- Details
- Category: อาชญากรรม
- Published: Saturday, 29 November 2014 09:19
- Hits: 7501
วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8767 ข่าวสดรายวัน
ฟัน 3 พตอ.-ตร.น้ำ พิษ'ส่วย''เสี่ยโจ้'โยงบิ๊กกิ๊กสมยศโชว์โพยน้ำมันเถื่อน แฉจ่ายสูงสุดครั้งละ 12 ล้าน ออกหมายจับเพิ่มอีก 5 คน ร่วมก๊วน'อัครพงศ์ปรีชา'อ้างเบื้องสูง-บุกอุ้มตัวเสี่ย
ฝากขัง- ตำรวจควบคุมตัวนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา (สวมแว่น) พร้อมด้วย 4 ผู้ต้องหาร่วมขบวนการพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. ไปขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนงฝากขังผัดแรก 12 วัน เมื่อวันที่ 28 พ.ย.
ผบ.ตร.'บิ๊กอ๊อด'โชว์โพยส่วย 'เสี่ยโจ้ ปัตตานี' จ่ายสินบนน้ำมันเถื่อนโยงเครือข่าย'บิ๊กกิ๊ก'พงศ์พัฒน์ แฉยอดจ่ายสูงสุดถึงครั้งละ 12 ล้าน มีทั้งตำรวจ ดีเอสไอ ศุลกากร รรท.ผบช.ก.สั่งย้ายด่วน 3 พ.ต.อ.ตำรวจน้ำ เปิดทางสอบสวนส่วยน้ำมันเถื่อน ศาลออกหมายจับอีก 5 ร่วมขบวนการ 3 ผู้ต้องหา'อัครพงศ์ปรีชา'ญาติสนิทอดีตผบช.ก. ก่อเหตุท้องที่สน.พระโขนง-สน.วัดพระยาไกร แอบอ้างสถาบันรับจ้างทวงหนี้และบังคับให้ลดหนี้ รมว.ยุติธรรม'บิ๊กต๊อก'เผยมีโพยส่วยเสี่ยโจ้เช่นกัน ประสานผบ.ตร.เปรียบเทียบรายชื่อตรงกันหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอตั้งกก.สอบ เจ้าหน้าที่รับส่วยน้ำมันเถื่อน
สมยศเปิดบัญชีส่วยนมถ.'เสี่ยโจ้'
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. แถลงเปิดบัญชีส่วยขบวนการน้ำมันเถื่อนของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้ปัตตานี" นักธุรกิจผู้มีอิทธิพลกว้างขวางในภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งหลบหนีระหว่างถูกนำตัวไปศาลจังหวัดปัตตานีเมื่อไม่นาน มานี้ โดยผบ.ตร.นำเอกสารบัญชีรายชื่อกลุ่มบุคคลที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ ความหนาประมาณ 100 หน้า จำนวน 2 เล่ม พร้อมกับแผ่นซีดีเรื่อง "เปิดโปงขบวนน้ำมันเถื่อน เสี่ยโจ้ ปัตตานี" ที่ยึดได้จากบ้านพักของนายสหชัยมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต้องการสร้างความกระจ่างกรณีที่มีการโจษจันเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. พล.ต.ต. โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผบก.รน.(ตำรวจน้ำ) และพวก ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
มีทั้งตร.-ศุลกากร-ดีเอสไอ
"เราได้รับข้อมูลบัญชีส่วยที่จดบันทึกโดยผู้ต้องหาที่หลบหนีและพวกว่าจ่ายเงินให้แก่ใครบ้าง ซึ่งบัญชีนี้ฝ่ายความมั่นคง และทหาร ตำรวจ ที่เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหายึดมาเป็นหลักฐาน ผมก็ได้รับมอบมา นี่คือบัญชีที่ยึดได้จากบ้านเสี่ยโจ้ ซึ่งมีรายละเอียดการใช้จ่ายเงินทองไปกับกิจการน้ำมันเถื่อน มีหลายหน่วยงานเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการน้ำมันเถื่อน ซึ่งผมทำสัญลักษณ์ไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ และยังมีอีกหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง" ผบ.ตร.กล่าว และว่า ในนี้มีเขียนว่าผู้บังคับการอะไร ผู้กำกับการอะไร แต่ที่ระบุเป็นชื่อย่อ มีรายการของรองฯโส รายการของผกก.โย๊ะ รายการผอ.ปราบปรามทางทะเล ซึ่งเป็นหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่ตำรวจ ตนดูแล้วทำสัญลักษณ์ไว้เยอะมากมาย มีดีเอสไอด้วย ทำให้เห็นว่ามีหลายหน่วยงานมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อน
