- Details
- Category: กรมตำรวจ
- Published: Wednesday, 06 January 2016 12:41
- Hits: 8661
พุ่ง 380 ศพ ยอดตายปีใหม่ แห่ไปรับรถคืน ยึดไว้ 4.6 พันคัน
'พงศพัศ'รุดตรวจคืนบ้านให้ประชาชนที่ฝากไว้กับตำรวจช่วงปีใหม่สภาพเรียบร้อยปลอดภัยดี ด้านมหาดไทยแถลงปิดศูนย์ศปถ.สรุปเหตุ 7 วันอันตรายส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ เผยยอดตาย 380 ศพ เจ็บ 3.5 พันราย ระบุเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โคราชแชมป์ตายสูงสุด 15 ศพ ปลื้มตรัง-แพร่-ระนอง-สุโขทัยตายเป็นศูนย์ ด้านคสช.แถลง 11 วันยึดรถเมาขับ 4,672 คัน เป็นมอเตอร์ไซค์ 3,413 คัน และรถยนต์ 1,259 คัน พร้อมดำเนินคดีผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเกือบ 3 หมื่นคน ด้านชาวบ้านที่ถูกยึดรถไว้แห่ไปรับคืนคึกคัก
06 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9170 ข่าวสดรายวัน
ฝากบ้าน - พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ตรวจผลโครงการฝากบ้านกับตำรวจในช่วงปีใหม่ ในซอยนิมิตเหนือ 38 ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พื้นที่ของสน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 5 ม.ค.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะรองประธานกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนคนที่ 1 เป็นประธานสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ ระบุว่า เกิดอุบัติเหตุ 287 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 40 ราย ผู้บาดเจ็บ 289 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 20.14 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 14.37 เมาสุรา ร้อยละ 13.19 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.22 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 62.02 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 47.04 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 27.87 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 29.27 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 45.88
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,102 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,506 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 550,167 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 89,473 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 25,622 ราย ไม่มีใบขับขี่ 25,541 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรี ธรรมราช 17 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 17 คน
นายกฤษฎา กล่าวว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน (29 ธ.ค.58-4 ม.ค.59) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,379 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 380 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,505 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 24.03 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 17.28 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.51 รถปิกอัพ 7.43 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 63.89 ถนนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 36.02 ถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 34.42 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 28.09 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 52.23 จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต(ตายเป็นศูนย์) มี 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง แพร่ ระนอง และสุโขทัย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 139 ครั้งจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 15 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 140 คน
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 มีจำนวนอุบัติเหตุผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักเกิดจากการเมาแล้วขับและขับรถเร็ว โดยผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็น กลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง ร้อยละ 68.82 และส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่กว่าร้อยละ 57 ศปถ.จะมุ่งสร้างความปลอดภัยทางถนนตามวาระแห่งชาติของรัฐบาลและ คสช.อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยจะมี 2 มาตรการต่อไป คือมาตรการจากคำสั่ง คสช.และมาตรการทางสังคมโดยให้เจ้าหน้าที่ทางปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทำประชาคมและวางกฎกติกาในชุมชนกรณีจัดงานรื่นเริงเพื่อให้เกิดจิตสำนึกร่วมกัน จะมีการตั้งด่านตรวจให้มากขึ้น สำหรับ การทำงานของด่านชุมชน ต้องให้ชุมชนทำประชาคมสร้างกฎกติกาขึ้นมา เช่น หากเมาสุราแล้วขับรถก็อาจลงโทษด้วยการทำความสะอาดวัด หรือหากจัดงานรื่นเริงอาจทำจุดจอดรถเพื่อรวมกุญแจป้องกันไม่ให้คนที่ดื่มสุราแล้วขับรถ
รับคืน - พ.ต.อ.ชัยพงษ์ ทรงพลนภจร รองผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ มอบคืนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จับกุมตามมาตรการยึดรถเมาแล้วขับในช่วง 7 วันอันตรายปีใหม่ ที่สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 5 ม.ค. |
