- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Tuesday, 08 September 2015 13:36
- Hits: 8468
ยูซุฟูรับสิน กดบึ้มเอง-ซัดตัวการ ชื่อ'อิซาน'สั่งงานทางเน็ต ตร.คุมตัวทำแผน4จุดวันนี้ เร่งล่าอีก 2-คน ซื้ออุปกรณ์ คุม 'ยูซุฟู' ทำแผน 4 จุด วันนี้หลังทหารคุมตัวส่งบช.น. เผยเจ้าตัวสารภาพหมดสิ้น หิ้วระเบิดส่งให้ชายเสื้อเหลืองที่หัวลำโพง ก่อนตามมาที่ราชประสงค์ และกดระเบิดบนสกายวอล์ก เผยสาเหตุที่ยอมให้ความร่วมมือเพราะกลัวถูกจับส่งจีน ขอถูกดำเนินคดีในไทยดีกว่า ออกหมายจับอีก 2 ชาวต่างชาติที่อยู่ร่วมหอพักต้องสงสัยที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก เผยเป็นคนซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิด ขณะที่ตร.-ทหารสนธิกำลังค้นซ้ำที่หอพักไมมูณา มีนบุรี คุมตัว ชายอินเดีย 2 ราย มาสอบสวนดูว่าเชื่อมโยงเหตุระเบิดหรือไม่ "สมยศ"ลั่นรู้ชื่อเสื้อเหลืองแล้ว เรียกประชุมตม.ทั่วประเทศ ขันนอตคุมเข้มด่านชายแดน
สมยศเผยรู้ชื่อชายเสื้อเหลือง
วันที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9050 ข่าวสดรายวัน
เพิ่มอีก2 - ตำรวจรับตัวนายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาบึ้มกรุง จากนายทหารพระธรรมนูญ ที่บช.น. ล่าสุด ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย เป็นรายที่ 10 กับ 11 (ภาพเล็ก) เมื่อวันที่ 7 ก.ย.
จากกรณีเจ้าหน้าที่เร่งคลี่คลายคดีคนร้ายซุกระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. จนมีผู้เสียชีวิต 20 ศพ และวางระเบิดท่าเรือสาทร ใต้สะพานตากสิน จนจับกุมนายอะเด็ม คาราแด็ก พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดได้ในอพาร์ตเมนต์ย่านหนอง จอก ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายมีไรลี ยูซุฟู ได้คาด่านชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมมีหลักฐานวงจรปิดไปซื้อสารประกอบระเบิดย่านมีนบุรี ซึ่งยอมรับเป็นคนกดรีโมตระเบิดบนสกายวอล์ก ขณะที่เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว 10 คน ตามที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนยังดำเนินการต่อเนื่อง หากมีหลักฐานพยานเกี่ยวข้องเชื่อมโยง ถึงกลุ่มหรือบุคคลใดชัดเจน ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องคนที่ 10 หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ หากพยานหลักฐานชัดเจน การขออนุมัติหมายจับก็ไม่มีปัญหา แต่รายละเอียดในการสืบสวนไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้
ส่วนผลการสอบปากคำผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ มีบางคนที่ให้ความ ชัดเจนเรื่องชื่อของชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องหาวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ แต่พนักงานสอบสวนจะยังต้องยืนยันคำให้การของผู้ต้องหา และพิสูจน์ทราบจนชัดเจนก่อน รวมถึงการสืบสวนสอบสวนที่จะขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ย่านมีนบุรี การพิสูจน์ทราบภาพชายต้องสงสัยที่ลานอเนกประสงค์ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ รวมทั้งการติดตามตัวชายต่างชาติ 2 คน มาสอบปากคำ กรณีซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์โดยใช้หนังสือเดิน ทางปลอม ย่านหนองจอก รวมทั้งเส้นทางการเงินทุกอย่าง
ส่วน น.ส.วรรณา สวนสัน และนายอิมห์ระ ดาวูโตกลู สามี ผู้ต้องหาในคดีนั้น ไม่ว่าอยู่ในไทยหรือต่างประเทศ ก็ต้องติดตามตัวมาดำเนินคดี สำหรับผู้ต้องหาที่อาจจะหลบหนีออกจากประเทศไปแล้ว ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงประสานต่างประเทศ เพื่อติดตามตัวกลับเข้ามาดำเนินคดี นอกจากนี้ทหารจะควบคุมตัวนายมีไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาควบคุมตัวได้ที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มาส่ง ให้พนักงานสอบสวนบช.น. ในเวลา 15.00 น.