"ตรงนี้ ต้องเรียนว่าผมจะรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ที่มีปรากฏชื่อในนี้ ว่าเป็นใคร มีทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น รองโส ผกก.โย๊ะ ชื่อเหล่านี้ในกองบังคับการตำรวจน้ำรู้จักกันดีว่าเป็นใคร การออกมาแถลงเพื่อยืนยันว่าบัญชีรายชื่อจ่ายส่วยของขบวนการน้ำมันเถื่อนมีอยู่จริง เราไม่ได้อุปโลกน์ขึ้นมา แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้"ผบ.ตร. กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ตนจะนำหลักฐานนี้ 2 ชุดส่งมอบให้พนักงานสอบสวนในคดีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์และพวก ทั้งในส่วนบก.ป.ที่ทำหน้าที่สืบสวน และในส่วนของบช.น.ที่ทำหน้าที่สอบสวน นี่คือสิ่งที่ตนอยากจะบอก ทั้งนี้ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายปราบปราม ทั้งที่อยู่ในน้ำและบนฝั่งต่างก็มีชื่อในบัญชีผลประโยชน์น้ำมันเถื่อน โดยทราบว่าหลายหน่วยผู้บังคับบัญชาสั่งตรวจสอบแล้ว ใครก็แล้วแต่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีส่วนรับ ผลประโยชน์จากขบวนการผิดกฎหมายต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย
ยอดส่วยสูงสุดครั้งละ 12 ล้าน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ได้รับการประสานงานจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ให้เร่งรัดคดีที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อน ซึ่งหยุดนิ่งไม่ได้รับการดำเนินการต่อ จนทำให้ ปปง.ไม่สามารถทำงานต่อได้ ตนได้รับหนังสือจากปปง. เมื่อวันที่ 27 พ.ย. และได้ทำคำสั่งให้หน่วยที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนเรื่องนี้คือบช.ก. โดยเฉพาะงานปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง เร่งรัดสอบสวนโดยเร็วและรายงานให้ตนทราบทุก 15 วัน
"ตรงนี้ผมก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมเรื่องถึงไม่เดินไป ติดขัดอย่างไร บอกไปยังผู้รับผิดชอบว่าท่านอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว หากยังอยู่เฉยๆ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างให้ท่านเร่งดำเนินการ" ผบ.ตร.กล่าว และว่า ในบัญชีรายชื่อของเสี่ยโจ้ มีรายชื่อตำรวจที่ไปเกี่ยวข้องเยอะมาก แต่ตนจะดูว่าคนที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องนั้นไปเอื้อประโยชน์ ทำให้ขบวนการนี้สามารถหารายได้จากการน้ำมันเถื่อนอย่างไร หรือไม่ ซึ่งตำรวจที่มีรายชื่อนั้นอยู่ในบก.รน.
"มีการระบุยอดเงินสูงที่สุดหนึ่งครั้ง 12 ล้านบาท เขียนว่าเป็นรายการของตำรวจน้ำ 12 ล้านบาท ไม่บอกต่อเดือนหรือต่ออะไร บอกเป็นของตำรวจน้ำ หรืออีกรายการเขียนว่ารายการตำรวจน้ำ 5 ล้าน นี่เป็นปัญหาที่เราต้องสอบสวนต่อไป ใครอะไร อย่างไร อีกอันเขียนรายการตำรวจน้ำ 6 ล้าน ตรงนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้จะโยงไปถึงผบช.คนเก่าหรือไม่ อยู่ที่ผลการสอบสวน หากพบต้องดำเนินการ มีการระบุถึงหน่วยคชก. ผอ.ปราบปรามทางทะเล ค่าเบี้ยเลี้ยงให้คนนั้นคนนี้ นอกจากนี้พบว่ามีการหาข่าวในศาล ค่าส่งข่าวในศาล ซึ่งตนก็ไม่รู้มีไว้ทำไม ต้องสอบสวนต่อ หากหน่วยงานไหนร้องขอมาผมจะส่งบัญชีให้ มีทั้งตั๋วเครื่องบิน อั่งเปา สารพัด มีเกือบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคใต้ชายฝั่งติดทะเล" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
'ประวุฒิ'ประชุมใหญ่บช.ก.
เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ห้องประชุมบช.ก. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. เรียกประชุมนายตำรวจระดับผกก.ขึ้นไปสังกัดบช.ก. ประกอบด้วย บก.ป., บก.รน., บก.ทล., บก.ทท., บก.รฟ., บก.ปทส., บก.ปคม., บก.ปคบ., บก.ปอศ., บก.ปอท. และบก.ปปป. รวมประมาณ 160 นาย
พล.ต.ท.ประวุฒิเปิดเผยภายหลังประชุม ว่า ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ อดีตผบช.ก. แต่ไม่ได้แจงรายละเอียดการดำเนินคดี โดยย้ำว่าหลังจากนี้ไปบช.ก.ต้องทำงานเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงตำรวจสอบสวนกลางที่มีชื่อเสียงในอดีตกลับคืนมา กองปราบปรามมีชื่อเสียงด้านการจับกุมทำคดีที่ไม่มีใครทำได้มาตลอด แต่หลังๆ ผ่อนลงไป จากนี้ไปให้ทุกบก.ไปเขียนแผนในระยะเวลา 1 เดือน ภายในเดือนธ.ค.นี้จะทำอะไรบ้าง ด้านการจับกุม ป้องปราม คืนความสุขให้ประชาชน จากนี้ขอให้สื่อมวลชนติดตาม ผลงานของทุกบก.ในบช.ก. ซึ่งจะมีผลในการปรับย้าย หากทำงานไม่สำเร็จจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสม และได้พูดถึงขวัญกำลังใจ คนที่ทำงานดีอยู่แล้วไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ถูกต้องก็ทำงานต่อไป
รรท.ผบช.ก. กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของรายชื่อส่วยนั้น ต้องตรวจสอบที่มาที่ไป บางทีอาจชื่อคล้าย ได้ย้ำว่าไม่ได้กวาดทั้งหมด ต้องตรวจสอบก่อนเพราะเอกสารายชื่อจ่ายส่วยได้มาจากผู้กระทำผิดที่อาจคลาดเคลื่อน มีการ รับแทน อ้างชื่อ ทั้งนี้จะดำเนินการกับใครต้องมีหลักฐานชัดเจน ย้ำว่าไม่ต้องกังวล ซึ่งทุกคนเข้าใจ ซึ่งบรรยากาศดีขึ้นจากนี้ไปสั่งการให้ทุกหน่วยทำตามหน้าที่
สั่งเด้งด่วน 3 พตอ.ตำรวจน้ำ
"ผมยกเลิกชุดเฉพาะกิจในบช.ก.ทั้งหมดไปแล้ว ให้ทำตามหน้าที่ของหน่วยตามกฎหมาย และจะวัดผลรายสัปดาห์ตามแอ๊กชั่นแพลนที่เสนอมา โดยจะติดตามการทำงาน การปราบปรามมือปืนรับจ้าง การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งรัสเซีย แก๊งโคลัมเบีย แก๊งเอทีเอ็ม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้าทรัพยากรธรรมชาติ ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งหมดบช.ก.ต้องทำ ต้องดำเนินการ โดยให้ประชาชนแจ้งเบาะแสมาได้ผ่านสายด่วนโทร.1599 การประชุมวันนี้มากันพร้อมเพรียงเว้นแต่ผู้ที่มีภารกิจสำคัญไม่ได้เข้าร่วม" รรท.ผบช.ก. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงรายชื่อตำรวจที่เกี่ยวข้องกับส่วยน้ำมันเถื่อน ตามที่ผบ.ตร.ออกมาเปิดเผย พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ตนรับมาส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบแล้ว ว่า ผกก. รอง สารวัตร หมวดที่ถูกกล่าวอ้างถึงคือใคร มีความเชื่อมโยงระดับไหน โดยมีผู้ที่รับสารภาพไปแล้วบางคนยังต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม วันนี้มีคำสั่งให้ตำรวจน้ำระดับพ.ต.อ. มาช่วยราชการที่ศปก.บช.ก. 3 นาย เพื่อเปิดโอกาสให้การตรวจสอบกรณีส่วยน้ำมันเถื่อนเป็นไปอย่างโปร่งใส
รรท.ผบช.ก.กล่าวต่อว่า โดยมีคำสั่งบช.ก. ที่ 266/2557 ให้ พ.ต.อ.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผกก. 5 ตำรวจน้ำ (รับผิดชอบภาคตะวันออก) พ.ต.อ.สมชาติ หรือธนชาติ ศุภวุฒิ ผกก. 7 ตำรวจน้ำ (รับผิดชอบภาคใต้ตอนล่าง) และ พ.ต.อ.จักรพันธุ์ รัตนเทวมาตย์ ผบ.เรือ (สบ4) กลุ่มงานเรือตรวจการณ์ จ.ชลบุรี มาช่วย ราชการศปก.บช.ก. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้รายงานตัววันนี้ ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นความผิด แต่เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องส่วยน้ำมันเถื่อนในทะเล รายชื่อที่ผบ.ตร.ให้มา มีหลายหน่วย แทบทุกหน่วยในพื้นที่ แต่ต้องตรวจสอบก่อนเพราะหลายครั้งเจอโพยในพื้นที่ระบุรายชื่อ แต่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทั้งนี้มีส่วนที่ตรงความจริง มีคนรับสารภาพแล้วและสอดคล้องกับที่ผบ.ตร.ระบุ
