- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Tuesday, 15 September 2015 10:34
- Hits: 10937
มาเลย์จับอีก 3 โยงบึ้ม ช่วยพาหนี เสื้อเหลือง-เสื้อฟ้าซุกชายแดน ย้าย'อะเด็ม-ยูซุฟู'ขังที่มทบ.11 ตร.ถกสถานทูตตุรกี-ล่าอิซาน
ผบ.ตร.มาเลย์แถลงเอง ยันจับเพิ่ม 3 ผู้ต้องหาโยงบึ้มกรุง เป็นชาวมาเลย์ 2 คน ชาวปากีฯอีก 1 รอขยายผล-ยังไม่ส่งให้ไทย ด้านโฆษกตร.ก็ยันจับได้ 3 คน ทำหน้าที่พาทีมบึ้มหลบหนี รอมาเลย์เค้นสอบก่อน-เตรียมขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน แฉชายเสื้อเหลือง-เสื้อฟ้า ยังเคลื่อนไหวอยู่ชายแดนไทย-มาเลย์ ส่วน อิซานพบบินไปตุรกีแล้ว ตร.รอเข้าหารือกับสถานทูตตุรกีในอาทิตย์นี้ ด้านสมยศ ย้ำคดีระเบิดโยงแก๊งค้ามนุษย์ต้องการล้างแค้นจนท. ยันย้ายแน่-ตม.ปล่อยปละให้ทีมบึ้มเข้าไทย ขณะที่ผบช.น.รอทหารเค้นสอบ 3 สาว คาด 1-2 วันคงมีผลสรุป ระบุมีออกหมายจับ เพิ่มแน่ สั่งคุมเข้มสถานทูต-วันชาติจีน กรมราชทัณฑ์ย้าย งอะเด็ม-ยูซุฟูง ขังที่มทบ.11 จัดทหาร-จนท.เข้ม 24 ช.ม.
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9057 ข่าวสดรายวัน
จากเหตุระเบิดกลางกรุงจนมีผู้เสียชีวิต 20 ศพ ต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ 2 คน ประกอบด้วยนายอะเด็ม คาราแด็ก และนายมีไรลี ยูซุฟู โดยให้การซัดทอดถึง ผู้บงการชื่อนายอาบูดูซาตาร์ ดาบูดูเราะห์มาน หรืออิซาน อายุ 27 ปี เชื้อชาติอุยกูร์ สัญชาติจีน ก่อนศาลออกหมายจับเป็นผู้ต้องหารายที่ 12 แล้ว โดยมีข้อมูลว่านายอิซานหลบหนีไปต่างประเทศ จากนั้นเข้าตรวจค้นแมนชั่นย่านสวนหลวง หลังมีข้อมูลผู้ต้องหาต้องสงสัยที่โอนเงินเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดมาพักอยู่ ก่อนพบว่านายอับดุล ทาวับ อายุ 40 ปี ผู้เช่าห้องชาวปากีสถานได้เดินทางออกไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นขยายผลค้นห้องพักใกล้ ม.หอการค้าไทย พร้อมคุมตัว 3 สาวไป เค้นสอบ หลังมีชายต้องสงสัย 3 คน นำสิ่งของบางอย่างมาฝากไว้และพบว่าหนึ่งในหญิงสาวเป็นผู้จัดหารถแท็กซี่ไปรับชาย เสื้อฟ้า ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
บิ๊กตู่วอนอย่าโยงกลุ่มข้ามชาติ
สำหรับ ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2558 ของสศช. เรื่อง "ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)" โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ในโลกวันนี้ก็เกิดกลุ่มไอซิส ขึ้นมา พวกสุดโต่ง ก็พยายามอย่าไปเอาเข้ามาประเทศไทยเลย หรืออย่าไปพูดถึงเขาบ่อย อย่าไปพูดกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งใครในโลกใบนี้เลย แต่ก็พยายามไปพูดโยงนั่นนี่ เหมือนรู้มาก เป็นพวกเอฟบีไอหรือเปล่า คนทำยังไม่พูดเลย แต่คนไม่ได้ทำกลับพูดเยอะ มันเกิดความเสียหายอย่างไรรู้บ้างหรือไม่ เราก็จะถูกจับตามอง ว่าคนพวกนี้อยู่ในประเทศเรา ทำให้มีผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ฉะนั้นตรงนี้เป็นบทเรียนที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องแก้ไข