายยูซุฟู ตำรวจน้ำได้จัดชุดมนุษย์กบ 6 นาย มางมหาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง หลังจากที่ยูซุฟูรับสารภาพว่าได้นำโทรศัพท์มาทิ้งในคลอง ซึ่งมีอุปสรรค์เรื่องความลึกของระดับน้ำ 3 เมตร มีโคลนตมสูงกว่า 1 ฟุต และกระแสน้ำไหลเชี่ยว ทั้งนี้ได้ประสานไปยังสำนักการระบายน้ำ เพื่อเปิดประตูระบายน้ำออกบางส่วนเพื่อสะดวกในการงมหาหลักฐาน
แฉเป้าหมายวางระเบิดมี 2 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากนายอะเด็ม รับสารภาพว่าเป็นชายเสื้อเหลืองที่นำระเบิดไปวางไว้ที่ศาลท้าวมหาพรหม มีรายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดและ เจ้าหน้าที่ฝ่ายมั่นคงทหาร ร่วมกันเค้นสอบ นายอะเด็มอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง กรณีเหตุระเบิดที่ท่าน้ำสาทรหลังจากพบวัตถุพยานว่ามีความเชื่อมโยงกัน จนในที่สุดนายอะเด็มยอมรับสารภาพเพิ่มเติมว่าเป็นผู้นำระเบิดไปวางที่ท่าเรือเจ้าพระยาปริ๊นเซส ซอยเจริญนคร 61 ฝั่งธนบุรีตรงข้ามท่าน้ำสาทร เนื่องจากเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาลงเรือเที่ยวชมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจุดแรก แต่ระเบิดไม่ทำงานนายซูแบร์จึงเก็บเอาไปทิ้งแม่น้ำเจ้า พระยาบริเวณท่าน้ำสาทร ตามที่ชุดสืบสวนสอบสวนมีหลักฐานภาพวงจรปิดบันทึกภาพนายซูแบร์เอาไว้ได้
โดยนายอะเด็มยอมรับว่านำวางระเบิดไปวางที่ท่าเรือเจ้าพระยาปริ๊นเซส เวลา 16.30 น. วันที่ 17 ส.ค.เป็นจุดแรก จากนั้นจึงไป วางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหมเป็นจุดที่ 2 จนเกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยวันลงมือก่อเหตุออกมาจากห้องพักที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก สวมเสื้อสีเทา กางเกงสีน้ำเงิน รองเท้า สีขาว เดินทางไปที่มัสยิดแห่งหนึ่งในซอยเจริญกรุง 105 เพื่อเอาระเบิดและเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อสีเหลือง จากนั้นหิ้วระเบิดใส่ถุงนำมาวางที่ท่าเรือเจ้าพระยาปริ้นเซส ซอย เจริญนคร 61 เวลา 16.30 น. เมื่อนำระเบิดไปวางเสร็จแล้วก็จะกางร่มเป็นสัญลักษณ์เพื่อ ส่งสัญญาณให้นายอิซานรู้ว่าพร้อมแล้ว จากนั้นนายอิซานจะเป็นคนกดรีโมตระเบิดจากโทรศัพท์มือถือ
นายอะเด็มยังรับด้วยว่าหลังจากวางระเบิดแล้วก็โดยสารรถแท็กซี่ไปลงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ไปรับกระเป๋าเป้ใส่ระเบิดแสวงเครื่องจากนายยูซูฟู จากนั้นต่างคนต่างเดินทางไปที่เป้าหมายคือบริเวณราชประสงค์ ซึ่งตัวเอง ขึ้นรถตุ๊กตุ๊กนำระเบิดไปวางที่ศาลท้าวมหา พรหม ส่วนยูซูฟูไปรอคอยกดรีโมตระเบิดจากโทรศัพท์มือถือจนกระทั่งเกิดเหตุระเบิด ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ 2 ส่วนที่ใส่ปลอกแขนเพราะเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นพวกเดียวกันซึ่งเป็นจุดเด่นถ้ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพ ไว้เป็นหลักฐานได้ ส่วนแว่นตา วิกผม ปลอกแขน นายอิซานเป็นผู้เอาไปทำลายหลักฐานโดยไม่รู้ว่าเอาไปทิ้งที่ไหน
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9068 ข่าวสดรายวัน
ตั้งข้อหาแล้ว'อะเด็ม'มือบึ้มฆ่า สรุปคือเสื้อเหลือง 'ยูซุฟู'กดระเบิด ด้วยซัมซุงฮีโร่ คุมตัวชี้จุดวันนี้ หมายจับ-อีก 17 สมยศยิ้มจบได้
คนเดียวกัน- กล้องวงจรปิดจับภาพชายเสื้อสีเทา ที่ตำรวจสรุปแล้วคือนายอะเด็ม คาราดัก มือวางระเบิดศาล พระพรหม ที่หลังจากก่อเหตุได้มาเปลี่ยนชุดจากเสื้อเหลือง เป็นเสื้อสีเทา แล้วถอดวิกผมกับแว่นตา ที่ห้องน้ำในสวนลุมพินี |
นครบาลขอศาลทหารออกหมายจับ 17 ผู้ต้องหาบึ้มกรุง นำโดย'อะเด็ม คาราดัก' เพิ่มข้อหาฆ่าและพยายามฆ่ารวมทั้งมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 'ศรีวราห์'ระบุหลักฐานชัดคือชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิด จนนำมาสู่การขอหมายศาล 'สมยศ'ลั่นปิดคดีนี้ได้ก่อนเกษียณราชการอย่างแน่นอน เปิดภาพแผนผังชายเสื้อเหลืองและเสื้อเทาจากกล้องวงจรปิด เตรียมนำ'อะเด็ม'ไปทำแผนฯวันนี้