3 'อัครพงศ์ปรีชา'ถูกปลด-ถอดยศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพ.ต.ต.ชาตรี รุ่งดำรงค์ สว.สถานีตำรวจทางหลวงประตูน้ำพระอินทร์ จ.พระนครศรีอยุธยา ลาออกกะทันหันเมื่อ วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์หรือไม่ รรท.ผบช.ก.กล่าวว่า ขอเรียนว่าเกี่ยว เป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับราชการได้ในสถานการณ์นี้ จึงขอลาออกก่อน หากขวัญและกำลังใจดีอยากกลับมาใหม่ก็เป็นเรื่องของเขา เบื้องต้นไม่ผิดอะไร จึงใช้วิธี ลาออกเพื่อไปใช้ชีวิตทำงานอย่างอื่น ขอเรียนว่าผู้ที่กระทำ ผู้ที่เกี่ยวข้องบางรายไม่สบายใจ ถูกกล่าวหา ถูกมองในทางไม่ดี จึงคิดว่าลาออกดีกว่า ถือเป็นความคิดส่วนตัว การลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัว คงชี้ชัดไม่ได้ แต่เบื้องต้นไม่มีหลักฐานอะไรชี้ว่ากระทำผิด แต่เลือก วิธีนี้ก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว สอบถามแล้วทราบว่าเป็นความสมัครใจ
เมื่อถามถึงการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการกับอดีตผบช.ก.เพิ่มเติม พล.ต.ท. ประวุฒิกล่าวว่า กรณีกลุ่มผู้ต้องหา 5 ราย ที่ถูกออกหมายจับและนำตัวฝากขังวันนี้นั้น นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา เดิมมียศ ว่าที่พ.ต. แต่ขณะจับกุมได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชา ว่าถูกถอดยศและปลดจากการเป็นนายทหาร ราชองครักษ์แล้ว ส่วนนายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา ก็ถูกถอดยศจ.ส.อ. แล้วเช่นกัน ขณะที่นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา ซึ่งเป็นข้าราชการในสำนักพระราชวัง ก็ถูกปลดออกแล้วเช่นกัน ทั้ง 3 คนเคยเป็นข้าราชการ เคยมียศ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ถูกปลด ถูกไล่ออกแล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของตำรวจที่ถูกดำเนินคดีในขบวนการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการถอดยศเช่นกัน ซึ่งจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง
หมายจับอีก 5 แก๊งอัครพงศ์ปรีชา
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่บช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. แถลงความคืบหน้าคดีจับ กุมนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ เครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ที่แอบอ้างสถาบัน ทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ความผิดตามมาตรา 112 ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และคดีพกพาอาวุธปืน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพทุกข้อหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้นอกจาก ก่อเหตุในท้องที่สน.พระโขนงแล้วยังเคย ก่อเหตุในท้องที่สน.วัดพระยาไกรใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ทั้ง 2 คดีเป็นการกรรโชกทรัพย์ โดยใช้กำลังและอาวุธ จำนวนเงินสูงพอสมควร ส่วนพฤติกรรมผู้ต้องหาเป็นอย่างไร แอบอ้างสถาบันหรือไม่ และมีความเชื่อมโยงกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์อย่างไรนั้น เปิดเผยไม่ได้ เพราะอยู่ในสำนวนคดี แต่ สั่งการทุกสน.ตรวจสอบว่ากลุ่มผู้ต้องหา เคยก่อคดีอีกหรือไม่ ถ้าพบให้รายงานด่วน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ ก่อเหตุในท้องที่สน.วัดพระยาไกร มีจำนวน 8 คน โดยนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา และนายชากานต์ ภาคภูมิ ร่วมกับพวกอีก 5 คนก่อเหตุ สน. วัดพระยาไกรขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 5 คน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุมมาดำเนินคดี
รับจ้างทวงหนี้-บังคับให้ลดหนี้