เครื่องไม้เครื่องมือก็ต้องเสาะหาเพิ่มเติม แต่วันนี้ของเก่ายังตีกัน ของใหม่ก็ไปใส่ปัญหาเข้าไปอีก แล้วก็เอาปัญหาข้างนอกเข้ามาอีก จะไปได้อย่างไรประเทศไทย ขบวนที่ 12 ไปไม่ได้ก็จอดอยู่สถานีอย่างนี้แหละ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอให้เข้าใจในสิ่งที่พยายามพูด และพยายามแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าควรจะหยุดพูด ซึ่งก็ไม่ได้และก็หาว่าตนปกปิด เป็นรัฐบาลต้องเปิดเผย หากเปิดเผยในเรื่องที่ไม่มีผลเสียผลกระทบกับบ้านเมืองก็โอเค ถ้ารู้ก็เก็บเอาไว้บ้าง ไว้แก้ปัญหาบ้าง ไม่เห็นต้องเอามาพูด วันนี้การท่องเที่ยวก็ยังดีอยู่ จะมีนักท่องเที่ยวคนที่ยี่สิบล้านแล้ว ยังไม่เห็นมีใครไม่อยากมา นักท่องเที่ยวก็บอกยินดีจะมา และเห็นว่าทั้งโลกมีสถานการณ์เหมือนกัน แทนที่เราจะมีความคิดและพูดแบบเขาแต่กลับเอามาพูดปนกันมั่ว แทนที่จะเอาบทเรียนมาแก้ กลายว่าซ้ำเติมกันเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
สมยศปัดส่งตร.ไปมาเลย์
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทรว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ได้รายงานให้ทราบเกี่ยวกับการขยายผลจับกุมผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการเพิ่มเติม โดยกำชับชุดสืบสวนผ่านไปทางผบช.น. เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐานให้ทำด้วยความรอบคอบ เพื่อให้ศาลพิจารณาออกหมายจับตามขั้นตอนที่ถูกต้องรัดกุม ส่วนรายละเอียดการสอบสวนและความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาในขบวนการที่ออกหมายจับและจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้นยังไม่ขอเปิดเผย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่าตำรวจมาเลเซียจับกุมผู้ต้องหามือวางระเบิดได้ว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากทางการมาเลเซียเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ประเด็นนี้อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะการระบุว่าทางการไทยส่งตำรวจเข้าไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านนั้นไม่ใช่สิ่งที่ ถูกต้อง ผิดกฎหมาย และทำให้ตำรวจทำงานยาก ดังนั้นขอปฏิเสธข่าวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่ารัฐบาลไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการติดตามตัวนายอิซานนั้น เป็นเรื่องของชุดสืบสวนที่ต้องตรวจสอบว่านายอิซานหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศใด โดยจากกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาหลบหนีต่อเข้าไปประเทศปากีสถาน ซึ่งทางการไทยก็ต้องขอข้อมูลจากทางการปากีสถานว่าผู้ต้องหาได้เดินทางออกไป หรือยังไม่ได้เดินทางออกไปกันแน่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อมูลยืนยันแต่อย่างใด
ย้ำแก๊งค้ามนุษย์ล้างแค้นจนท.