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้องน้ำ สวน ลุมพินี พร้อมกับระบุว่านายอะเด็ม คาราแด็กหรือนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา คือชายเสื้อเหลืองผู้วางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เหตุเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.น. ได้ไปสอบปากคำนายบิลาเติร์ก และนายมีไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว เพิ่มเติม ที่เรือนจำ มทบ.11 ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ผลออกมาน่าพอใจ ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่ใช้ยันจนทำให้ ผู้ต้องหาทั้งสองยอมจำนนต่อพยานหลักฐาน โดยเฉพาะนายบิลาเติร์กทางเจ้าหน้ามีหลักฐานสำคัญหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือภาพหน้าห้องน้ำที่สวนลุมพินี ที่ปรากฏชายเสื้อเทาที่เชื่อว่าคือนายบิลาเติร์ก ในส่วนนี้ตนคิดว่าคงไม่ต้องชี้แจงรายละเอียดแล้ว เพราะจากที่สื่อมวลชนนำเสนอน่าจะชัดเจนแล้ว แต่หลักฐานชิ้นดังกล่าวไม่ใช่ทั้งหมด เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ตนไม่สามารถยืนยันว่าชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุกับชายเสื้อเทาในภาพ เป็นคนเดียวกัน จนกว่าจะมีหลักฐานอื่นๆ มาประกอบและ ชี้ชัด ส่วนการสอบปากคำนายยูซุฟูให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีมาก แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพยานหลักฐานตอนนี้เพียงพอที่จะเพิ่มข้อหาฆ่าคนตาย โดยไตร่ตรองไว้ก่อนกับนายบิลาเติร์ก ได้หรือไม่ พล.ต.อ. สมยศกล่าวว่า ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ตอบได้เพียงว่าส่วนตัวตนมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่มัดตัวนายบิลาเติร์กในเรื่องทำความผิดได้ อีกทั้งจากการค้นห้องพักนายบิลาเติร์ก เมื่อวันที่ 29 ส.ค. เจอเสื้อสีเทาที่อยู่ในรูปของกล้องวงจรปิดด้วย ส่วนที่นายบิลาเติร์กรับว่าเป็นชายเสื้อเหลืองนั้น ต้องถามพนักงานสอบสวน ตนได้รับข้อมูลเพียงว่าหลังจากสอบปากคำพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงคำให้การ แต่ตนตอบได้เพียงว่าคำให้การ หรือคำรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนนั้นศาลไม่รับฟัง ต้องมีพยานหลักฐานประกอบด้วย และนั่นถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของผู้ต้องหาทั่วไป ที่จะรับสารภาพในชั้นสอบสวน ก่อน แต่กลับคำให้การในชั้นศาล โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกาย จึงเป็นจุดที่พนักงานสอบสวนต้องทำงานอย่างรอบคอบ หาพยานหลักฐานหลายๆ อย่างเพื่อยืนยันมัดตัว ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด พร้อมทั้งย้ำเสมอว่าอย่าเชื่อคำให้การจนกว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปชี้ที่เกิดเหตุ แล้วมันสอดคล้องกัน อย่างไรก็ตามหากสุดท้ายมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม ก็ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่ายืนยันว่านายบิลาเติร์กเป็นคนวางระเบิด พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนยืนยันไม่ได้ แต่จากความรู้สึกส่วนตัวที่เห็นภาพข่าวยอมรับว่าคล้ายมาก ซึ่งเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว แต่ในการทำงานไม่สามารถสรุปได้จนกว่าพนักงานสอบสวนจะมั่นใจ ทั้งนี้ สิ่งที่มั่นใจได้คือผู้ต้องหาคดีระเบิดทุกคนที่จับตัวมาแล้วไม่ใช่แพะอย่างแน่นอน แต่อยู่ที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้านใด จากประสบการณ์ของตน และทีมงานสืบสวนสอบสวน ตนมั่นใจตั้งแต่วันแรกและวินาทีแรกที่จับกุมนายบิลาเติร์กแล้วว่าน่าจะเป็นผู้วางระเบิด แต่ก็มีกระแสข่าวว่าคนวางหลบหนีไปจุดอื่น เจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่หาข่าว ติดตาม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าหนีไปจริงหรือไม่ จากวันนั้นถึงวันนี้ค่อยๆ มีหลักฐานชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ยอมรับว่าอุปสรรคคดีนี้คือ พยานรายสำคัญบางคนไม่กล้าให้ข้อมูลแท้จริง เนื่องจากมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ทำให้ข้อมูลที่ให้ตำรวจเกิดการบิดเบือน หรือไม่ครบ เพราะเกรงจะถูกตั้งข้อหา
ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์อีกว่า มอบหมายพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผบ.ตร. ไปดำเนินการประสานกับบช.น.ให้นำภาพผู้ต้องสงสัยที่ได้จากการรวบรวมหลักฐาน และไปถ่ายภาพผู้ต้องสงสัยในมุมเดียวกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มี และมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางไปทำภาพเชิงซ้อน หรือเทียบสเกลใบหน้าให้ละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อเป็นพยานหรือเป็นสิ่งที่สามารถนำไปประกอบเป็นพยานหลักฐาน หากว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือเพื่อยืนยันให้ชัดเจนว่าใช่คนคนเดียวกันหรือไม่
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมอบหมายพล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. รวบรวมภาพถ่ายผู้ต้องสงสัยในมุมต่างๆ และไปถ่ายภาพผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในมุมเดียวกันมาเปรียบเทียบด้วยว่ามีความคล้ายกันมากน้อยแค่ไหน ส่วนการส่งหลักฐานไปตรวจพิสูจน์ในต่างประเทศก่อนหน้านี้นั้น มีความร่วมมือกับมิตรประเทศที่เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือลักษณะนำภาพที่มีหลักฐานอยู่ไปทำให้มีคุณภาพเพื่อที่จะนำมาใช้ หรือนำมาเชื่อมโยงกับระบบต่างๆ ที่มีอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะตรวจสอบการเดินทางของบุคคลเหล่านั้น แต่ยังไม่มีการประสานกลับมา
ผบ.ตร.กล่าวว่า ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานแต่ไปเพิ่มความชัดเจนข้อมูลในหลักวิทยาศาสตร์ เราทำงานเพื่อเพิ่มความชัดเจน ค้นหาพยานหลักฐานที่มีอยู่จริงไม่ใช่คิดเอาเอง หาพยานหลักฐานเพื่อมาประกอบให้มีน้ำหนักมากขึ้น พยายามแสวงหาทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี ส่วนเสื้อสีเทาที่เห็นในภาพกล้องวงจรปิดและที่ค้นเจอในห้องพักอพาร์ตเมนต์ที่จับกุมนายอะเด็มนั้น นาย อะเด็มยอมรับว่าเป็นเจ้าของเสื้อตัวนั้น ซึ่งต้องนำมาเทียบเคียงกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่า สีเดียว แบบเดียวกันหรือไม่ มีโลโก้อะไรที่ปรากฏให้ยืนยันว่าเป็นตัวเดียวกัน
ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลทหาร ออกหมายจับนายอะเด็ม คาราดัก หรือนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด และ ผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกประมาณ 10 รายขึ้นไป มีปะปนรวมกันไปทั้งคนไทย คนต่างชาติ มีทั้งผู้ต้องหาใหม่และเก่า ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สรุปคือได้รับคำสั่งจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับภายในวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่านายอะเด็ม คาราดัก หรือนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด เป็นชายเสื้อเหลืองคนวางระเบิดใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องรอให้ศาลเป็นผู้พิจารณาในการดำเนินการออกหมายจับ ส่วนการเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหานั้น เมื่อวานที่ผ่านมาบช.น.ยังไม่ได้สอบปากคำผู้ต้องหา ฝ่ายสืบสวนของ คสช.เป็นผู้ทำบันทึกถ้อยคำผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนเชิญเจ้าหน้าที่บันทึกถ้อยคำของผู้ต้องหามาสอบปากคำ เพื่อประกอบสำนวนคดีดังกล่าว ส่วนที่ใช้ศาลทหารเนื่องจากดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
เมื่อถามว่า นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอะเด็ม ระบุว่ารูปพรรณสัณฐานของนายอะเด็มไม่ตรงกับภาพกล้องวงจรปิด พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ทนายสามารถมาให้การในสำนวนได้ เมื่อถามว่าหากขอหมายจับผู้ต้องหาได้แล้วถือว่าครบกระบวนการตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการตามพยานหลักฐาน การสอบสวนจะกระทำที่ใดเวลาใดก็ได้ แต่ให้กระทำโดยไม่ชักช้า แต่เมื่อปรากฏพยานหลักฐานก็ดำเนินการไปตามนั้น ส่วนตัวละครในขบวนการวางระเบิดครบหรือไม่ ยังไม่ครบ แต่เอาเท่าที่มีและสืบสวนสอบสวนได้ ถ้าพาดพิงถึงใครอีกก็ต้องดำเนินการต่อ
