- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Saturday, 09 May 2015 23:31
- Hits: 3711
รวบนายกปาดัง สมยศยัน เบอร์ 1-ค้าโรฮีนจา แต่ยังปฏิเสธทุกข้อหา บุกจับที่ตรัง-มือฆ่าโหด ซุกระเบิดจ่อถล่มจนท. ช่วยอีก 54 คนถูกทิ้งป่า
จับนายกเล็กเมือง ปาดังเบซาร์ ข้อหาค้ามนุษย์ สมยศยันเองเป็นเบอร์ 1 แก๊งค้าโรฮีนจาพร้อมขยายผลจับมือฆ่าโรฮีนจาที่หนีกบดานจ.ตรัง ผงะพบระเบิดปุ๋ยยูเรียซุก เจ้าตัวรับ เตรียมไว้บึ้มถล่มเจ้าหน้าที่หากเข้าจับกุม ล่าสุด ออกหมายจับ 36 ร่วมแก๊ง ผบ.ตร.ขันนอตตำรวจ ยันย้ายอีกแน่หากย่อหย่อน'บิ๊กตู่'เตรียมคุยพม่า-มาเลย์ แก้ปัญหาโรฮีนจาทั้งระบบ ฉุนสื่อถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องค้ามนุษย์ เจออีก 54 บังกลาเทศถูกทิ้งอดอยากกลางป่าเขาแก้ว สงขลา เผยถูกนายหน้าหลอกมาขายแรงงานที่มาเลย์ ดาว์พงษ์สั่งสอบจนท.ป่าไม้รู้เห็น ล่าสุดเด้งหัวหน้าป้องกันรักษาป่าปาดังฯแล้ว แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบทหารเกี่ยวข้องแล้ว
บิ๊กตู่ฉุนสื่อถามจนท.พันโรฮีนจา
วันที่ 09 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8928 ข่าวสดรายวัน
วันที่ 8 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีนจา ว่า การแก้ไขปัญหาในระยะยาวและสั้นเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ต้องทำให้เข้มแข็งทั้งต้นทางถึงปลายทาง เราแก้ในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ไขจากต้นทางคือประเทศพม่าและบังกลาเทศด้วย ส่วนกระบวนการยุติธรรมที่ใช้ในการลงโทษผู้ที่เป็นนายหน้านั้นเป็นไปตามกฎหมายอาญา วันนี้เราจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมานั้นมีการจับกุมได้แล้วก็ปล่อยไป ทั้งนี้ที่สั่งให้ดำเนินการภายใน 10 วันก็คือต้องคลี่คลาย ไม่ใช่ว่า 10 วันเสร็จ เพราะปัญหาเกิดมานานแล้ว
เมื่อถามว่าจะดำเนินการกับตำรวจและทหารที่เกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า "โธ่เอ๊ย มาถามแบบนี้ทำไมวะ ถามให้มีเรื่องนี่หว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเราก็จะลงโทษ เป็นผู้บังคับบัญชาคนไม่ลงโทษคนได้ยังไงวะ ถ้ารู้ก็ลงโทษหมดแหละ"
เมื่อถามว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องมากหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังว่า ไม่รู้ เขากำลังสอบอยู่
เมื่อถามว่ามีการเตรียมความพร้อมอย่างไร เนื่องจากในสัปดาห์หน้า จะมีทั้งอียูและไอยูยูมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่มีการจับกุมและประชุมกันอยู่ทุกวันนี้ไง ซึ่งฝ่ายความมั่นคงกำลังประชุมอยู่ ก่อนหน้านี้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทางทะเลของทหารเรือไปแล้ว โดยตนใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญไปแล้ว เมื่อก่อนทุกกระทรวงแยกกันทำและรัฐบาลก็ปล่อยให้ ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมายของตัวเอง ไม่ได้บูรณาการสั่งการกันแบบนี้
เบอร์1 - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.แถลงจับกุมนายบรรณจง ปองผล นายกเทศมนตรีปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ตัวการใหญ่สุดในขบวนการค้าโรฮีนจา และนายสุพจน์ มั่นซิ้ว ผู้ต้องหามือฆ่า ที่บก.ภ.จว.ตรัง เมื่อวันที่ 8 พ.ค. |
ยันคนละเรื่องกับใบเหลืองอียู
เมื่อถามว่า การพบหลุมศพชาวโรฮีนจาที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นการดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่รู้ จะไปรู้ได้อย่างไร รัฐบาลจริงจัง เจ้าหน้าที่ลงไปดูชาวบ้านก็เกิดความไว้ใจมากขึ้น ประชาชนเป็นคนมาบอกทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีเสียงตอบรับอะไรมาจากทางประเทศมาเลเซีย แต่เราได้ร่วมมือกันและจะมีการนัดประชุมแก้ไขปัญหา รวมถึงประเทศพม่าภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังจัดรูปแบบอยู่ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดำเนินการ
ต่อมาเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ไทย ตอนหนึ่งว่า เรื่องการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายและปัญหาการค้ามนุษย์ มันคนละเรื่องกัน แต่มันเกี่ยวพันเชื่อมโยงกัน ซึ่งมีความคืบหน้าการแก้ปัญหา กรณีอียูออกใบเหลืองไอยูยู แล้วการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ รัฐบาลได้ดำเนินการในมาตรการต่างๆ พร้อมกันโดยไม่รีรอ เพราะกฎหมายบางฉบับ บางเรื่องยังไม่ทันสมัย ยังไม่ได้ออก ยังไม่ได้มีไว้ วันนี้เราก็เร่งรัดเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่น และเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหา ก็ทำควบคู่กัน ใช้มาตรา 44 ร่วมกับกฎหมายปกติที่เสนอเข้าไปใหม่ เพื่อพิจารณาใน สนช. แต่มันรอไม่ได้ก็ต้องใช้มาตรา 44 ไปขับเคลื่อนแล้วใช้กฎหมายปกติให้ทำงานร่วมกันได้ โดยมอบหมายให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นผู้กำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติ
ดาว์พงษ์สั่งสอบจนท.รู้เห็น
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ขอให้อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งสอบสวนเจ้าหน้าที่ในสังกัดของทั้ง 3 กรมว่าเข้าไปร่วมในขบวนการค้าโรฮีนจาหรือไม่ เพราะเชื่อว่าทั้งเส้นทางลำเลียงขนส่งคนทางเรือผ่านป่า จนถึงการตั้งค่ายในเขตป่า เพื่อพักพิงโรฮีนจามาในเขตพื้นที่ป่า โดยเฉพาะเทือกเขาไม้แก้ว ที่จะต้องมีการส่งเสบียงให้กับขบวนการนี้ จึงเป็นไปได้ยากที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ในสังกัด ทส.รู้เห็นหรือเป็นเรื่องที่รอดหูตาไปได้ หากไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้ จึงขอให้อธิบดีทั้ง 3 กรมเร่งสอบเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และเร่งประสานนำตัวเจ้าหน้าที่ไปให้ข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคงกับกองทัพภาคที่ 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร่งด่วน แต่หากยังนิ่งเฉยปกป้องลูกน้อง หรือสอบสวนแบบลูบหน้าปะจมูก ผู้ที่จะเดือดร้อนแทนลูกน้องคืออธิบดีทั้งสามกรม
ทั้งนี้ มีการโยกย้ายนายโสภณ ชูสิงห์แค หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า สข.7(ปาดังเบซาร์) มาประจำที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 (สงขลา) เพื่อมาสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเข้าไปร่วมในขบวนการค้าโรฮีนจาหรือไม่
ทร.ใช้ 300 ล.แก้ปัญหาประมง
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมครม.วันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. ในฐานะผบ.ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายว่า เปิดศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 1 พ.ค. และเปิดศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก 28 ศูนย์ และจัดการประชุมเพื่อกำหนดแนวทางรองรับการปฏิบัติตามที่สหภาพยุโรป(อียู) ให้ข้อแนะนำใน 4 ประเด็น คือ 1.การปรับปรุงกฎหมายประมงให้มีความทันสมัยเป็นมาตรฐานสากล 2.การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านประมงที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง 3.การติดตั้งระบบติดตามตำบลที่เรือ VMS เพื่อให้สามารถติดตามเรือประมงได้ตลอดเวลา 4. การตรวจสอบย้อนกลับที่ต้องมีการตรวจสอบได้ว่าสัตว์น้ำที่จับได้และจะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตต้องทราบแหล่งที่มาแน่ชัด