สั่งตม.เข้มงวดชายแดน
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.สมยศ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ระดับผู้บัญชาการจนถึงสารวัตรทุกด่านทั่วประเทศ โดยหลังจากประชุม พล.ต.อ.สมยศ เผยว่า กำชับให้เข้มงวดตรวจตราเรื่องความมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนย้ายของชาวต่างชาติแบบผิดปกติ โดยที่ผ่านมาพบว่าปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุ การณ์ร้ายแรง อย่างเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เพราะจากการขยายผลและสอบสวนผู้ต้องหาในคดี ให้การชัดเจนว่าผ่านเข้าประเทศ มาทางด่านชายแดนที่ติดกับประเทศไทย ตั้งแต่ทางภาคเหนือจรดภาคใต้ ตนจึงกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดมากกว่าเดิม อีกทั้งยังได้เตือนสติเจ้าหน้าที่ ตม. ที่ปฏิบัติงานแบบออกนอกลู่นอกทาง ให้กลับมาทำให้ถูกต้อง เนื่องจากที่ทำกันมานั้นได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างรุนแรง แม้เจ้าหน้าที่ อาจจะไม่ฟังตนเพราะเหลืออายุราชการแค่ 3 สัปดาห์ แต่เชื่อว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ผบ.ตร.จะสานต่อให้เกิดผล
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ส่วนการย้ายเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว มาช่วยราชการที่ตร. ฝ่ายจเรตำรวจกำลังสอบสวนโดยละเอียด ว่ามีใครเข้าไปมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มก่อเหตุหรือไม่ หากพบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เบื้องต้นคือบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แน่ นอน หากผู้ต้องหาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีทางหลบหนีเข้ามาจนก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวได้
คสช.ยันสถานการณ์ปกติ
ที่ศูนย์ติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา กองกำลัง รักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ส่งตัวนายอะเด็ม คาราแด็ก ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เขตหนอง จอก ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติ ให้ฝากขังนายอะเด็ม เป็นเวลา 12 วัน ในส่วนของนายยูซุฟูซึ่งถูกจับกุมตัวได้ที่จ.สระแก้ว เมื่อครบกำหนดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จะส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขยายผลการสอบสวนในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า การสอบสวนนาย อะเด็ม และนายยูซุฟู รวมทั้งพยานบุคคลอื่นๆ อีกหลายราย ให้การที่เป็นประโยชน์ เชื่อมโยงสู่เครือข่ายกลุ่มบุคคลทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ซึ่งผลการสืบสวนดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงรายละเอียดบางส่วนให้รับทราบตามความจำเป็นต่อไป ทั้งนี้สถานการณ์โดยทั่วไปกลับสู่สภาวะปกติ ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ยังเดินทางมาท่องเที่ยวตามแผนการเดินทางที่ได้จองไว้ล่วงหน้า
ส่วนการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจนถึงปัจจุบัน รวมการจ่ายเงินช่วยเหลือจากส่วนราชการ มูลนิธิ และองค์กรต่างๆ ให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น 10,780,000 บาท ทั้งนี้ มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ต่างๆ 11 แห่ง รวม 23 คน
ปัดข่าวย้ายที่ขังผู้ต้องหาคดีบึ้ม
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีข่าวการย้ายนายอะเด็ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดจากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ไปยังเรือนจำความมั่นคงสูง ว่า ล่าสุดรับรายงานจาก ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษมีนบุรีว่า ทางเรือนจำ ยังสามารถควบคุมตัวและดูแลผู้ต้องขังรายดังกล่าวได้ อีกทั้งยังไม่ต้องการให้เป็นภาระของเรือนจำอื่น ส่วนกรณีที่จะมีการย้ายตัวผู้ต้องขังนั้น เนื่องจากในตอนแรกเกรงว่าจะเกิดความ ไม่สะดวกแก่พนักงานสอบสวน ที่จะต้องเดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องขังเพิ่มเติม และเป็นห่วงในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย แต่ขณะนี้ ทางเรือนจำบริหารจัดการภายใน รวมถึง การวางมาตรการดูแลและรักษาความปลอดภัย แล้ว จึงไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วงและไม่จำเป็นต้องย้ายไปยังเรือนจำอื่นอีก
นายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี กล่าวว่า ทางเรือนจำจัดเจ้าหน้าที่เรือนจำคอยดูแลนายอะเด็มอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้ชี้แจงกฎระเบียบการอยู่ในเรือนจำ และยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ด้านนักจิต วิทยาเข้าไปพูดคุย เพื่อให้นายอะเด็มรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเครียด ส่วนการคุมขัง ทางเรือนจำจัดให้นายอะเด็มอยู่รวมกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม นายอะเด็มเริ่มปรับตัว การใช้ชีวิตภายในเรือนจำได้ และอาการเครียด ก็ลดลงแล้ว
ค้นซ้ำมูไมณา-คุมตัว 2 อินเดีย
สำหรับ ความคืบหน้าทางคดี เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. และพ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น. 3 รรท.ผกก.สน.มีนบุรี พร้อมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มีนบุรีและเจ้าหน้าที่ทหาร 20 ราย เข้าค้นหอพักมูไมณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 เพิ่มเติม หลังจากหน่วยสืบสวนของกองปราบปราม ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบว่ามีชายต้องสงสัย 2 คน ชาวอินเดีย พักอาศัยอยู่ที่ ห้องเลขที่ 9105 ซึ่งติดกับห้องเลขที่ 9106 ที่มี น.ส.วรรณา สวนสัน เป็นเจ้าของห้อง โดยภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน มีการเดินเข้าออกและพูดคุยกับผู้พักอาศัยในห้องพัก 9106 ดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปยังค่ายทหาร เพื่อสอบสวน ต่อไป
บช.น.รับมอบตัวยูซุฟู
เมื่อเวลา 15.15 น. ที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) พ.อ.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) นำตัวนายมีไรลี ยูซุฟู จากมทบ.11 มาให้ส่งพนักงานสอบสวนบช.น. เพื่อสอบปากคำและแจ้งข้อหา โดยมีพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.บก.น.3 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น.6 และคณะพนักงานสอบสวนสอบปากคำร่วมสอบปากคำ
โดยนายยูซุฟู มีจุดเด่นที่บริเวณข้างขวา มีรอยด่างแผลเป็นสีขาว สวมเสื้อแขนยาว สีเทา กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำตาล ถูกใส่กุญแจ มือไพล่หลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการอรินทราช 26 6 นาย พร้อมอาวุธปืนยาว พร้อมกำลังตำรวจอารักขาควบคุมฝูงชน บก.สปพ.กว่า 20 นาย ตามประกบดูแลอย่างเข้มงวด จากนั้นให้แพทย์รพ.ตำรวจตรวจร่างกาย ประมาณ 5 นาที เพื่อเป็นหลักฐานว่าระหว่างอยู่ในความควบคุมตัวของทหารไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา โดยนายยูซุฟูมีสีหน้าเรียบเฉย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สื่อมวลชนบันทึกภาพได้อย่างเดียว ห้ามสอบถามหรือสัมภาษณ์ เพราะเป็นคดีความมั่นคง อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสื่อมวลชนบันทึกภาพเป็นเวลา 15 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มสอบปากคำ โดยมีเจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และล่ามต่างชาติภาษาฮีบรู ตุรกี และอังกฤษ ร่วมสอบสวน
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรับนายยูซุฟูตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว สอบสวนตามป.วิอาญา ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นบุคคลตามหมายจับ และข้อกล่าวหา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนอีกครั้ง
ออกหมายจับต่างชาติอีก 2 ราย
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย คือนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน ไม่ทราบสัญชาติ สูงประมาณ 180 เซนติเมตร ซึ่งเป็นผู้พักอาศัยในห้องพัก 412 และ 414 ในหอพักพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ อีกคนเป็น ผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากวงจรปิด เป็นชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อและสัญชาติ สูงประมาณ 175 เซนติเมตร ซึ่งมีวงจรปิดพบชายคน ดังกล่าวภายในห้างสรรพสินค้าใกล้หอพัก ขณะซื้อของ อย่างไรก็ตามการแบ่งหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยจะแจ้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาต ให้ได้ ไว้ครอบครองโดยผิดกฎหมาย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการควบคุมชายสวมเสื้อสีเหลืองได้ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลการรับแจ้งแต่อย่างใด ส่วนยัง มีบุคคลอื่นร่วมห้องอีกหรือไม่ ยังมีอยู่บ้าง ยังไม่ทราบกี่คน แต่ยังไม่หมด ถ้าตรวจสอบพบแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ส่วนน.ส.วรรณา สวนสัน ผู้ถูกออกหมายจับยังไม่ได้มีการติดต่อ มาเป็นวันที่ 4 แล้ว อาจต้องประสานงานกับทางตำรวจสากล ดูว่ามีสนธิสัญญาระหว่างตุรกีในการส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดนหรือไม่