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการ ศปถ.เปิดเผยถึงการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ว่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจะได้ประสานจังหวัดตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในเชิงลึก พร้อมถอดบทเรียนการทำงานของทุกภาคส่วน ซึ่งจะได้นำปัจจัยแห่งความสำเร็จในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนมาเป็นต้นแบบ ให้แต่ละพื้นที่นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและบริบททางสังคม เพื่อเสริมสร้างกลไกการลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ให้เป็นระบบและเข้มแข็ง รวมถึงนำปัญหาอุปสรรคที่เป็นจุดอ่อนในการทำงานมาปรับปรุง และวางแนวทางการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยอดอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วันอันตรายของปีที่แล้ว ช่วงวันที่ 30 ธ.ค.57-5 ม.ค.58 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,997 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 341 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,117 คน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. เปิดเผยว่า จากนโยบายสร้างความปลอดภัยในการสัญจรของคสช.และรัฐบาล ด้วยมาตรการดื่มไม่ขับ ตลอดเทศกาลปีใหม่ 11 วัน คือตั้งแต่ 25 ธ.ค. 2558-4 ม.ค.2559 ซึ่งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมทั้งอาสาสมัครป้องกันภัย ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจ ดูแลอำนวยความสะดวกการจราจร ตลอดจนเข้มงวดในมาตรการดื่มไม่ขับ ซึ่งประชาชนและผู้ใช้เส้นทางสัญจรได้ขานรับในมาตรการและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี รวมทั้งมีพฤติกรรมในการขับขี่ที่ตระหนักในเรื่องวินัยจราจรมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
สำหรับ สถิติการตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท ด้วยการดื่มแล้วขับขี่ในวันที่ 4 ม.ค.59 มีดังนี้ ในส่วนรถจักรยานยนต์ พบการ กระทำความผิด 5,147 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดไว้ 381 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 4,837 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 1,857 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 127 คน ยึดรถยนต์ 239 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 893 คน
รองโฆษกคสช. กล่าวว่าตลอด 11 วัน เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้ทั้งหมด 4,672 คัน (แยกเป็นรถจักรยานยนต์ 3,413 คัน และรถยนต์ 1,259 คัน) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 28,540 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 10,325 คน
ขณะนี้ คสช. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกกล.รส. ในทุกพื้นที่กำลังดำเนินการคืนรถให้กับเจ้าของตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้ ส่วนรถที่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจะต้องรอผลทางคดีให้เสร็จสิ้นก่อน อย่างไรก็ตามในห้วงต่อไป คสช.จะได้นำผลการปฏิบัติตามมาตรการสร้างความปลอดภัยด้วยการดื่ม ไม่ขับ มาพิจารณาถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่เกิดขึ้น พร้อมอาจกำหนดแนวทางการปฏิบัติในการลดอุบัติเหตุในลักษณะอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น
ที่สน.ประชาชื่น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พร้อม พ.ต.อ.ธนันท์ธร นัตนสิทธิภาคย์ ผกก.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ร่วมกันเดินทางตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการฝากบ้านกับตำรวจในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ในพื้นที่ของสน.ประชาชื่น
พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พบว่ามีประชาชนเข้าร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ โดยมีประชาชนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 5,664 หลัง เพิ่มมากขึ้นจากปี 2558 จำนวน 1,554 หลัง คิดเป็นร้อยละ 38 สำหรับในพื้นที่เขต บช.น. มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 1,917 หลัง โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 743 หลัง คิดเป็นร้อยละ 63 ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1-9 พบว่าตำรวจภูธรภาค 1 มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด 1,343 หลัง เพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 616 หลัง คิดเป็นร้อยละ 85
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่าในเขตบช.น. พบว่าสน.โชคชัย มีผู้เข้าร่วมโครงการมากที่สุดคือ 107 หลัง และในส่วนพื้นที่สน.ประชาชื่น มีผู้เข้าร่วม 49 หลัง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 25 หลัง ซึ่งในขณะนี้มีเจ้าของบ้านเดินทางกลับมาแล้ว 46 หลัง เหลืออีก 3 หลังที่ยังไม่เดินทางกลับมา อาจจะมีบางส่วนที่มีการฝากบ้านไว้ยาวไปจนถึง 10 ม.ค. สายตรวจจะคอยตรวจและเฝ้าระวังให้อย่างต่อเนื่องจนกว่าเจ้าของบ้านจะเดินทางกลับด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย ซึ่งการที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจเข้าร่วมโครงการมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความไว้วางใจการทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ตำรวจในภาพรวม โดยมีการนำแอพพลิเคชั่นไลน์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการสื่อสารกับผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีและจะนำไปใช้ในโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังบ้านในซ.นิมิตรเหนือ 38 ถ.เทศบาลนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. บ้านพักของน.ส.วรพรรณี ชัยตรงประสิทธิ์ อายุ 45 ปี ผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อตรวจความเรียบร้อย