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหา 2 คดี ท้องที่สน.พระโขนง และสน.วัดพระยาไกร โดยมีนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา และนายชากานต์ ภาคภูมิ ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 คดี รายละเอียดของคดีท้องที่สน.วัดพระยาไกร เหตุเกิดเดือนมิ.ย.2557 ผู้เสียหายเป็น เจ้าหนี้มูลค่า 100 กว่าล้านบาท กลุ่มผู้ต้องหาไปเจรจาและข่มขู่ผู้เสียหายบังคับให้ลดหนี้ลงเหลือประมาณ 20 ล้านบาท ผู้ต้องหาพยายามจะอุ้มตัวแต่ผู้เสียหายขัดขืน ส่วนคดีท้องที่สน.พระโขนง กลุ่มผู้ต้องหาไปทวงหนี้ผู้เสียหายมูลค่า 30 ล้านบาท โดยข่มขู่และกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรมรับจ้างทวงหนี้ และบังคับให้ลดหนี้ จากนั้นหักรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์อาจจะร้อยละ 20-30
ยึดเพิ่ม- พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เข้าตรวจค้นโกดังของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบไม้สัก ไม้ประดู่ และไม้มะค่าจำนวน 4,500 แผ่น รวมมูลค่าเกือบ 8 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ย
พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน. วัดพระยาไกร กล่าวว่า หลังจากศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว แต่ฐานความผิดข้อหา มาตรา 112 คดีเกิดขึ้นหลังจากปฏิวัติรัฐประหาร พนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร จึงต้องขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ออกหมายจับผู้ต้องหา ส่วนนายณัฐพล นายณรงค์ และนายชากานต์ พนักงานสอบสวนประสานสน.พระโขนงขออายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องหาอีก 5 รายที่ศาลอนุมัติหมายจับ นอกจากนายณัฐพล นายณรงค์ และนายชากานต์ คือ นายชลัช โพธิราช, นายวิทยา เทศขุนทด, สิบเอกณธกร ยาศรี, สิบเอกธีรพงศ์ ช่อจำปี และนาย ณัฐนันท์ ทานะเวช
ศาลไม่ให้ประกัน-ส่งเข้าเรือนจำ
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ศาลจังหวัดพระโขนง พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ควบคุมตัวนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา อายุ 29 ปี, นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา อายุ 41 ปี, นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา อายุ 24 ปี, นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ อายุ 41 ปี และนายชากานต์ ภาคภูมิ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-5 ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ลงวันที่ 24 พ.ย. 2557 ความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง, กรรโชกทรัพย์ทวงหนี้ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ, กระทำการข่มขืนใจ ผู้อื่นโดยมีอาวุธและทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือเสรีภาพ เพื่อให้กระทำการ หรือไม่กระทำการใดโดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, หน่วงเหนี่ยวกักขัง ผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ, ร่วมกันมีอาวุธปืน และพาอาวุธปืนไปในเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 309 วรรคสอง, 310, 371 และความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฯลฯ โดยขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ถึง 9 ธ.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รวมทั้งรอผลการตรวจประวัติผู้ต้องหาและอื่นๆ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงจะหลบหนีอีกทั้งมีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล เกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานอันเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนสอบสวน
คำร้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2557 เวลา 07.30 น. นายชากานต์ ผู้ต้องหาที่ 5 พร้อมกับพวกรวม 5 คน ได้มาดักรอนายวิทยา ปัญญาทวีกูล ผู้เสียหาย หน้าบ้านพักเลขที่ 869/8 ซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. จากนั้นใช้อาวุธปืนขู่บังคับไปที่บ้านหลังหนึ่งย่านพุทธมณฑลสาย 3 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. เพื่อพบกับนายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งอ้างตัวเองเป็นพระญาติในสถาบันเบื้องสูง แล้วบังคับนายวิทยาติดต่อบุคคลที่รู้จักให้ไปเจรจาเรื่องหนี้สินที่ค้างอยู่ทั้งหมด เมื่อนายวิทยาพยายามติดต่อบุคคลใกล้ชิดให้ไปพบกับพวกผู้ต้องหาที่ร้านอาหารเบิกไพร ใกล้กับวัดศรีเอี่ยม ถนนบางนา-ตราด แต่บุคคลดังกล่าวไม่ยอมออกมาพบ ผู้ต้องหาจึงควบคุมตัวนายวิทยาไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว
กระทั่งวันที่ 21 มี.ค.เวลา 01.05 น. กลุ่มผู้ต้องหาพานายวิทยาออกจากบ้านแล้วปล่อยตัวไป โดยระหว่างที่นายวิทยาถูกควบคุมตัวอยู่นั้น พวกผู้ต้องหาลักเอาทรัพย์สิน ประกอบด้วยบัตรประจำตัวประชาชน และใบอนุญาตขับรถยนต์ตลอดชีพ เงินสดจำนวน 1,800-2,000 บาท สุรา 1 ขวด จากนั้นนายวิทยาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อสน.พระโขนง พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ภายหลังศาลจังหวัดพระโขนงอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนบก.น.5 และสน.พระโขนง ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมกับแจ้งข้อหาดำเนินคดี ซึ่งชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 และ 5 ให้การปฏิเสธในชั้นจับกุม ก่อนจะยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวน
ต่อมาศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง ทั้งนี้ไม่มีญาติของผู้ต้องหา มายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
รมว.ยธ.ก็มีโพยส่วยเสี่ยโจ้
เมื่อเวลา 14.00 น.ที่บช.น. พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.พระโขนง พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนคุมตัวนาย ชากานต์ ภาคภูมิ หนึ่งในผู้ต้องหาเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไปค้นหาของกลางที่บ้านพักย่านท่าแร้ง ท้องที่สน.คันนายาว เพื่อค้นหาของกลางเพิ่มเติม ก่อนควบคุมตัวกลับมา บช.น. ให้ผู้ต้องหายืนยันอาวุธปืนรวม 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนลูกซอง 5 นัด พร้อมด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด ซึ่งเป็นของกลางที่ใช้ในการก่อคดี จากนั้นคุมตัวกลับไปยังศาลจังหวัดพระโขนงเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนส่งตัวฝากเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
วันเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบบุคคลและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับสินบนน้ำมันเถื่อนว่า ขณะนี้ตนมีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยโจ้ หรือนายสหชัย เจียรเสริมสิน รายชื่อดังกล่าวได้จากโทรศัพท์ของเสี่ยโจ้ พบว่ามีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐ และพลเรือนเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก หลังจากนี้จะนำรายชื่อไปหารือกับผบ.ตร.เพื่อเปรียบเทียบว่าตรงกันหรือไม่
ดีเอสไอตั้งกก.สอบรับสินบน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถูกกล่าวหาเกี่ยวพันกับส่วยค้าน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีนายนิธิต ภูริคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าชุด ร่วมกับพ.ต.ท.วิชิต อุปะละ และนายมหิธร กลั่นนุรักษ์ โดยกำชับเร่งรัดสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับผู้ที่ถูกตั้งกรรมการสอบเป็นพนักงานสอบสวนระดับ 8 ในศูนย์ป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งตั้งขึ้นสมัยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดีดีเอสไอ ก่อนที่พล.ต.อ. ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ได้มีคำสั่งยกเลิกศูนย์ย่อยที่ตั้งขึ้นใหม่ทั้งหมด
