- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Thursday, 24 September 2015 12:36
- Hits: 9311
จู่ๆ'อะเด็ม'ก็รับ-เป็นเสื้้อเหลืองมือบึ้้ม สารภาพกับทหาร ในเรือนจำมทบ.11
บิ๊กตร.มาเลย์แถลงจับเพิ่มอีก 5 คน แก๊งพาทีมระเบิดราชประสงค์-สาทรหลบหนี รวมควบคุมตัวไว้แล้ว 8 เป็นมาเลย์ 4 และอุยกูร์อีก 4 'สมยศ'รุดรายงาน 'บิ๊กตู่' ถึงทำเนียบ ยอมรับ'จักรทิพย์' ไปมาเลย์กลับมาแล้วเพื่อประสานเรื่องคดี แต่ยืนยันไม่ใช่มือบึ้มทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อฟ้า นครบาลออกหมายจับที่ 16 ชายตามภาพที่ไปซื้อวัตถุประกอบบึ้มย่านพระโขนง พูดไทยได้
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9066 ข่าวสดรายวัน
หมายที่ 16 - ภาพกล้องวงจรปิด ขณะชายต้องสงสัยเข้าไปซื้อท่อเหล็กนำไปประกอบระเบิด ที่ร้านค้าในซอยสุขุมวิท 44 ย่านพระโขนง กทม. ล่าสุดถูกออกหมายจับแล้วตามภาพสเกตช์ นับเป็นหมายจับที่ 16 ในคดีบึ้มกรุง เมื่อวันที่ 23 ก.ย.
สื่อนอกตีข่าวมาเลย์รวบตัว 8 คน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. เว็บไซต์ข่าวชาแนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์ รายงานความคืบหน้า การติดตามตัวผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดศาล พระพรหม บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า พ.ต.ต.ดาโต๊ะสรี นูร์ ราชีด อิบราฮิม รองจเรตำรวจมาเลเซีย แถลงการณ์ว่าตำรวจมาเลเซียสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ต้องหาคดีวางระเบิดศาลพระพรหมเดินทางหลบหนีออกจากประเทศไทยเพิ่มอีก 5 คน รวมที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ 3 คน ทำให้ตอนนี้ควบคุมตัวไว้แล้ว 8 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวมาเลเซีย 4 คน ส่วนอีก 4 คนที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นชาวอุยกูร์
4 คนเป็นมาเลย์-อีก 4 เป็นอุยกูร์
"ผู้ต้องหา 4 ใน 8 คนเป็นต่างชาติ ผมเชื่อว่าเป็นชาวอุยกูร์ แต่ยังไม่สามารถระบุชี้ชัด ได้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่ เพราะยังไม่มีใครรับสารภาพ" พ.ต.ต.นูร์ ราชีด กล่าวและว่า ยังไม่มีหลักฐานมัดตัวที่จะโยงผู้ต้องสงสัยกับการวางระเบิดศาลพระพรหม และตำรวจไทยทราบเรื่องการจับกุมที่จะช่วยขยายผลการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้ว
ขณะที่เว็บไซต์เดอะสตาร์ของมาเลเซีย ระบุว่าผู้ต้องสงสัยล่าสุด 4 คน ถูกตำรวจมาเลเซียจับกุมได้ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐกลันตัน เมื่อ 4 วันที่ผ่านมา โดยทั้งหมดอยู่ในช่วงอายุราว 30 ปี ซึ่งชาวมาเลเซีย 4 คนมีความเชื่อมโยงกับอาชญากรรมค้ามนุษย์ และลักลอบนำต่างชาติเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
'สมยศ'เข้าทำเนียบรายงาน'บิ๊กตู่'
เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เข้าพบและหารือประมาณ 30 นาที คาดว่ามารายงานความคืบหน้า คดีระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ที่มีรายงานข่าวว่าทางการมาเลเซียจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีดังกล่าวได้
