- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Thursday, 05 February 2015 12:27
- Hits: 4625
วันที่ 05 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8835 ข่าวสดรายวัน
พยานแฉมือบึ้ม หน้าหล่อ น้องๆ'ณเดชน์''แท็กซี่'เห็นชัด รับจาก'รางน้ำ' ไปส่งที่เกิดเหตุ ตร.เร่งเช็ก'รถตู้' หน้ามาบุญครอง บิ๊กตู่สั่งจับใหได้
2 มือบึ้ม - ภาพ 2 มือระเบิดหน้าห้างสยามพารากอน ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ตร.นำมาเป็นหลักฐานในการออกหมายจับแล้ว ขณะที่พยานคนขับแท็กซี่ ระบุหนึ่งในคนร้ายหน้าตาหล่อระดับน้องๆ ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกชื่อดัง |
แฉมือระเบิดกรุง หล่อน้องๆ ณเดชน์ รองผบ.ตร.ระบุพบข้อมูล 2 มือวางระเบิดพูดภาษาไทย แถมคนหนึ่งหน้าตาดี สั่งเจ้าหน้าที่ไล่ล่าหลังศาลอนุมัติหมายจับทั้งคู่เรียบร้อย ขณะที่ชุดสืบสวนได้พยานปากเอกเป็นแท็กซี่ที่รับ 2 ผู้ต้องหาจากซอยรางน้ำมาส่งที่จุดเกิดเหตุ สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวงจรปิดหลังเกิดเหตุหลบหนีด้วยรถตู้โดยสาร หรือเรียกแท็กซี่อีก เชื่อมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลังมือระเบิดทั้ง 2 สั่งเช็กทางการข่าวล่าตัวให้ได้ "บิ๊กตู่"ลั่นสาวถึงใครต้องตามจับให้ได้ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ จำนวน 2 ลูก ที่บริเวณทางเชื่อมห้างสยามพารากอน กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งตรวจสอบพบเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่มีนบุรี และที่สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง รวมทั้งคดีระเบิดหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ และที่หน้าสำนัก งานอัยการสูงสุด ขณะที่กล้องวงจรปิดจับภาพ 2 ชายต้องสงสัยใส่เสื้อสีขาว ถือกระเป๋าและถุงสีส้มมาวางไว้ก่อนเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งทางตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลแล้ว ขณะที่ นายกฯ ออกมายืนยันไม่เกี่ยวกับการหาเหตุขยายกฎอัยการศึก เช่นเดียวกับกลุ่มนปช.ที่ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องเช่นกันตามที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาวางระเบิดบริเวณห้างสยามพารากอนว่า เท่าที่รับรายงานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับตัวผู้ต้องหาไปแล้วและคิดว่าจะได้ตัวอย่างแน่นอน ส่วนจะไปพัวพันและเกี่ยวโยงกับใครนั้น ตนได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นพวกไหน เพราะเรามีพยานหลักฐานมากพอสมควร "ขอให้ใจเย็นๆ มันต้องได้ตัวสิ แม้วันนี้จะยังไม่ได้ วันข้างหน้าก็ต้องให้ได้ตัว ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างอีกต่อไป"
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง ผู้ต้องหาวางระเบิดที่ด้านหน้าห้างสยามพารากอนว่า ต้องดำเนินการกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับชายต้องสงสัย 2 คนตามภาพวงจรปิด เป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดแล้ว ซึ่งตอนนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร ส่วนจะยังอยู่ใน กทม.หรือไม่ ยังไม่ทราบ
"ตรงนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คนถือมา กับคนทำ เชื่อว่าคนทำนั้นมีความชำนาญ แต่คนที่ถือมานั้นค่อนข้างใจเย็น หมายถึงคนที่ปรากฏในภาพ เบื้องต้นมี 2 คนที่ออกหมายจับ แต่จากนี้หากพบว่าใครเกี่ยวข้องก็ออกหมายจับเพิ่มเติมอีก แต่ตอนนี้เห็นแค่ 2 คนจึงออกหมายจับเพียงเท่านี้ก่อน" รองผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการสืบสวนจนถึงขณะนี้ยังพบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่ย่านมีนบุรี กทม.และเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีความคล้ายกันมาก แนวทางการสืบสวนของเราก็ว่าน่าจะมาจากที่เดียวกัน ทั้งคอนเทนเนอร์ และส่วนอื่นๆ มันเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว
"ผมพูดตลอดว่าเหตุระเบิดส่วนใหญ่ 80-90 เปอร์เซ็นต์ มาจากเรื่องการเมืองทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมพูดเลยว่าที่ผ่านมาในอดีตเกิดจากเรื่องการเมืองทั้งนั้น ถามว่าทำไมผมคิดอย่างนั้น เพราะผมอยู่กับเรื่องนี้ รู้มาโดยตลอด" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