น.ส.วรพรรณี เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจปีนี้เป็นครั้งแรก โดยฝากบ้านไว้ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2558 และเพิ่งจะเดินทางกลับจากหัวหิน เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ซึ่งตนรู้สึกปลอดภัยและไม่รู้สึกกังวลใจที่ต้องไปเที่ยวต่างจังหวัดและปล่อยบ้านไว้ เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรู้สึกประทับใจการเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายและขอเชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจในช่วงวันหยุดยาวในโอกาสต่อไป
ที่บช.น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีมาตรการยึดรถเมาแล้วขับช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2558-4 ม.ค.2559 ซึ่งในพื้นที่นครบาลสามารถยึดรถที่กระทำผิดเมาแล้วขับได้จำนวน 173 คัน
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ส่วนการคืนรถให้ประชาชนนั้น สามารถคืนได้เลย ซึ่งตนจะกำชับตำรวจทั้ง 88 สน. ให้เร่งดำเนินแจ้งเจ้าของให้มานำรถคืน ทั้งนี้ขั้นตอนการคืนรถต้องมีการตรวจสอบว่าไม่ได้เป็นรถที่ได้มามีไว้หรือได้มาโดยผิดกฎหมาย ถ้าไม่ได้เป็นรถที่มีไว้เป็นความผิดเพื่อใช้ก็คืนให้กับเจ้าของรถที่แท้จริง โดยหลักฐานที่ต้องนำมาขอคืนรถคือหลักฐานคู่มือจดทะเบียน บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรข้าราชการ จากนั้นตำรวจจะตรวจสอบดูว่ารถดังกล่าวเป็นรถที่มีไว้เพื่อความผิดหรือไม่ เช่นเป็นรถหนีภาษี ปลอมเลขทะเบียน จึงจะดำเนินการคืนรถได้ต่อไป
ที่หน้าสภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก (รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น) รรท.ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.วิเศษ ภักดีวุฒิ หน.พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น และข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันทำพิธีมอบรถยนต์และรถ จยย.ที่ ผู้ขับขี่กระทำผิดกฎจราจรในข้อหาเมาแล้วขับ ตามนโยบายของ คสช. ฉบับที่ 46 ในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นรถยนต์จำนวน 1 คัน และรถ จยย.จำนวน 17 คัน พร้อมกับแจกหมวกนิรภัย หรือหมวกกันน็อกให้แก่กลุ่ม ผู้ถูกจับมารับรถคืนคนละ 1 ใบด้วย
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกับควบคุมตรวจยึดรถจักรยาน ยนต์ และรถยนต์ จากเมาแล้วขับ ในช่วงท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยในวันนี้เป็นวันแรกมีประชาชนทยอยเดินทางมาขอรับรถคืนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งมียึดรถไว้จำนวน 63 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 25 คัน จักรยานยนต์ 38 คัน
สำหรับ ผู้ที่มารับรถคืนต้องไปติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อขอรับลูกกุญแจ ก่อนจะเดินทางไปรับรถคืนยังสถานที่เก็บรักษาที่กองร้อย มลว.ที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของรถอย่างเข้มงวด เพื่อให้ถูกต้องและป้องกันความผิดพลาด ก่อนปล่อยรถคืนสู่เจ้าของตัวจริง กรณีให้ผู้อื่นมารับแทน จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจและหลักฐานแสดงอย่างชัดเจน จึงยอมปล่อยคืนรถให้
ที่สภ.เมืองนครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดรถจักรยานยนต์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อกวดขันวินัยการจราจร ต่างพากันทยอยเข้ามาติดต่อสอบถามเพื่อขอรับรถคืน ขณะที่บางรายก็ได้นำเอกสารของรถจักรยานยนต์ของตนเองมาติดต่อขอรับรถกลับคืน
ส่วนผลการดำเนินการการตั้งด่านตรวจยานพาหนะเพื่อกวดขันวินัยการจราจร ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ขับขี่เมาแล้วขับได้ทั้งสิ้น 328 ราย ยึดรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 226 คัน รถยนต์ จำนวน 3 คัน โดยผู้ขับขี่ทั้ง 328 ราย ถูกนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดนครราชสีมาเป็นที่เรียบร้อย
ที่สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ชัยพงษ์ ทรงพลนภจร รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ. ภูมิวิชย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจราจร ได้ส่งมอบคืนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่จับกุม จากการกวดขันจับกุมผู้กระทำผิด เมาแล้วขับ ในระหว่าง 7 วันอันตราย
พ.ต.อ.ชัยพงษ์ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุรา 115 ราย ผู้ขับขี่รถ จยย.ขณะเมาสุรา 65 ราย นอกจากนี้ยังจับกุมผู้กระทำผิดกฎจราจร รวม 4,308 ราย วันนี้ก็เป็นการคืนรถยนต์ และรถ จยย.ให้แก่ผู้กระทำผิดพร้อมแจกสติ๊กเกอร์ "ขับรถมีสติ ไม่ประมาท แคล้วคลาดปลอดภัย" ของหลวงปู่ลี กุสลธโร เจ้าอาวาสวัดภูผาแดง ต.หนองอ้อ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พระเกจิ อาจารย์สายหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ไว้ให้ไปติดที่หน้ารถด้วย