จากนั้นพล.ต.อ.สมยศให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า อย่างที่เคยบอกว่าทุกอย่างที่มีข้อสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำให้ประจักษ์ แต่ชั้นนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียควบคุมตัวไว้นั้นเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรหรือไม่ และใช่คนเสื้อเหลืองหรือไม่ เรื่องนี้ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะยังไม่ได้รับการประสานงานหรือยืนยันจากทางมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้หากมีการยืนยันจากทางมาเลเซีย ทางการไทยต้องไปสอบถามหรือซักถามให้ประจักษ์ก่อนว่า ผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียควบคุมตัวไว้เกี่ยวข้องอย่างไร หรือเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน เบื้องต้นไม่สามารถยืนยันเรื่องดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.เดินทางไปประเทศมาเลเซียจริง และกลับมารายงานกับตนว่าเบื้องต้นเป็นแค่การหารือเพื่อจะทำงานร่วมกัน และหากมีการควบคุมตัวตามที่เป็นข่าวจะต้องดำเนินการอย่างไรมากน้อยแค่ไหน
จับอีก 5 - ตำรวจมาเลเซียแถลงจับ 5 ผู้ต้องสงสัยแก๊งลักลอบพาคนหลบหนีเข้าเมือง โดยไม่ยืนยันว่าเชื่อมโยงกับทีมระเบิดแยกราชประสงค์ แต่พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจไทยในการประสานข้อมูลตรวจสอบ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. |
ปัดข่าว'จักรทิพย์'นำตัวกลับไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ก็เพิ่งไปมาเลเซีย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เมื่อมีข่าวขึ้นมา ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องค้นหาความจริง เพราะจะมีคำถามจากสื่อ ถึงเรื่องข่าวต่างๆ ที่มาเลเซีย และตำรวจไทย ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงต้องไปสอบถามให้มีความชัดเจน ขณะนี้ความชัดเจนมีเพียงเท่านี้ ส่วนจะให้น้ำหนักไปกับข่าวที่ออกมานั้น ถ้าตนไม่ไป ตำรวจไม่ไป สื่อก็ตั้งคำถามอีกว่าทำไมไม่ไป ไปเพื่อทำให้ประจักษ์ในข้อเท็จจริงที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่าประเทศตุรกีมีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ถ้ามีต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามกระบวนการ ตามข้อตกลง ส่วนกระแสข่าวว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์นำตัวผู้ต้องหากลับมาในวันนี้ด้วยนั้น ไม่มี ตนยังไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนได้พูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เรื่องดังกล่าวหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์เรียกหลายคนเข้าไป ซึ่งไม่ใช่ตนคนเดียว มีรองนายกฯ ทุกท่าน เพื่อเข้าไปขอบคุณเรื่องที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงานก่อนจะเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนข่าวที่ว่าทางการมาเลเซียส่งภาพผู้ต้องสงสัยมา ให้ทางการไทยนั้น ไม่มีการประสานงานถึงขนาดนั้น สำหรับชื่อนายนาริ เป็นชื่อของชายเสื้อเหลืองหรือไม่ ไม่ทราบ ไม่ยืนยัน ส่วนทางประเทศมาเลเซียควบคุมผู้ต้องสงสัยด้วยข้อหาอะไร ตนไม่ทราบ เราไปพูดคุยเราไม่สามารถซักถามหรือลงลึกในรายละเอียด พล.ต.อ.จักรทิพย์ไปหารือกับผู้บัญชาการระดับสูง
'บิ๊กแป๊ะ'โต้ได้ตัวชายเสื้อเหลือง