เมื่อถามว่าจากการสืบสวนกลุ่มที่ก่อเหตุครั้งนี้ยังมีความพยายามก่อเหตุอีกหรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่า หากมีโอกาสเขาก็เอา ซึ่งจุดที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 1 ก.พ.นั้น สะท้อนความต้องการหลายอย่าง จุดนั้นเป็นศูนย์กลาง เช่นสีลม พารากอน ศูนย์การค้า
ถามว่าจุดที่ก่อเหตุเป็นที่รับรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก การเลือกก่อเหตุเช่นนี้แสดงความท้าทายหรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่า จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่ตนเชื่อว่าต้องให้ได้ตัวก่อน ดูลักษณะแล้วเขาอาจถูกบอกให้มาทำ โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเยอะ ไม่รู้ว่ามีกล้องอะไรอย่างไร
ถามว่าผู้ต้องสงสัยเป็นคนไทยหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ขึ้นรถมาก็พูดภาษาไทย คนหนึ่งหน้าตาดี อีกคนหน้าตาปกติ
เมื่อซักว่า ข้อมูลนี้เป็นคำให้การของคนขับแท็กซี่ที่ผู้ต้องสงสัยนั่งมา รองผบ.ตร.กล่าวว่า สื่อรู้มากกว่าตำรวจอีกนะ อย่างไรก็ตามขอเวลาตำรวจทำงาน ขณะนี้ได้ข้อมูลเพิ่มตลอด
ถามว่าเห็นภาพขณะเดินทางมาก่อเหตุ แล้วตอนกลับคนร้ายกลับอย่างไร รองผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้เอาตอนมาก่อน เดี๋ยวค่อยจำลองภาพตอนกลับ ตอนนี้ก็พบภาพตอนกลับแล้ว ส่วนข่าวที่หลบหนีไป จ.ภูเก็ตนั้นยังเป็นเพียงเขาเล่าว่า ตนยังไม่ได้ยินข่าว
เมื่อถามว่าจากแนวทางการสืบสวนคนร้ายรายนี้เคยก่อเหตุระเบิดที่สืบเนื่องจากการเมืองมาก่อนหรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่า ก็คล้ายๆ แต่เรามีกลุ่มเป้าหมายของเราอยู่แล้ว แต่มากกว่า 2 คนแน่นอน คนหนึ่งหล่อน้องๆ ณเดชน์ (นายณเดชน์ คูกิมิยะ นักแสดงชายชื่อดัง) เลย
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. กล่าวว่า ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว 2 คน ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตราย แก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น พกอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุสมควร โดยในภาพกล้องวงจรปิดปรากฏภาพชายคนแรกใส่หมวกสีขาว เสื้อคอกลมสีขาว กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าหุ้มส้น คนที่สองเป็นชายใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ใส่กางเกงขายาวสีดำ และใส่หมวกแก๊ปสีดำ ซึ่งจากการไล่ดูภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี เป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีเหตุระเบิด และมีการถือหีบห่อซึ่งเป็นถุงพลาสติกสีส้ม เข้าไปด้านหลังตรงจุดที่มีเหตุระเบิด และ ซักพักก็มีการระเบิด น่าเชื่อได้ว่าน่าจะเป็น ผู้ต้องหาที่นำระเบิดเข้าไปวางไว้ แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่าเป็นใคร ทางการสืบสวนกำลังดำเนินการในด้านอื่นอยู่ โดยขอประชาสัมพันธ์เรื่องรูป ว่าใครที่ทราบและรู้ว่าเป็นใคร แจ้งเข้ามาได้ที่ 191 หรือ 1599 ส่วนทางการสืบสวนก็จะดำเนินการในกลุ่มต่างๆ หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะออกหมายจับเพิ่ม
"ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าขึ้นรถอะไรมา ยังไม่สามารถสรุปได้ ถ้าสรุปได้ว่าเป็นรถแท็กซี่ก็ต้องตามตัวมาหรือประกาศหาว่าใครเป็นคนรับชาย 2 คนนี้ และรับมาจากที่ไหน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ชัดเจน แต่เข้าใจว่าคนที่ใส่หมวกสีขาวอยู่ในจุดแรกที่ระเบิดครั้งแรกก่อน และคนใส่หมวกสีดำอยู่ตรงหน้าบูธกรุงเทพมหานคร ระยะห่างเวลาของระเบิด 2 ลูกไม่เกิน 30 วินาที คนร้ายน่าจะวางระเบิดและรีบออกไป น่าจะใช้เวลาไม่นานมาก ถ้าดูภาพเคลื่อนไหวจะเห็นว่ามานั่งอยู่ก่อน และก็ค่อยเอาเข้าไปวาง จุดที่นั่งก็เป็นอีก 1 จุดที่ระเบิด ขณะนี้ยังไม่ทราบที่มาที่ไป ชื่อ-นามสกุล หรือรายละเอียดในเชิงลึกของคนร้าย ตอนนี้ประกาศจับโดยใช้ภาพไปก่อน" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
โฆษกตร.กล่าวอีกว่า สอบถามจากหน่วยอีโอดี มีชิ้นส่วนของนาฬิกาดิจิตอลอยู่ แต่ว่าในชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ไม่พบวงจรไฟ ไม่สามารถจะชี้ชัดว่าระเบิดโดยใช้เวลาหรือจุดด้วยสายชนวนที่ใช้ไฟจุด ถ้าเป็นการจุดด้วยวงจรของนาฬิกาก็จะต้องมีชุดที่ใส่ถ่าน และก็มีสายไฟในการเชื่อมต่อกับเชื้อประจุไฟฟ้า แบตเตอรี่กับชุดตั้งเวลา มีหลายกลุ่มที่กำลังดูข้อมูลและความเคลื่อนไหวอยู่ตอนนี้ ซึ่งมี 2-3 กลุ่มที่ชอบใช้ระเบิดประเภทนี้
"แม้ในทางสืบสวน 2 กลุ่มที่เคยดู ไม่มีความเคลื่อนไหวในทางรุนแรงในช่วงนี้ แต่ไม่แน่ว่าอาจจะมีการทำงานที่ลับๆ ถ้ารู้ว่ากลุ่มไหนทางเจ้าหน้าที่จะมีการวิเคราะห์ เพราะแต่ละกลุ่มมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ขอให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงได้ชัดเจน และยังไม่ชัดเจนว่า 2 คนนี้ทำงานให้ใคร ซึ่งบางกลุ่มเป็นเรื่องของการเมือง และบางกลุ่มเป็นเรื่องของผลประโยชน์ วัตถุ ประสงค์คือทำให้เกิดเสียง ทำให้เกิดความตื่นตระหนก ไม่ได้ต้องการให้ใครได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่จะรีบดำเนินการจับกุมคนร้ายให้เร็วที่สุด"โฆษกตร.กล่าว
ที่บช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รองผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำราญ รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3 บก.สส. พ.ต.อ.นพรัตน์ สินมา ผกก.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. ชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.6 ร่วมกันประชุมเพื่อสรุปความคืบหน้าคดี โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ส่งทีมชุดสืบสวนไปทั้งหมด 6-7 ชุด เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ส่วนพื้นที่ต้องสงสัยที่ได้สั่งให้ตรวจสอบนั้น ก็มีแต่ขอสงวนเอาไว้ก่อน ถ้าบอกไปก็หนีหมด
เมื่อถามกรณีรถแท็กซี่ต้องสงสัยที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ 2 รายโดยสารมานั้น เชิญตัวมา สอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่าดำเนินการแล้วตามกระบวนการสอบสวน แต่อยู่ในสำนวนเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้ไม่ได้ ถามว่าทราบทะเบียนรถแท็กซี่ดังกล่าวแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าครับ
เมื่อถามถึงกรณีที่คนร้ายมีมากกว่า 2 คน พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่าตรวจสอบแล้ว ซึ่งจะต้องตรวจสอบตัวคนร้ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะเชื่อมโยงพยานหลักฐานทั้งหมดกับกลุ่มที่ใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ 2-3 กลุ่มตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่เจ้าหน้าที่ทำงานต้องอาศัยพยานเอกสาร พยานวัตถุ พยานบุคคล ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ แล้วจะสรุปได้ก็ต่อเมื่อจับกุมคนร้ายและมีการสัดทอดไป อยู่ดีๆ ไปสรุปเองคงจะไม่ค่อยมีน้ำหนัก
เมื่อถามว่าใกล้ได้ตัวหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่าพยายามทำอยู่ เร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร่งได้ ถามว่ามีการประสานข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือไม่ คดีเก่าๆ ที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่าประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ดำเนินการทุกวิถีทางในการสืบสวน
เมื่อถามย้ำว่าที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง โยงไปเกี่ยวเรื่องการเมืองหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่ามีระเบิดก็ผิดปกติธรรมชาติ ถ้าไม่เรียกว่าเรื่องความมั่นคงจะเรียกว่าเรื่องอะไร
เมื่อถามถึงการนำคดีที่สน.มีนบุรี พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่าไม่ใช่เฉพาะแค่ที่สน.มีนบุรี แต่นำเอาข้อมูลมาจากหลายจุด เพราะกรณีที่ใช้ระเบิดไปป์บอมบ์เกิดมาประมาณ 20 กว่ากรณี ตั้งแต่ปี 2553 ก็ต้องไล่ตรวจสอบทุกกรณี
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนเชิญตัวโชเฟอร์ขับรถแท็กซี่สีชมพู ที่รับบุคคลต้องสงสัยทั้ง 2 จากซอยรางน้ำ ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อประมาณ 18.30 น.มาให้การ ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่ารับผู้ต้องสงสัยดังกล่าวมาส่งที่บริเวณหน้าห้างพารากอนจริง โดยเห็นหน้าตาของผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ชัดเจน ซึ่งจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดครั้งสุดท้าย พบภาพคนร้ายทั้ง 2 คนภายหลังจากที่ก่อเหตุแล้ว หายไปบริเวณหน้าป้ายรถประจำทางสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน หรือโอสถศาลา ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับวินรถตู้ทั้ง 2 จุด ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าคนร้ายทั้ง 2 เดินทางด้วยรถตู้หรือรถแท็กซี่หลบหนีก่อนเกิดเหตุ