สำหรับงบประมาณการดำเนินงานของ ศปมผ.เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานนั้น เป็นเงินรวม 313,588,742 บาท ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายปฏิบัติงานของส่วนงานต่างๆ ใน ศปมผ. 298,688,742 บาท และงบประมาณที่จัดเตรียมไว้เป็นค่าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอีกร้อยละ 5 ของค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของส่วนงานต่างๆ 14.9 ล้านบาท และของบประมาณเพื่อป้องกันการทำการประมงผิดกฎหมายโดยเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเรือตรวจการณ์ลาดตระเวนในภารกิจของกรมประมงและค่าซ่อมบำรุงเรือวงเงินรวม 53.7 ล้านบาท
กอ.รมน.แจงใช้คำ"โรฮีนจา"
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พ.อ.บรรพต พูนเพียร โฆษกกอ.รมน. เปิดเผยว่า ปัจจุบันปรากฏภาพข่าวการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำภาษาไทยที่ชัดเจนของคำว่า โรฮีนจา (Rohingya) และคำว่า เมียนมา (Myanmar) ซึ่ง กอ.รมน. ใช้ถ้อยคำนี้มาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2556
พ.อ.บรรพตกล่าวว่า กอ.รมน.ขอชี้แจงการใช้ถ้อยคำภาษาไทยของคำว่า โรฮีนจา (Rohingya) และคำว่า เมียนมา (Myanmar) นั้น เป็นไปตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ประสาน กอ.รมน. เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน โดยสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาพม่าของราชบัณฑิตย สถาน สรุปคือ คำว่า Rohingya เมื่อทับศัพท์เป็นภาษาไทยจะได้ว่า "โรฮีนจา" และคำว่า Myanmar เมื่อทับศัพท์เป็นภาษาไทยจะได้ว่า "เมียนมา" ด้วยเหตุผลว่า gy เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย ตัวอักษรไทยที่ใกล้เคียงที่สุดคือ "จ" ประกอบกับหลักเกณฑ์ของพม่ากำหนดให้ in แทนเสียงอีน และ ar แทนเสียงอา ตามลำดับ
"สมยศ"ขันนอตบิ๊กตร.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมชี้แจงแผนการปฏิบัติแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชน สตรีและปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.พดส.ตร.) ที่ปรึกษา(สบ10) ผู้ช่วยผบ.ตร. ผู้บัญชา การทุกพื้นที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสันติบาล ร่วมประชุม
พล.ต.อ.สมยศกล่าวภายหลังประชุมว่า ได้มอบนโยบายการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยปฏิบัติรับทราบแนวทางการทำงานร่วมกัน กำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย ไม่ให้การช่วยเหลือ เกี่ยวข้อง มีผลประโยชน์กับขบวนการการ ค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด เห็นว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก รองผบ.ตร. และผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ที่มีเหตุเกิดขึ้นได้เสนอให้ย้ายตำรวจที่มีส่วนสนับสนุน ละเลย และรับผลประโยชน์มาช่วยราชการที่ตร. และสืบสวนต่อไปหากพบว่าเกี่ยวข้องจริงจะย้ายออกจากพื้นที่ทันที หากมีหลักฐานพอก็จะดำเนินคดีอาญา ตนย้ำกับพล.ต.อ.เอกว่าให้ทำอย่างตรงไปตรงมา เต็มที่ ไม่ต้องเกรงกลัว หรือเกรงใจใคร ซึ่งตนจะขออำนาจจากนายกฯให้มีอำนาจให้คุณให้โทษในหน่วยงานตัวเองชัดเจน เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน
จับนายกปาดัง-เบอร์ 1 ค้ามนุษย์