เผยยูซุฟูร่วมมือ-กลัวถูกส่งจีน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ นายยูซุฟู ให้การว่า เคยเห็นชายเสื้อเหลือง มือวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ย่านราชประสงค์ และชายเสื้อฟ้าคนนำระเบิดไปทิ้งบริเวณท่าน้ำสาทร ทั้งคู่เคยมาที่ห้องพัก พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก แต่ไม่รู้จักชื่อของทั้งสอง แต่ยอมรับว่าเป็นผู้นำระเบิดใส่กระเป๋าเป้ไปให้ชายเสื้อเหลืองที่ลงจาก รถแท็กซี่ บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ก่อนมือวางระเบิดจะนั่งรถตุ๊กตุ๊กเอาระเบิดไปวางที่เป้าหมายที่ศาลพระพรหม จากนั้นไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณลานน้ำพุของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พอเกิดเหตุระเบิดก็ใช้โทรศัพท์ มือถือถ่ายภาพจากที่ลานน้ำพุ จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปทางด้านประตูน้ำ ขึ้นรถแท็กซี่หลบหนี
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบหนังสือ เดินทางพบว่านายยูซุฟู เป็นพลเมืองของประเทศจีน ถือสัญชาติจีน เกิดมณฑลซินเจียง โดยปัจจุบันพ่อและแม่ของนายยูซุฟูก็ยังอาศัยอยู่ที่ซินเจียง ทั้งนี้ที่นายยูซุฟูให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างดี เพราะเกรงจะถูกส่งตัวกลับจีน จึงยอมสารภาพและถูกดำเนินในประเทศไทยดีกว่าถูกส่งตัวกลับจีน
ต่อมาช่วงค่ำ มีรายงานว่าช่วงสายวันที่ 8 ก.ย. พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก จะนำตัวนายมีไรลี ยูซุฟู ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเบื้องต้น 4 จุด คือ 1.พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เขตหนองจอก 2.ไมมูณา การ์เด้น โฮม เขตมีนบุรี 3.สถานีรถไฟหัวลำโพง จุดที่ นำระเบิดไปส่งให้ชายเสื้อเหลือง 4.สกายวอล์์ก บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ จุดที่ถ่ายรูปหลังเหตุการณ์ ระเบิด
จากนั้นจะนำตัวนายยูซุฟู ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ต่อไป
แฉชื่อ"อิซาน"คนบงการ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำนายยูซุฟู รับว่าคนบงการวางระเบิดทั้งหมดคือ นายอิซาน อายุ 28 ปี ทั้งสั่งการให้สั่งซื้ออุปกรณ์ประกอบระเบิดทางอินเตอร์เน็ต วางแผนในการประกอบระเบิด และให้นายยูซุฟูนำระเบิดไปส่งบริเวณหัวลำโพง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่านายอิซาน เดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้าประเทศไทยและเดินทางออกไปก่อนเกิดเหตุระเบิดเพียง 1-2 วัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบไม่พบว่านายอิซานถือพาสปอร์ตจีน และไม่ใช่ชายเสื้อเหลือง อย่างไรก็ตามแม้ว่านายยูซุฟูจะให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ทีมสืบสวนสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของนายยูซุฟู มากนัก โดยจะต้องตรวจสอบว่าเป็นความจริงหรือไม่ เนื่องจากนายอิซานอายุยังน้อยและ มีฐานะดี อย่างไรก็ดีทีมสืบสวนพบว่านายอิซาน เคยเดินทางไปที่ห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ต เมนต์ และไมมูณา การ์เด้นโฮม
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไล่ล่าตัวคุมชายต้องสงสัยเป็นมือวางระเบิดเสื้อเหลือง ข้ามประเทศ โดยชุดสืบ สวนลงพื้นที่ประเทศมาเลเซีย อยู่ระหว่างติด ตามหลังมีข่าวว่าอาจป้วนเปี้ยนตามแนวชาย แดนไทย-มาเลย์
บ้านวรรณาเครียดถูกจับตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บ้านของ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ ใน อ.คุระบุรี จ.พังงา ยังไม่ความเคลื่อนไหวใดๆ โดยพบว่าตลอดทั้งวันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ คอยตรวจสอบและจับตามองบุคคล ในบ้าน น.ส.วรรณา อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ทำให้พ่อแม่ และญาติพี่น้องตกอยู่ในความ เครียด และหวาดระแวง ปฏิเสธที่จะให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน โดยอ้างว่า อาจเกิดความผิดพลาดจนถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
นายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านห้วยทรัพย์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เปิดเผยว่าเมื่อประมาณปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ญาติของ น.ส.วรรณา ระบุว่า ได้รับคำยืนยันอย่างหนักแน่นจากน.ส.วรรณา ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้าให้ปากคำกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น แต่ยังอยู่ระหว่างการติดต่อพูดคุยกับนายตำรวจระดับสูงนายหนึ่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัย และเชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ หากเดินทางกลับเข้ามามอบตัว แต่ก็ยังไม่ได้กำหนดวัน เวลาที่แน่นอนว่าจะเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อใด