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ส่วนการย้ายตัวผู้ต้องหาไปคุมขังที่มทบ.11 อาจเป็นเรื่องของความปลอดภัย รวมทั้งความจำเป็นในเรื่องการสอบปากคำเพิ่มเติม หากดำเนินการในเรือนจำปกติอาจติดขัดในเรื่องของระเบียบเวลาการเข้าพบ ทุกอย่างเชื่อว่าทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ ขณะที่คดีนี้จะพิจารณาที่ศาลไหนก็แล้วแต่ ก็ต้องเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปได้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบความเชื่อมโยงในคดีระเบิดนั้นพบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยคนร้ายเป็นกลุ่มที่เสียผลประโยชน์จากธุรกิจการค้ามนุษย์ และเมื่อตำรวจไปทำลายธุรกิจของพวกเขา จึงเกิดความไม่พอใจและมาก่อเหตุ เพื่อล้างแค้นเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปทำให้ขบวนการพังทลายลงนั่นเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้สำนวนในคดีทั้งหมดได้ถูกรวมไว้หมดแล้ว โดยมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าสำนวนดังกล่าว
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงกรณีฝ่ายความมั่นคงสั่งเฝ้าระวังการลอบก่อเหตุรุนแรงในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันชาติของจีนว่า ฝ่ายตำรวจได้เตรียมตัวมานานแล้ว เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญและให้เฝ้า ระวังบุคคลสำคัญและสถานที่เชิงสัญลักษณ์ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติทุกประเทศเข้าไปพักอาศัยเข้าไปชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ทางตำรวจได้เฝ้าระวังไว้แล้ว ทั้งนี้ ไม่ว่าวันชาติของประเทศใดก็ต้องดำเนินการเช่นกัน
จ่อย้ายตม.ปล่อยปละทีมบึ้ม
ผบ.ตร.กล่าวถึงการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่า การโยกย้ายเป็นเรื่องของผบ.ช. แต่เรื่องนโยบายการโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนนั้น ไม่ใช่เเค่เรื่องระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรเท่านั้น แต่ประเด็นนี้มีมาตั้งแต่การปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยาในภาคใต้แล้ว ซึ่งให้ตำรวจตม.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือบกพร่องปล่อยปละละเลยหน้าที่มาช่วยราชการ ตร.ก็ได้เตรียมสับเปลี่ยนโยกย้าย เจ้าหน้าที่ตม.เหล่านั้นออกนอกพื้นที่ ทั้งนี้ การย้ายเจ้าหน้าที่ระดับผกก. ลงไปนั้นเป็นหน้าที่ของผบช.สตม.
"ตอนนี้ท่านนายกฯ ยังไม่ได้สั่งการเกี่ยวกับเรื่องตม. เป็นลายลักษณ์อักษรลงมา เพียงแต่ให้สัมภาษณ์ว่าให้เข้ามาดำเนินการ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งต้องสอบ สวนตรวจสอบให้รอบคอบว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งผมสั่งการให้จเรตำรวจลงไปดำเนินการเรื่องนี้ ต้องรอว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการแน่นอน" ผบ.ตร.กล่าวและว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ตม.ที่ต้องดำเนินการคงเป็นระดับที่เคยเรียกให้มาช่วยราชการก่อนหน้านี้ทั้งหมด
ยันจับ3คน-พาทีมบึ้มหนี
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. กล่าวถึงตำรวจมาเลเซียจับกุม 3 ผู้ต้องสงสัยเชื่อมโยงคดีระเบิดว่า จากการประสานกับทางการมาเลเซีย ยอมรับว่ามีการจับกุมจริง เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และชาว ปากกีสถานอีก 1 คน แต่เป็นความผิด ฐานลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตอนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดทั้ง 2 จุดหรือไม่ ต้องมีพยานหลักฐานก่อนว่ามีการกระทำผิดในไทย หากพบความผิดจึงเข้าสู่ขั้นตอนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ทางตำรวจสันติบาลไทยที่ปฏิบัติงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียระบุว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ไม่ใช่บุคคลที่ทางการไทยติดตามตัว แต่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นกลุ่มคนที่พาผู้ต้องหาหลบหนี ซึ่งต้องรอให้ทางการมาเลเซียสอบสวนก่อน ส่วนการติดตามจับกุมตัวชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าคาดว่า ยังเคลื่อนไหวอยู่แถบชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งจะติดตามด้านการข่าวอย่าง ใกล้ชิดต่อไป