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ได้รับรายงานล่าสุดว่า ขณะนี้ตำรวจภาค 9 คุมตัวผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญในขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่งเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นเบอร์ 1 ของขบวนการนี้ เป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา นอกจากนี้ยังจับกุมมือปืน ซึ่งเป็นมือทำงานให้กับ ผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ มือปืนคนนี้มีหน้าที่ฆ่า จัดการกับคนที่ขัดขวาง ซึ่งเป็นการจับตามหมายจับที่ออกไปแล้วก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่าหากพบข้าราชการหน่วยอื่น เช่น ทหาร ฝ่ายปกครองเข้าไปเกี่ยวข้องปัญหาการค้ามนุษย์ จะพิจารณาโทษอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า หากพบข้าราชการหน่วยอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่อยู่นอกเหนืออำนาจที่ตนจะดำเนินการ ก็จะต้องนำหลักฐานข้อมูลเรียนนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อตัดสินใจแก้ปัญหา
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของคดี เดิมออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนนี้ 18 คน จับกุม 3 คน เข้ามอบตัว 2 คน อายัดตัว 1 คน ต้องติดตามจับกุมอีก 12 คน ล่าสุด พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 รายงานว่าขออนุมัติหมายจับอีก 11 ราย และกำลังขออนุมัติอีก 7 ราย รวม 18 ราย ทำให้ขณะนี้มีผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจานี้ รวม 36 ราย และล่าสุดรับรายงานว่า นายบรรณจง ปองผล นายกเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญเป็นเบอร์ 1 ของขบวนการนี้ที่กำลังขออนุมัติหมายจับ และยังไม่มีใครใหญ่กว่านี้
พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า ในคดีค้ามนุษย์ขบวนการดังกล่าวมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเกี่ยวพัน 2 คดี คาบเกี่ยวพื้นที่ จ.สตูล และต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา โดยสืบสวนพบว่า มีนาย สุพจน์ หมื่นซิ่ว เป็นผู้ต้องหา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์ที่ปาดังเบซาร์ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตรวจค้นที่พักหาหลักฐานในการกระทำความผิด และรับรายงานว่าพบของกลางเป็นระเบิดจำนวนหนึ่ง
สรุปออกหมายจับแล้ว 36 คน
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นพบการค้ามนุษย์ในพื้นที่ต่อเนื่อง ตำรวจภาค 9 จะเปิดปฏิบัติการปิดปลายทาง เอกซเรย์ทุกพื้นที่ที่อาจใช้เป็นที่พักรอในการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะพื้นที่เทือกเขาแก้ว เทือกเขาสันกาลาคีรี พรมแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทาง 16 กิโลเมตร โดยจะตรวจพื้นที่แนวยอดเขาทั้งหมด ว่ายังมีจุดใดใช้เป็นค่ายพักรออีกหรือไม่ จะมียุทธการในการตรวจค้นทำลาย และเสริมมาตรการป้องกันในบริเวณชายฝั่งทะเลของจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นแนวทอดยาวหลายกิโลเมตร
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่ามีนายทหารยศต่างๆ เข้าไปเกี่ยวข้อง ตนไม่ได้รับรายงาน มีที่ออกหมายจับทั้งหมด 36 คน มีตำรวจ 2 นาย ข้าราชการอื่นๆ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน นายกอบต. นายกเทศมนตรี นักการเมืองท้องถิ่น นายกอบจ. รองนายกอบจ. สมาชิกสภาเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่
ผบ.ตร.ขออำนาจย้ายแหลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ. สมยศกล่าวในที่ประชุมว่า หากผู้บัญชาการทุกหน่วยละเลยไม่ร่วมมือทำตามนโยบายรัฐบาล จะต้องเป็นลิงที่ถูกเชือดให้ไก่ดู ตอนนี้ย้ายแล้วเกือบ 50 คน ไม่ใช่อยากทำ แต่เตือนแล้วไม่ฟัง เตือนแล้วยังทำ ถ้ายังไม่ดีขึ้นมีพบอีก ก็เอาอีก ขณะนี้สหรัฐเองก็เฝ้ามองว่าการย้ายช่วยราชการครั้งนี้เป็นปาหี่หรือไม่ จะมีช่วย 3 วัน 7 วัน แล้วก็กลับหรือไม่ แต่ครั้งนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ตนขอพบนายกฯขอใช้มาตรา 56 ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติในการแต่งตั้งโยกย้าย คือย้ายได้ตลอด ไม่ได้ขู่ แต่อยากให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้นต่างชาติมองว่าเราเล่นละครตบตา เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่ สั่งฟ้อง ต่างชาติมองกระบวนยุติธรรมไทยอ่อนแอ คนผิดไม่ได้รับโทษ มีการช่วยเหลือกัน ดังนั้น หากสืบสวนว่าใครรู้เห็นเป็นใจก็เตรียมเก็บของเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ มาตรา 56 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ในกรณีที่ผบ.ตร.เห็นว่าการใช้อำนาจในการแต่งตั้งของผบช.ไม่เป็นธรรม หรือมีกรณีไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ หรือวิธีการที่ก.ตร.กำหนด หรือมีกรณีที่จะต้องดำเนินการทางวินัย หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับ รองผบช.ถึงผบ.หมู่ พ้นจากพื้นที่หรือหน้าที่หรือมีเหตุพิเศษ ตามที่ก.ตร.กำหนด ให้ผบ.ตร.มีอำนาจสั่งแต่งตั้งตามควรแต่กรณี ซึ่งในการแต่งตั้งระดับรองผบช.-ผบก.ต้องเสนอให้ก.ตร.พิจารณาเห็นชอบก่อน
บินลงใต้แถลงจับมือฆ่าโรฮีนจา
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่บก.ภ.จว.ตรัง พล.ต.อ.สมยศ แถลงจับกุม 2 ผู้ต้องหาร่วมขบวนการค้าโรฮีนจารายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย นายสุพจน์ มั่นซิ้ว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 ถนนเพลินพิทักษ์ ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งจับกุมได้ที่หลังโรงเลี้ยงไก่ หมู่ที่ 1 ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง และนายบรรณจง ปองผล อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ถนนทักษิณเฉลิมเขต ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา นายกเทศมนตรีตำบลปาดังเบซาร์ ที่เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ มาก่อนหน้านี้
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากการที่นายสุพจน์เอาไปฝังไว้ริมชายคลองหลังโรงเลี้ยงไก่ และภายในบ้านที่หลบซ่อน ประกอบด้วย กระสุนปืน ขนาด 11 ม.ม. 3 นัด สายไฟเพื่อต่อเชื้อปะทุระเบิด ยาว 30 เมตร ท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว แบบปิดหัวท้าย ภายในประกอบดินระเบิดพร้อมใช้งาน 4 ชุด ปุ๋ยยูเรียผสมน้ำมัน 500 กรัม เม็ดลูกปราย ขนาด 8 ม.ม. 53 เม็ด ดินขยายการระเบิด (เพาเวอร์เจล) 700 กรัม เชื้อปะทุไฟฟ้า 2 ดอก ตะปูบรรจุในปุ๋ยยูเรีย 23 ดอก เทปกาวจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
จากการสอบสวนพบว่า นายสุพจน์ยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธปืนกลมือยิงถล่มบ้านพัก นายประวัติ แซมมณี ผบ.เรือนจำจังหวัดตรัง เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 8 ม.ค. 2556 ในพื้นที่หมู่ที่ 11 เขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ อ.เมืองตรังด้วย
เบื้องต้นตั้งข้อหานายสุพจน์ ว่าฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมาน หรือกระทำทารุณโหดร้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุในการตาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามหมายจับของศาลจังหวัดนาทวี ที่ 91/2558 ลงวันที่ 13 มี.ค. 2558 ของ สภ.ปาดังเบซาร์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 550/2557 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2557 ของ สภ.สิเกา จังหวัดตรัง ตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ที่ 300/2557 ลงวันที่ 14 เม.ย. 2556 ของ สภ.เมืองตรัง และตามหมายจับของศาลจังหวัดสตูล ที่ 233/2557 ลงวันที่ 22 พ.ย. 2557 ของ สภ.ฉลุง จังหวัดสตูล
ผงะพบเตรียมบึ้มถล่มจนท.
ทั้งนี้นายสุพจน์ให้การรับสารภาพเฉพาะบางคดีเท่านั้น ส่วนวัตถุระเบิด สายไฟ และอุปกรณ์ ที่ตรวจยึดมาได้นั้น นายสุพจน์ให้การว่า จัดทำและนำไปวางไว้มาเมื่อ 8 เดือนก่อน เพื่อเตรียมการในการพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ที่จะมาปิดล้อมจับกุมตน โดยกำลังอยู่ระหว่างการขยายผลว่า นายสุพจน์มีส่วนร่วมต่อการค้ามนุษย์หรือไม่ รวมทั้งการทำร้ายโรฮีนจาจนเสียชีวิต เนื่องจากนายสุพจน์มีความสนิทสนมกับนายบรรจง
ขณะที่นายบรรณจงถูกตั้งข้อหาสมคบและร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น โดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ แต่นายบรรณจงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผบช.ภาค 9 แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีโรฮีนจา ในจ.สงขลา ว่าล่าสุดพบค่ายกักกันทั้งหมด 4 แห่ง โรงเรือน 51 โรง มีผู้รอดชีวิต 55 คน แบ่งเป็นชาวโรฮีนจา 24 คน บังกลาเทศ 15 คน อยู่ระหว่างการพิสูจน์สัญชาติ 16 คน และศพ 33 ศพ อยู่ระหว่างตรวจสอบจากแพทย์นิติเวช
เจออีก 54 คนถูกทิ้งในป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตชด.ที่ 437 ยังตรึงกำลังบริเวณกุโบร์ฉลุง พร้อมกันเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เพื่อรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจพิสูจน์และเก็บหลักฐาน โดยทางตำรวจจะหารือขั้นตอนดำเนินการกับตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่กำลังตำรวจ ตชด.ส่วนหนึ่งยังออกลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณเขาแก้วเขตรอยต่อจ.สงขลา กับจ.สตูล เพื่อตามหาชาวโรฮีนจา 17 คน ที่คาดว่ายังพลัดหลงอยู่ในป่า หลังช่วยเหลือออกมาได้ 33 คน
รายงานข่าวตำรวจกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ และ ฝ่ายปกครอง ต.ฉลุง พบชาวบังกลาเทศ 54 คน ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมดโดยมีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน ขณะลงจากเขาแก้ว และเดินวนเวียนอยู่ในป่าสวนยางพื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ 3 ตำบล คือ ต.ฉลุง ต.กำแพงเพชร และต.ท่าชะมวง ในสภาพที่อิดโรย และหิวโหย มีเพียงเสบียงเช่นปลาแห้ง และ หัวหอม ติดตัวเท่านั้น
รายงานข่าวว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปพักและดูแลชั่วคราวที่โรงเรียนบ้านคลองต่อ ก่อนที่จะประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบชาวบังกลาเทศกลุ่มย่อยอีก 5 คน ที่บริเวณน้ำตกโตนปลิว ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันด้วย
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าทั้งหมดแคมป์แตกหลังจากที่รวมกลุ่มเดินทางมากับเรือจากพม่า มาขึ้นฝั่งที่สตูล และถูกนายหน้านำมาปล่อยลอยแพ และให้เดินบนเทือกเขาแก้ว เพื่อข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย รวมชาวบังกลาเทศและโรฮีนจา ที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเอาไว้ได้ขณะพลัดหลงอยู่บนเทือกเขาแก้ว 2 วัน 95 คน คาดว่าน่าจะมีชาวบังกลาเทศและโรฮีนจาอีกบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่บนเทือกเขาแก้ว
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงว่า มี กำลังพล ของกองทัพภาคที่ 4 และกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ บ้างหรือไม่ หากมีข้อมูลที่ชัดเจนแม้จะไม่มีพยานหลักฐาน ก็จะดำเนินการตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบเอาผิด ตามนโยบายของ กองทัพ หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบแนวชายแดนในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา แต่ปล่อยให้มีการค้ามนุษย์ในพื้นที่ จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนในการรู้เห็น หรือมีความบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ หากพบว่ามีความบกพร่องจะมีการพิจารณาเพื่อการลงโทษ