ต่อข้อถามว่าต้องรอให้มาเลเซียดำเนินคดีเสร็จก่อนใช่หรือไม่ ตำรวจไทยจึงจะเข้าไปสอบถามได้ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า อันดับแรกต้องดูว่าควบคุมตัวในข้อหาใด และสอบสวนซักถามว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ หากเกี่ยวข้องและแจ้งมาว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องเราจะต้องไปสอบถามหรือไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเกี่ยวข้องอย่างไร และต้องเอาคำให้การของผู้ต้องหารวมทั้งหลักฐานอื่นๆ มาเทียบเคียงว่าสิ่งที่เขาบอกว่าใช่หรือไม่ ไม่ใช่จะเชื่อไปแบบนั้น ตำรวจไทยไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ต้องมีการตรวจสอบคำให้การว่ามีความสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหรือไม่ด้วย ต้องมีความเชื่อมโยงกัน เพราะฉะนั้นการรีบนำเสนอบางครั้งมันผิดพลาด ส่วนที่ว่าทางการไทยต้องรอให้ทางการมาเลเซียประสานมาใช่หรือไม่เรื่องของการยืนยันตัวบุคคลนั้น ขนาดเป็นข่าวเรายังไปประสานเลย หากประสานมาเราไปแน่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังไม่ได้รายงานว่าไปพบใคร น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ ส่วนการรายงานผลการตรวจสอบการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ สตม.โดยจเรตำรวจแห่งชาตินั้น ยังไม่ได้รับรายงาน
จู่ๆรับ - นายอะเด็ม หรือบิลาเติร์ก ผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลพระพรหม ซึ่งถูกจับกุมมานาน 25 วัน จู่ๆ ก็เปิดปากรับสารภาพกับทหารขณะถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ มทบ. 11 ว่าตัวเองคือชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิด |
ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่มีการควบคุมตัวมือระเบิดแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมาอาจเป็นข้อมูลเก่า ต้องตรวจสอบพูดคุยกับทางการมาเลเซียก่อน ยืนว่ายังไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังคงสืบสวนติดตามจับกุมอยู่ ตนเพิ่งลงพื้นที่เพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา ข่าวที่ออกไปมีการระบุชื่อชายเสื้อเหลือง ตนเห็นแล้วก็งงเหมือนกัน ออกมาได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่ได้ตัวเลย
ออกหมายจับรายที่ 16
ขณะที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวว่า วันนี้ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพกล้องวงจรปิดและภาพสเกตช์ เพิ่มเติม 1 ราย เป็นชายไม่ทราบสัญชาติ ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สูง 170 ซ.ม. พูดภาษาไทยได้ โดยกล่าวหาว่าร่วมกันทำวัตถุระเบิดซึ่งนายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ มีความเชื่อมโยง เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการร่วมกันทำระเบิด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนไทย และอยู่ระหว่างสืบสวนว่าเป็นใคร โดยหลักฐานที่ใช้ขอออกหมายจับได้จากพยานหลักฐานและพยานวัตถุ
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า จะออกหมายจับเพิ่มเติมมากกว่า 1 ราย เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานครบจะขอออกหมายจับทั้งคนไทยและต่างชาติ ขุดรากถอนโคนให้หมด จนถึงขณะนี้ตำรวจนครบาลออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดไปมากกว่า 16 หมายแล้ว ส่วนการข่าวที่บอกว่าจับกุมชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าได้ที่มาเลเซียนั้น ตนยังไม่ทราบ ไม่มีปรากฏรายละเอียดในสำนวน
รายงานแจ้งว่า ชายคนดังกล่าวไปเลือกซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดที่ร้านแสงไพศาลเซลส์ ซอยสุขุมวิท 44/2 ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. จากนั้นชุดสืบสวนตรวจสอบร้านดังกล่าว พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีชายรูปร่างสูงสันทัด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม สวมเสื้อยืดคอปกแขนสั้น ลายทางสีฟ้า-ดำ นุ่งกางเกง ยีนส์ขายาว สวมแว่นสายตา เข้ามาเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทท่อแป๊ปเหล็ก และได้สั่งทำเกลียวหมุนปิดฝาท่อหัวท้าย จำนวนกว่า 10 ชุด โดยทางร้านได้จัดทำให้ใช้เวลา 1 ช.ม. นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับของกลางวัสดุประกอบระเบิดที่พบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหลองจอกด้วย
สำหรับ การออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดทั้ง 4 คดี รวมทั้งสิ้น 16 หมาย ผู้ต้องหา 15 ราย สามารถจับกุมได้แล้ว 2 ราย คือ นาย อาเด็ม คาราดัค หรือนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด และนายไมไรลี ยูซุฟู โดยหมายจับประกอบด้วย สน.ลุมพินี 1 หมาย (ศาลอาญากรุงเทพใต้) 1.ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อปรากฏตามภาพสเกตซ์ ลงวันที่ 19 ส.ค.2558, สน. ยานนาวา 1 หมาย 1.ชายไม่ปรากฏสัญชาติตามภาพถ่าย ลงวันที่ 27 ส.ค.2558
สน.หนองจอก 8 หมาย (ศาลจังหวัดมีนบุรี) 1.นายอาเหม็ด โบซองแลน ลงวันที่ 31 ส.ค.2558, 2.นายอลิ โจลัน ลงวันที่ 31 ส.ค.2558, 3.บุคคลตามภาพสเกตซ์ ลงวันที่ 31 ส.ค.2558, 4.นายไมไรลี ยูซุฟู เลงวันที่ 3 ก.ย.2558, 5.นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน ลงวันที่ 7 ก.ย.2558, 6.ชายชาวต่างชาติตามภาพกล้องวงจรปิด ลงวันที่ 7 ก.ย.2558, 7.นายอับดุล ตาวาบ ลงวันที่ 17 ก.ย.2558, 8.ชายไทยไม่ทราบชื่อ ตามภาพกล้องวงจรปิด ลงวันที่ 23 ก.ย. 58
สน.มีนบุรี 6 หมาย (ศาลจังหวัดมีนบุรี) 1.น.ส.วรรณา สวนสัน ลงวันที่ 30 ส.ค.2558, 2.นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ลงวันที่ 1 ก.ย.2558, 3.ชายตามภาพสเกตซ์ ลงวันที่ 30 ส.ค.2558, 4.นายมีไรลี ยูซุฟู ลงวันที่ 3 ก.ย.2558, 5.นาย อาเด็ม คาราดัค หรือนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ลงวันที่ 5 ก.ย.2558, 6.นายอิซาน หรือนาย อาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน ลงวันที่ 12 ก.ย.2558
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากกรณีที่นาย อะเด็ม หรือบิลาเติร์ก ซึ่งถูกจับกุมเป็นคนแรกเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก แล้วถูกควบคุมตัวมานาน 25 วัน ล่าสุดถูกนำตัวมาควบคุมไว้ที่เรือนจำ มทบ. 11 จู่ๆ นาย อะเด็มก็เปิดปากรับสารภาพว่าเป็นชายเสื้อเหลืองคนวางบึ้มที่ศาลพระพรหม โดยให้การว่าหลังจากวางระเบิดเสร็จได้ขึ้นจยย.รับจ้างไปสวนลุมพินี แล้วไปเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อ ถอดเสื้อเหลืองออกอำพรางตัวจากนั้นขึ้นรถรับจ้างไปยังอพาร์ตเมนต์ที่หนองจอก แล้วเก็บตัวอยู่ที่นั่นมาตลอดกระทั่งถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ทหารพระธรรมนูญที่สอบปากคำ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสวนลุมพินีก็พบว่าหลักฐานตรงกับคำให้การของนายอะเด็ม คาดว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ และนำตัวไปชี้จุดเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตามจากการทำงานของชุดสืบสวนของตำรวจ พบว่าชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดนั้นหลบหนีไปกบดานที่ประเทศมาเลเซีย และคาดว่ายังอยู่ในมาเลเซีย ทั้งนี้จากการตรวจดีเอ็นเอนายอะเด็มตั้งแต่ถูกจับกุมตัวใหม่ๆ พบว่าไม่ได้ตรงกับดีเอ็นเอของชายเสื้อเหลืองที่ปรากฏอยู่ในแบงก์ 20 ที่ใช้จ่ายค่าจยย. รวมทั้งซากเป้