ปปง.เตรียมยึดทรัพย์'บิ๊กกิ๊ก'
ทั้งนี้ในวันที่ 23 ธ.ค.สำนักงานปปง. จะประชุมคณะกรรมการธุรกรรม โดยจะเสนอเรื่องยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ อดีตผบช.ก.เข้าที่ประชุมด้วย
รายงานข่าวจากบช.ภาค 9 เปิดเผยว่า พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภาค 9 สั่งการให้ ผบก.ในสังกัดเข้มงวดสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการค้าน้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ ขณะนี้ตำรวจในจังหวัดภาคใต้ตอนล่างที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับส่วยน้ำมันเถื่อน โดยเฉพาะชุดปราบน้ำมันเถื่อน(ปนม.) ทั้งของบช.ภาค 9 และของจังหวัด ประมาณ 20 นาย ต่างอยู่ในอาการหวาดผวาเกรงความผิดจะมาถึงตัว หลัง ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสั่งสอบการรับสินบน
รายงานข่าวศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศชต.) เปิดเผยว่า พล.ต.ท. อนุรุต กฤษณะการะเกด ผบช.ศชต. สั่งการตำรวจในจ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ประสานงานกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนอย่างเข้มงวด เพราะถือเป็นภัยแทรกซ้อนและสนับสนุนทางการเงินให้กับขบวนการก่อความไม่สงบ
รายงานข่าวจากศุลกากรภูมิภาคที่ 4 จ.สงขลา เปิดเผยว่า นายประยุทธ มณีโชติ ผอ.ศุลกากรภูมิภาคที่ 4 มีคำสั่งให้ด่านศุลกากรทุกแห่งในภาคใต้ตอนล่าง เข้มงวด กวดขัน จับกุม กลุ่มผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งทางบกและทางทะเล
กรมศิลป์แถลงผลพิสูจน์ของกลาง
วันเดียวกันที่หอประชุมวชิรญาณ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวกรณีส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจพิสูจน์ทรัพย์สินที่ยึดได้จาก การกระทำความผิดของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. ว่า จากการตรวจสอบของกลางในเบื้องต้น พบว่ามีของกลางที่เป็น โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เมื่อแยกของกลางตามชนิดวัตถุ พบว่ามีทั้งประติมากรรมที่ทำจากไม้และหิน นอกจากนี้ยังมีเครื่องปั้นดินเผา ประเภทเครื่องถ้วย รวมถึงภาพเขียน ทั้งนี้หากแยกประเภทของกลางตามรูปแบบศิลปะและอายุสมัย พบว่าส่วนใหญ่เป็นศิลปะแบบไทย ซึ่งเป็นโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทั้งพระพุทธรูปที่ทำจากไม้ และโลหะ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายจนถึงรัตน โกสินทร์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 23-24
เก่าแก่อายุกว่าพันปีก็มี
"นอกจากนี้ ยังมีศิลปวัตถุที่ทำด้วยฝีมือประณีตตามรูปแบบศิลปะต่างประเทศ เช่น เทวรูปหินทรายแกะสลักแบบศิลปะเขมร สมัยพุทธศตวรรษที่ 12 อายุประมาณ 1,300 กว่าปี สันนิษฐานว่า เป็นศิลปะแบบพนมดาที่ค่อนข้างหายากแล้ว หากเป็นของจริงจะเก่ามาก นอกจากนี้ ยังมีรูปเทพเจ้าแบบศิลปะจีน รูปสลักหินอ่อนแบบศิลปะตะวันตก และรูปสลักศิลปะอินเดีย เป็นต้น โดยบางรายการคงยังไม่สามารถประเมินราคาได้ เพราะต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นของทำเลียนแบบหรือจำลองขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบถือเป็นเป็นงานชำนาญของกรมศิลปากรอยู่แล้ว ส่วนมูลค่าของของแต่ละชิ้นนั้น ในเบื้องต้นคงประเมินยาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับความนิยมของตลาด อย่างพระพุทธรูปหินทรายหากเป็นของเก่าจริง จะมีราคาหลักล้านบาทขึ้นไปเลยทีเดียว" นายบวรเวทกล่าว
นายบวรเวท กล่าวต่อว่า กรมศิลปากรคงไม่สามารถตรวจสอบของกลางทุกชิ้นได้ภายในเร็ววัน และถ้าดำเนินการเช่นนั้นก็ไม่ทราบว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด ดังนั้นขั้นตอนต่อจากนี้ กรมศิลปากรจะตรวจสอบของกลางทั้งหมด เพื่อแยกออกมาว่าชิ้นไหนเป็นโบราณวัตถุ ชิ้นไหนเป็นศิลปวัตถุ เนื่องจากกฎหมายที่ควบคุมจะแตกต่างกัน จากนั้นจะทำบัญชีรวมถึงทะเบียนเอาไว้ ซึ่งในส่วนของโบราณวัตถุกรมศิลปากร จะแยกไปเก็บรักษาไว้ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ส่วนศิลปวัตถุที่มิได้มีคุณค่าสูงทางศิลปะ และของที่ทำเลียนแบบ ซึ่งรวมแล้วมีมากกว่า 2 หมื่นชิ้น จะขอให้ตำรวจเป็นผู้เก็บไว้ หลังจากนั้นจะประสานตำรวจเพื่อดูการครอบครอง เช่นในกรณีที่เป็นโบราณวัตถุต้องดูว่าชิ้นไหนที่ครอบครองได้และไม่ได้