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการติดตามตัวนายอิซานทราบว่า ผู้ต้องหาใช้พาสปอร์ตเล่มเดียวกัน เดินทาง ออกจากประเทศบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ต่อไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย และ เดินทางต่อไปยังเมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมีปลายทางที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ส่วนข้อมูลระหว่างที่อาศัยอยู่ในประเทศบังกลาเทศ 14 วัน ทางสถานทูตบังกลาเทศ อยู่ระหว่างตรวจสอบให้
"ภายในสัปดาห์นี้ทางการไทยจะทำหนังสือไปยังสถานทูตตุรกี เพื่อขอเข้าพบและสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม หลังชัดเจนแล้วว่านายอิซานเดินทางไปประเทศตุรกี" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
รอทหารเค้นสอบ 3 สาว
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น.6 พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง รองผบก.จว.อ่างทอง พร้อมชุดพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด ร่วมประชุมการรวบรวมพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจค้นหอพักย่านดินแดงพร้อมคุมตัว 3 สาวมาเค้นสอบว่า กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างทหารดำเนินการ คาดว่าจะมีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิด ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องรอทหารดำเนินการเช่นกัน น่าจะอีกประมาณ 1-2 วัน คงจะสรุปผลออกมา สำหรับการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้น ถ้าพาดพิงถึงก็ต้องดำเนินการขอหมายจับเพิ่มเติม โดยดูจากพยานหลักฐาน ซึ่งน่าจะออกหมายจับเพิ่มเติมอีก
เมื่อถามว่าหญิงทั้ง 3 คน เกี่ยวข้องกับชายเสื้อฟ้าที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณท่าเรือสาทรหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องรอทหารสรุปก่อน ตำรวจไม่ได้ส่งทีมสอบสวนไปร่วมสอบปากคำ หากทหารดำเนินการเสร็จก็จะส่งมาเข้าสำนวนการสอบสวน ขณะนี้ทั้ง 3 คน ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาแต่อย่างใด
สั่งเข้มสถานทูต-วันชาติจีน
เมื่อถามว่า มีการรายงานว่าตำรวจมาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดได้ 3 ราย พล.ต.ท. ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง เพราะเป็นนอก ราชอาณาจักร ตนรับผิดชอบสำนวน เรื่องระหว่างประเทศไม่เกี่ยวกับสำนวน ส่วนการติดตามตัวนายอิซาน หลังจากออกหมายจับแล้วก็ส่งหมายไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่า นายอิซานหลบหนีไปประเทศในโซนเอเชีย ส่วนจะหนีต่อไปประเทศไหนหรือไม่ทราบ ทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ก็สั่งการว่าถ้าผิดถึงไหนก็ให้จับกุมทั้งหมด ส่วนจะเข้าองค์ประกอบเข้าข่ายก่อการร้ายหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบและพิจารณา เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นองค์ประกอบทางเทคนิคเชี่ยน เช่น ต้องดูว่าเป็นวัตถุระเบิดหรือไม่ มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน หรือความผิดตาม พ.ร.บ. ยุทธภัณฑ์ เข้าประกาศคสช.หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจสอบทางเทคนิเชี่ยน ยังไม่ออกมา
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวถึงมาตรการการป้องกันดูแลความปลอดภัยสถานทูตจีน ในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันชาติของจีนด้วยว่า มีการป้องกันดูแลความปลอดภัยเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ 2 เดือนแล้ว หลังจากที่สถานทูตได้ประสานตำรวจบก.สปพ. ทางสถานทูตร้องขอให้ตำรวจดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด ขณะนี้ก็ยังไม่มีการข่าวร้ายแรง หรือสถานทูตแจ้งเตือนมาแต่อย่างใด
ผบ.ตร.มาเลย์แถลงจับ 3 คน
วันเดียวกัน เอเอฟพี เอพี และสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานการจับกุมผู้ต้องสงสัยมีส่วนพัวพันในเหตุระเบิดศาลพระพรหมที่ สี่แยกราชประสงค์ จนมีผู้เสียชีวิต 20 ราย เมื่อ 17 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า พล.ต.อ.คาห์ลิด อาบู บาการ์ ผบ.ตร.มาเลเซีย แถลงว่าตำรวจมาเลเซีย นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิดโจมตีกรุงเทพฯ 3 คน เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และชาวปากีสถานอีก 1 คน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผบ.ตร.มาเลเซียปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดของผู้ต้องสงสัย รวมถึงยังไม่ระบุว่า จะตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้เมื่อไหร่และด้วยข้อหาใด โดยกล่าวเพียงว่าการจับกุมนี้เป็นการประสานงานระหว่างตำรวจไทยกับมาเลเซีย และเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนจะช่วยให้ขยายผลการสอบสวนกรณีดังกล่าว ซึ่งเว็บไซต์ข่าวเดอะสตาร์ของมาเลเซียระบุว่า พล.ต.อ.บาการ์แถลงว่าจะยังไม่ส่ง ผู้ต้องหาให้ทางการไทย โดยให้เหตุผลว่าไม่มีความจำเป็น เพราะตำรวจมาเลเซียทำงานร่วมกับตำรวจไทยอยู่แล้ว ขอให้ตำรวจมาเลเซียสอบสวนก่อนในเบื้องต้น พร้อมปฏิเสธข้อสันนิษฐานที่ทางการไทยระบุว่า คนร้ายวางแผนระเบิดหลบหนีจากจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศไทย และข้ามชายแดนไปยงมาเลเซีย
ย้าย 2 มือบึ้ม-ขังมทบ.11
ขณะที่นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการดำเนินการภายหลังราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คําสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 314/2558 เรื่องกําหนดอาณาเขตเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร. มทบ.11) เพื่อใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องหาในคดีระเบิดบริเวณราชประสงค์ว่า ในวันนี้ได้ลงนามคำสั่งอนุมัติย้ายนายอะเด็ม และนายยูซุฟู ผู้ต้องขังคดีระเบิดแยกราชประสงค์ ให้ไปคุมขังที่เรือนจำแห่งชั่วคราว ถนนนครไชยศรี แต่ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของเรือนจำแห่งใหม่ เป็นเรื่องการประมาณงานระหว่างเจ้าหน้าที่
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องย้ายภายในวันนี้ก็ได้ เพราะการอนุมัติเป็นไปตามหลักการย้ายผู้ต้องขังที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ต้องเป็นผู้อนุมัติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่า ยังอยู่ระหว่างการประสานงาน และปรับปรุงเรือนจำชั่วคราวอีกเล็กน้อย ยังไม่มีการนำตัวทั้ง 2 คนออกจากเรือนจำมีนบุรี ต้องรอฝ่ายความมั่นคง
"ปกติแล้วการย้ายผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจะไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นวันเวลาใด เพื่อป้องกันการชิงตัวนักโทษ ดังนั้นเรือนจำจะเป็นผู้พิจารณา การย้ายตามความเหมาะสมของช่วงเวลา จากนั้นค่อยรายงานมาที่อธิบดี" นายวิทยากล่าว
นายอายุฒน์ สินธพพันธ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้อนุมัติคำสั่งให้เรือนจำพิเศษมีนบุรีดำเนินการย้ายตัวผู้ต้องขังทั้ง 2 คน ไปควบคุมตัวยังเรือนจำชั่วคราวฯ แล้ว ทั้งนี้ในฐานะต้นสังกัดของเรือนจำชั่วคราวฯ มีคำสั่งแต่งตั้งให้ทหารเป็นผู้ควบคุมพิเศษแล้ว 20 นาย และเจ้าหน้าที่เรือนจำอีก 5 นาย ตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เพื่อให้ทำงานร่วมกันในการควบคุมดูแลผู้ต้องขัง
ทหาร-ราชทัณฑ์คุมเข้ม
ต่อมาเวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และทหาร ควบคุมนายอะเด็ม และนายยูซุฟู จากศาลจังหวัดมีนบุรีมายังพัน.ร.มทบ.11 ภายหลังกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งให้เป็นเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนไชยศรี เพื่อควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ระหว่างฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน
ทั้งนี้ ระหว่างการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม โดยมีรถทหารนำขบวนรถควบคุมตัวผู้ต้องหาของกรมราชทัณฑ์ 2 คัน ก่อนปิดท้ายด้วยรถทหารอีก 1 คัน และรถจักรยานยนต์ทหารเปิดและปิดท้ายขบวน
ทั้งนี้ พัน.ร.มทบ.11 จัดห้องควบคุมตัวภายในเรือนยาว 2 ชั้น อาคารเก่าหลังกองบังคับการ (บก.) โดยมีทหารดูแลตลอด 24 ช.ม. พร้อมนำผ้าใบสีดำมาปิดบริเวณหน้าต่าง เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาเห็นความเคลื่อนไหวภายนอก และวางรั้วลวดหนามหีบเพลง 3 ชั้นรอบอาคาร ห่างไป 20 เมตร ซึ่งเป็นทางผ่านเข้าออกได้วางรั้วลวดหนามไว้อีกชั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี จะเป็นหน้าที่ของทหาร ซึ่งถือเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่ในส่วนการดูแลผู้ต้องหาและพื้นที่ภายในเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนไชยศรี จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนไชยศรีร่วมกับทหาร ภายหลังจากที่กรมราชทัณฑ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาอบรมให้กับทหาร เพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในการดูแลพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหมือนกับที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ โดย เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วลวดหนามเสริมความสูงต่อจากกำแพงขึ้นอีก 3 ชั้น ทำให้รั้วสูงขึ้นจากรั้วปกติ เพื่อเพิ่มความเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้าพัน.ร.มทบ.11 มีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามปกติ โดยมีจุดบริการประชาชนประจำจุด และมีทหารประจำการ ประมาณ 8-10 นายต่อผลัด เช่นเดียวกับป้อมดูแลความปลอดภัยหน้าทางเข้าพัน.ร.มทบ.11 ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำการประมาณ 3-5 นายต่อผลัด และได้เพิ่มมาตรการตรวจตราบุคคลเข้า-ออกอย่างละเอียด ขณะที่ภายในบริเวณพัน.ร.มทบ.11 มีมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเพิ่มกำลังของทหารเป็นเท่าตัว เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและเพิ่มความรอบคอบในการตรวจตราให้มากขึ้น
ทนายปัดอะเด็มร่วมทีมระเบิด
ด้านนายชูชาติ กันภัย ทนายความนาย อะเด็ม เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนายอะเด็มยอมรับว่าเป็นชาวตุรกี ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยเดินทางผ่านมายังประเทศเวียดนามและสปป.ลาว ก่อนจะถึงประเทศไทยในวันที่ 24 ส.ค. ผ่านนายหน้าชื่อนายอับดุลเลาะ อับดุลลามา และพานาย อะเด็มมาพักอยู่ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก จากนั้นนายหน้าคนดังกล่าวได้หาอาหารไว้ให้ พร้อมกำชับไม่ให้ออกจากห้องโดยเด็ดขาด จนมาถูกตำรวจควบคุมตัวในที่สุด
นายชูชาติกล่าวอีกว่า นายอะเด็มเตรียมเงินเป็นค่าใช้จ่าย 4,000 ดอลลาร์ แบ่งเป็นค่าพาสปอร์ตปลอม 1,200 ดอลลาร์ ค่าผ่านเข้า-ออกประเทศไทยและสปป.ลาว ครั้งละ 600 ดอลลาร์ โดยการเดินทางครั้งนี้ของนาย อะเด็มต้องการไปทำงานเป็นคนขับรถในประเทศมาเลเซียเท่านั้น ทั้งนี้ นายอะเด็มปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับของกลางต่างๆ ที่ตำรวจค้นพบในพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ รวมถึงก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่า ของกลางที่ตำรวจค้นเจอในห้องพักเป็นของนายอะเด็มนั้น อาจเกิดจากความผิดพลาดของการสื่อสาร