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ศาลทหารพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาตามที่พนักงานสอบสวนบช.น. ร้องขอ จำนวน 16 ราย โดยเป็นบุคคลเดิมที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว 15 ราย และอีก 1 รายเป็นคนไทย ทั้งหมดมีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ทั้งนี้ สืบเนื่องจากผลตรวจของกลางที่พบในที่เกิดเหตุแยกราชประสงค์จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) พบว่ามีสารประกอบวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ถือเป็นอาวุธสงคราม จึงต้องขึ้นศาลทหาร สอดคล้องกับประกาศ คสช.ที่ 50/2557 ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาคดี
ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ภายหลังศาลทหารอนุมัติหมายจับจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เมื่อถามว่าจะปิดคดีนี้เป็นของขวัญก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า มั่นใจว่าจะสามารถปิดคดีได้ภายในเดือนนี้ก่อนเกษียณอย่างแน่นอน
ขณะที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ ผบช.น. กล่าวว่า เมื่อวานยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่หลังจากได้รับรายงานข้อมูลการสอบสวนเมื่อช่วง 21.00 น.วันที่ 24 ก.ย.ยืนยันว่า นายอะเด็ม หรือบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด เป็นชายเสื้อเหลือง พยานหลักฐานชัดเจนจนนำไปสู่การขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับ
เมื่อเวลา 18.00 น. พนักงานสอบสวนเดินทางมายังศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เพื่อขออนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาคดีระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ข้อหาฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น รวมถึงมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้อยู่ไว้ในครอบครองได้ ประกอบด้วย 1.ชายไม่ปรากฏสัญชาติตามภาพสเกตช์ จำนวน 2 ราย, 2.นายยูซุป (ไม่ทราบนามสกุล), 3.น.ส.วรรณ สวนสัน หรือนางไมซาเราะห์, 4.นายเอ็มระห์ ดาวูโตกูล, 5.นายเมียไรลี ยูซุฟู, 6.นายบิลาล โมฮัมเหม็ด, 7.Mr.Abudusataer Abudureheman หรือ Ishan, 8.นายไบลาล (บิลาอัล) มูฮัมหมัด หรือนายอะเด็ม คาราดัก, 9.นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน, 10.นายอาลิ โจลัน, 11.ชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ, 12.นายไมไรลี ยูซุฟู, 13.นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน, 14.ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อและนามสกุล (ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิดห้างโลตัส สาขาหนองจอก), 15.ชายไม่ทราบชื่อ ตามภาพสเกตช์คนร้าย ทั้งนี้พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการขอหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายศาลจังหวัดมีนบุรี ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 26 ก.ย. เจ้าหน้าที่จะนำนายอะเด็ม คาราดัก ไปทำแผน ที่บริเวณแยกราชประสงค์ รวมถึงพื้นที่สวนลุมพินีด้วย
รายงานข่าวเปิดเผยเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวนสามารถสรุปได้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า นายอะเด็มคือชายเสื้อเหลืองคนวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม ส่วนนายยูซุฟูคือคนกด จุดระเบิด โดยใช้โทรศัพท์มือถือซัมซุงฮีโร่แล้วถ่ายภาพหลังเกิดเหตุส่งไปให้นายอิซาน ผู้บงการที่อยู่ต่างประเทศ จากนั้นนำมือถือไปโยนทิ้งคลองสะพานเฉลิมโลก
ล่าสุดศาลทหารออกหมายจับคนที่ 17 คือ นายซูแบ ชายเสื้อฟ้ามือระเบิดสาทร