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า เพราะตามรัฐธรรมนูญของไทย ไม่ได้ห้ามบุคคลมีโบราณวัตถุไว้ในครอบครอง แต่การครอบครองได้นั้น ผู้ครอบครองต้องชี้แจงได้ด้วยว่าได้มาอย่างไร และจะดูว่าโบราณวัตถุชิ้นไหน ไม่สมควรที่จะมีไว้ในครอบครองได้ เช่น พุทธรูปหินทรายแกะสลักสมัยลพบุรี พุทธศตวรรษที่ 16-17 ที่มีอยู่จำนวนหลายชิ้น ซึ่งครอบครองไม่ได้ เพราะโบราณวัตถุเหล่านี้ต้องอยู่ในศาสนสถาน จึงต้องตรวจพิสูจน์ต่อไปว่าเอามาจากไหน ส่วนพระพุทธรูปจำนวนมากทั้งพระพุทธรูปบูชา ที่เป็นไม้ สำริดนั้น กรมศิลปากรมีทะเบียนโบราณวัตถุที่วัด และเอกชนแจ้งครอบครองอยู่ ดังนั้น จึงต้องตรวจเปรียบเทียบว่าพระพุทธรูปต่างๆ มีใครแจ้งหายหรือไม่ หากพบจะได้แจ้งตำรวจดำเนินการต่อไป
เตรียมยึดเป็นสมบัติแผ่นดิน
"ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้จะส่งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์เข้าไปตรวจพิสูจน์คัดแยกของกลางที่มีอยู่หลายรูปแบบ อย่างพระพิมพ์ต้องไปดูแต่ละชิ้นว่าสำคัญแค่ไหน เมื่อคัดแยกแล้วจะทยอยทำบัญชีรายการที่ตรวจแล้ว เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนติดตามความคืบหน้า ตลอดจนเป็นช่องทางให้แจ้งความเป็นเจ้าของ หากพบว่าเป็นโบราณวัถตุที่เคยครอบครองไว้แต่ถูกขโมยไป โดยผู้ที่แจ้งจะต้องแสดงหลักฐานความเป็นเจ้าของประกอบด้วย ซึ่งขณะนี้มี 2-3 รายแล้ว ที่แจ้งข้อมูลเข้ามาว่าพระพุทธและงาช้างแกะสลัก ซึ่งตรวจยึดได้นั้น เป็นโบราณวัตถุที่เคยครอบครองแล้วสูญหายไป" นายบวรเวทกล่าว
นายบวรเวท กล่าวด้วยว่า คาดว่าขั้นตอนการตรวจพิสูจน์ของกลาง น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน หากไม่สามารถพิสูจน์การครอบครองได้ โบราณวัถตุ ศิลปวัตถุ และศิลปะต่างๆ จะตกเป็นสมบัติของชาติ ตาม พ.ร.บ.โบราณสถานและโบราณวัตถุ พ.ศ.2535 มาตรา 31 ที่ระบุว่า ผู้ใดซ่อนเร้นจะมีความผิดปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และของที่ยึดมาต้องเป็นของสมบัติของชาติ และหากพบว่าเป็นศิลปะของประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะดำเนินการประสาน เพื่อให้ประเทศนั้นๆ ได้แสดงหลักฐาน หากพิสูจน์ได้แล้ว จะส่งคืนไปยังประเทศที่เป็นเจ้าของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุนั้นๆ ต่อไป
ค้นโกดัง'บิ๊กกิ๊ก'ซุกไม้หายาก
เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ ผบช.น. พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สำราญ ยินดีอารมณ์ ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และนายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.ป้องกันรักษาป่าและป้องกันไฟป่า กรมป่าไม้ นำกำลัง เจ้าหน้าที่พร้อมหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นโกดัง เลขที่ 16/21 หมู่ 2 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สถานที่ซุกซ่อนและเก็บไม้แปรรูปของพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ที่นำมาเก็บไว้จำนวนมาก
จากการตรวจค้นพบ ไม้สัก ไม้ประดู่ และไม้มะค่า จำนวนกว่า 4,500 แผ่น รวมมูลค่า 7,700,000 บาท ซุกซ่อนอยู่ในโกดังและใน ตู้คอนเทนเนอร์ 3 ตู้ นอกจากนี้ยังมีไม้แกะสลักเป็นเทวรูปถูกฝังดินอีกหลายชิ้น
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ไม้ทั้งหมดจะยึดไว้ตรวจสอบเพื่อหาแหล่งที่มาว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากทั้งหมดเป็นไม้แปรรูปแผ่นใหญ่หายากและมีราคาแพง ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป