- Details
- Category: กรมตำรวจ
- Published: Thursday, 17 September 2015 17:45
- Hits: 8601
สมยศ ปัด บึ้มโยง 109 อุยกูร์ 'จักรทิพย์'รู้ชื่อ ชายเสื้อเหลือง หลังถกมาเลย์ ผู้ค้าแพลตตินั่ม อ่วม-พิษระเบิด!
'จักรทิพย์'บินกลับจากมาเลย์ เผย 3 ผู้ต้องสงสัยที่จับได้เป็นม็อบต้านรบ.มาเลเซีย เกี่ยวพันกับแก๊งขนคนเข้าเมือง เบื้องต้นได้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อคดี แต่ไม่ยืนยันมีส่วนพาทีมบึ้มหลบหนี จึงส่งข้อมูลคดีบึ้มกรุงให้ช่วยตรวจสอบ พร้อมส่งชุดคลี่คลายคดีขอเข้าสอบทั้ง 3 คน แฉเสื้อเหลือง-เสื้อฟ้าเผ่นออกจากมาเลเซียแล้ว โดยรู้ชื่อชายเสื้อเหลือง-พบเดินทางเข้าไทยมากกว่า 1 ครั้ง ใช้พาสปอร์ตชาวซินเจียง ด้าน "สมยศ" ปัดพูดบึ้มกรุงเอี่ยวส่งกลับ 109 อุยกูร์ ยันระบุสาเหตุเกิดจากทางการไทยทำลายขบวนการค้าชาวอุยกูร์ ด้านผบช.น.กำชับตร.ทั่วกรุงคุมเข้มแหล่งเที่ยวของต่างชาติ พร้อมเตรียมออกหมายจับอีก 2 เป็นหน.ค้ามนุษย์-พามือบึ้มหลบหนี เค้นสอบโชเฟอร์รถทัวร์พาลงใต้ด้วย ขณะที่จนท.ทูตตุรกีตรวจสอบพาสปอร์ตยึดจากหนองจอก 200 เล่มเป็นของปลอม ส่วน 'ประวิตร'สั่งจับตาอาจมีบึ้มซ้ำ
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9059 ข่าวสดรายวัน
พิษบึ้ม - กลุ่มผู้ค้ารวมตัวประท้วงหน้าเดอะ แพลตตินั่มฯ ประตูน้ำ เรียกร้องไม่ให้ทางห้างขึ้นค่าเช่า หลังได้รับผล กระทบจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางมาจับจ่ายใช้สอย เมื่อวันที่ 16 ก.ย.
สมยศปัดพูดบึ้มเอี่ยว 109 อุยกูร์
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนเสนอข่าวเกี่ยวกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ว่าเกิดจากการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์ 109 คนไปยังประเทศจีน ว่าก่อนจะสัมภาษณ์อะไรขอตำหนิการเสนอข่าวของสื่อก่อน เช่น ตนให้สัมภาษณ์ว่ากรณีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เป็นสาเหตุเกิดจากที่ทางการไทยไปทำลายเครือข่ายหรือขบวนการค้ามนุษย์ ชาวอุยกูร์ ส่วนนี้คือเนื้อหาสาระที่ตนให้สัมภาษณ์ ยืนยันไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ เป็นสาเหตุจากการที่รัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 109 คนกลับไปยังประเทศจีน ตนให้สัมภาษณ์ว่าการกระทำของรัฐบาลไทย หรือการปฏิบัติของรัฐบาลไทยนั้น ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือหลักสากลแล้ว เมื่อมีการพิสูจน์ทราบสัญชาติชาวอุยกูร์เป็นเชื้อชาติใดสัญชาติใดก็ส่งไปยังประเทศนั้น ถ้าเป็นชาวจีนก็ส่งไปประเทศจีน เป็นชาวตุรกีก็ส่งไปที่ประเทศตุรกี มีการส่งไปทั้งประเทศตุรกีและประเทศจีน เพราะฉะนั้นการปฏิบัติของรัฐบาลไทยหรือการ กระทำของรัฐบาลไทยนั้นทำตามหลักกฎหมาย สากล เป็นไปตามกฎหมายหรือสนธิสัญญาที่แต่ละประเทศมีต่อกัน ไม่ใช่เกิดจากการที่ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการส่งชาวอุยกูร์ 109 คนไปประเทศจีน
"ผมบอกว่า เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เป็นสาเหตุอันสืบเนื่องมาจากการที่ทางการไทยหรือตำรวจไทยหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลของประเทศไทย ได้ไปทำลายเครือข่ายโครงสร้างขบวนการการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ที่มีมาอย่างยาวนานให้หมดสิ้นไป เขาจึงเกิดความโกรธแค้นที่ธุรกิจหรือสิ่งที่เขาทำผิดกฎหมายนั้น จะต้องถูกยุติลงหรือไม่สามารถทำต่อไปได้ส่วนนี้คือสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์" ผบ.ตร.กล่าว
ย้ำเรื่องส่งตัวกลับไม่เกี่ยวบึ้ม
เมื่อถามว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นหรือข้อมูลที่มีอยู่ มีปัจจัยอะไรที่บอกว่าการส่งตัวกลับ 109 คน เชื่อมกับเหตุระเบิด ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็สิ่งที่รัฐบาลไทยปฏิบัติทางกฎหมายสากลหรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศส่งคนกลับภูมิลำเนากลับถิ่นฐาน เมื่อมีการพิสูจน์ทราบว่า ชาวอุยกูร์คนใดเป็นชาวจีนและสัญชาติจีนก็ส่งกลับไปประเทศจีน เป็นชาวตุรกีก็ส่งกลับประเทศตุรกี เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องระเบิด เรื่องระเบิดเป็นเหตุหรือสาเหตุเกิดจากที่เจ้าหน้าที่ไทยไปทำลายโครงสร้างเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ นี่คือสิ่งที่ตนพูดไม่เคยพูดว่าสาเหตุเกิดจากชาว อุยกูร์
เมื่อถามว่า กรณีที่สถานทูตตุรกียืนยันว่านายอิซานไม่ได้เดินทางไปยังตุรกี ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลของตำรวจไทย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ถ้าหลักฐานปรากฏว่าได้เดินทางออกจากประเทศไทยแล้วไปต่อที่ประเทศไหน เราก็ต้องขอความร่วมมือจากประเทศปลายทาง เช่น ประเทศบังกลาเทศบอกว่าเดินทางออกจากบังกลาเทศไปแล้ว ไปที่ประเทศตุรกี แต่ประเทศตุรกีปฏิเสธ ส่วนนี้ก็เป็นเรื่องที่เราจะทำอะไรได้ เมื่อเขาออกมาปฏิเสธ ทั้งนี้อีกประเทศก็บอกว่าออกจากประเทศเขาไปแล้ว ปลายทางที่ผู้ต้องสงสัยกรอกข้อมูลแจ้งไว้คือจะเดินทางไปที่ประเทศตุรกี แต่ก็อย่าเชื่อใจการกรอกข้อมูลในเอกสารต่างๆ คนที่ทำผิดมักจะไม่กรอกข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า แต่การที่สถานทูตบังกลาเทศมาเข้าพบมีการนำหลักฐานการเดินทางของผู้ต้องหาไปยังประเทศปลายทาง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดในตรงนั้น ทูตบังกลาเทศมาชี้แจงว่าเดินทางไปบังกลาเทศ จริง และเดินทางออกไปแล้ว โดยมีปลายทางคือประเทศตุรกี ซึ่งประเทศตุรกีออกมาปฏิเสธก็ได้ เพราะการเข้าประเทศตุรกีไม่ได้เข้าออกเพียงช่องทางเดียว สามารถเข้าออกได้หลายทาง เพราะฉะนั้นอาจจะเข้าช่องทางที่ไม่ปรากฏหลักฐานการเดินทางเข้า-ออก จนทำให้รัฐบาลตุรกีไม่สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้าประเทศตุรกีไป ก็เป็นสิ่งที่ประเทศตุรกีต้องชี้แจงว่าไม่มีหลักฐานปรากฏ ก็เป็นสิ่งที่ชอบทำ ส่วนตร.จะทำหนังสือเชิญและประสานไปยังสถานทูตต่างๆ อีกหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
มีจนท.รัฐเอี่ยวแก๊งค้ามนุษย์
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ขบวนการนี้เป็นขบวนการใหญ่ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนละขบวนการกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงยาในพื้นที่ภาคใต้ เพราะจากคำรับสารภาพของ ผู้ต้องหาที่จับได้ ระบุถึงเส้นทางการเข้ามาในประเทศไทยต่างกัน สำหรับเส้นทางของชาวอุยกูร์จะเริ่มตั้งแต่ประเทศเวียดนามผ่านมา สปป.ลาว กัมพูชา ก่อนเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย จากนั้นนั่งรถโดยสารประจำทางลงไปภาคใต้ต่อไปยังประเทศที่สาม แต่บางครั้งจะเข้ามาเพื่อปลอมแปลงข้อมูลในเอกสารการเดินทางเท่านั้น ก่อนย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิมและขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศที่สาม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ส่วนหัวหน้าขบวนการใหญ่ที่สั่งการให้ก่อเหตุระเบิดในกรุงเทพฯนั้น ขณะนี้ตำรวจยังไม่มีข้อมูล เพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหายังมีความพยายามปกปิดข้อมูลบางอย่างและยังไม่พูดความจริง ขณะที่การเชิญหญิงอายุ 40 ปี จากหอพักหญิงย่านหอการค้ามาให้ข้อมูล เบื้องต้นการสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เนื่องจากหญิงคนดังกล่าวยอมรับว่าเป็นคนเรียกรถแท็กซี่ให้กับชายเสื้อสีฟ้า ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด เพื่อใช้หลบหนี แต่ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การทั้งหมด หากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหอพักส่วนใหญ่ยังไม่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือเป็นเบาะแสติดตามตัวผู้ต้องสงสัยมากนัก ซึ่งหากพบว่ามีเจตนาปกปิดข้อมูลจะถือว่ามีความผิด จึงขอความร่วมมือผู้รู้เบาะแสแจ้งกับเจ้าหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการกระทำผิดของขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติต้องมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐหลายฝ่ายมีส่วนรู้เห็นและอำนวยความสะดวก ซึ่งในส่วนของตำรวจสั่งการให้พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ จเรตำรวจ ไปตรวจสอบและรายงานผลภายในวันที่ 23 ก.ย. ส่วนผลการตรวจสอบจะเป็นเช่นไรต้องให้เกียรติคณะทำงาน
ชี้ 3 คนเป็นม็อบต้านรบ.มาเลย์
ต่อมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. เดินทางกลับจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเข้ารายงานผลต่อพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ถึงผลการเดินทางไปพูดคุยกับตำรวจมาเลเซีย หลังควบคุมผู้ต้องสงสัย 3 คน ที่อาจพัวพันขบวนการค้ามนุษย์และเหตุระเบิด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เดินทางไปมาเลเซีย พร้อมกับพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ พล.ต.ท. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ (สบ 8) พล.ต.ต. ชาญเทพ เสสะเวส รองผบช.น. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.กองการต่างประเทศ โดยไม่ได้พบกับพล.ต.อ.คาห์ลิด อาบู บาการ์ ผบ.ตร.มาเลเซีย เนื่องจากท่านไปประกอบ พิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่มอบหมายให้ผบช.สันติบาลของมาเลเซียมาพบแทน โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลพร้อมขอความร่วมมือทางตำรวจมาเลเซียในหลักการว่าจะสืบสวนคดีนี้ต่ออย่างไร ทั้งนี้ มีการพูดคุยเกี่ยวกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ทางการมาเลเซียจับกุมไว้ แต่ไม่ได้เข้าพบกับผู้ต้องหา
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางการขนย้ายชาวต่างชาติโดยผิดกฎหมาย เรื่องการโจรกรรมรถยนต์ที่มาจากประเทศมาเลเซียตามที่เคยส่งมอบให้ทุกปี การเดินทางครั้งนี้ยังได้พูดคุยกันหลายเรื่อง รวมทั้งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนด้วย โดยตอนแรกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของไทยคิดว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้เป็นเรื่องเดียวกับเหตุระเบิดที่ประเทศไทย แต่พอไปคุยแล้วพบเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วงในมาเลเซีย โดยทั้ง 3 คนเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้สนับสนุนด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ หรือไม่ โดยตนและเจ้าหน้าที่ของไทยได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทรไปให้เจ้าหน้าที่มาเลเซียช่วยตรวจสอบเช่นกัน
ขอเข้าสอบ 3 ผู้ต้องสงสัย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 17 ก.ย.จะส่งเจ้าหน้าที่ นำโดยพล.ต.ท.สุชาติ ลงไปประสานงานพูดคุยกับตำรวจมาเลเซียเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ส่วนการพูดคุยครั้งแรกที่ผ่านมาได้พูดคุยในประเด็นความเกี่ยวข้องของ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่จากการสืบสวนพบมีข้อมูลว่ามีส่วนนำพาผู้ก่อเหตุระเบิดหลบหนี แต่ทางการมาเลเซียยังไม่ยืนยันข้อมูลและต้องตรวจสอบ แต่ทั้ง 3 คนเกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบนำคนเข้ามาเลเซียโดยผิดกฎหมาย ซึ่งทราบว่าในมาเลเซียมีคนเหล่านี้ 3,000-4,000 คนเช่นกัน และหลังเกิดเหตุระเบิดในบ้านเรา ประเทศมาเลเซียก็ได้เฝ้าระวังและปิดล้อมตรวจค้นเช่นกัน
เมื่อถามว่าเป็นชาวอุยกูร์หรือไม่ พล.ต.อ. จักรทิพย์กล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุเช่นนั้น แต่การเดินทางไปครั้งนี้ก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควร เพียงแต่ยังไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เพราะเราต้องดูทางมาเลเซียก่อน อีกทั้งไม่กล้าไปถามมาก ส่วนข้อมูลที่ได้นั้นจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการหลบหนีของผู้ก่อเหตุจากไทยไปมาเลเซียหรือไม่นั้น ก็เกี่ยวข้องในแง่เส้นทางเชื่อมโยงการขนคนผิดกฎหมายทั้งหมด ทั้งเรื่องโรฮิงยาเรื่องเดิมที่ยังดำเนินการอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ จึงประสานกับตำรวจมาเลเซียและตำรวจสากลอยู่ตลอด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่มาเลเซียครั้งที่สองในวันที่ 17 ก.ย.นี้ จะพูดคุยในประเด็นอื่นด้วยนอกจากคดีระเบิด อาจซักถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่มาเลเซียจับได้ด้วย ซึ่งตนจะได้ติวเข้มเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปอีกครั้งว่าขอบข่ายและขอบเขตของงานมีอะไรบ้าง จากการพูดคุยในหลักการทางมาเลเซียยินดีให้เราเข้าไปหาข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อคดีนี้ การพูดคุยกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะเป็นการพบโดยตรงหรือส่งคำถามผ่านเจ้าหน้าที่มาเลเซียต้องอยู่ที่ทางมาเลเซียจะพิจารณา แต่ยืนยันว่าตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งความสัมพันธ์ทางการและส่วนตัวที่เชื่อว่าจะช่วยให้การคลี่คลายเรื่องนี้สำเร็จได้
พาสปอร์ต - พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เผยผลตรวจสอบพาสปอร์ต 251 เล่มที่ยึดได้จากห้องเช่าของผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลพระพรหม หลังเจ้าหน้าที่สถานทูตตุรกีเดินทางมาร่วมตรวจสอบ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. |
เสื้อเหลือง-ฟ้าหนีจากมาเลย์
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมีรายชื่อที่ต้องจับตาอยู่ในบัญชีของมาเลเซียหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้มีประวัติอยู่ในรายชื่อกลุ่มผู้สนับสนุนการชุมนุมประท้วงรัฐบาลมาเลเซีย แต่เรื่องอื่นไม่ทราบ แต่จากการรับทราบข้อมูลยังไม่พบคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการที่มาเลเซีย ส่วนชายไทยที่คุมตัวในจ.นราธิวาสก่อนหน้านี้ก็ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้เท่าไหร่
เมื่อถามว่า จากการสืบสวนมีความชัดเจนของชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้ามากแค่ไหน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนคิดว่าหลังจากที่สื่อมวลชนเสนอข่าวจำนวนมากนั้น จากที่เรามีข้อมูลว่าเขาอยู่ที่นั่นก็ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกจากมาเลเซียไปแล้ว คงหนีไปประเทศอื่นแล้ว เพราะเขาก็ฟังและอ่านข้อมูลข่าวสารรู้เรื่อง เป็นตนคงไม่อยู่แล้ว เขาคงไม่อยู่แล้ว แต่ตำรวจมาเลเซียก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุระเบิดในไทยด้วยเช่นกัน
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า เดิมเจ้าหน้าที่ไทยมีข้อมูลเชื่อว่าผู้ต้องหาชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าหลบหนีเข้าไปในมาเลเซีย แต่เมื่อสื่อเสนอข่าวกันมากอาจทำให้เขาหลบหนีออกไปแล้ว โดยสามารถหลบหนีออกไปได้หลายเส้นทาง เรื่องนี้ทำให้การทำงานของตำรวจยากมากขึ้น แต่ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะทำเต็มที่ ไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาลหรือองค์กรตำรวจ แต่ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ความศรัทธา กลับคืนมาให้ได้อีกครั้ง ตราบที่ตนยังอยู่ทุกอย่างต้องมีความหวังแน่นอน ตามแนวทางการสืบสวนที่เจ้าหน้าที่ทำมาตลอด 20 กว่าวันนั้น ผมเชื่อว่ามาถูกทางแล้ว ข้อมูลพอไปได้อยู่แล้ว พบว่าผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปที่นั่นเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน แต่หลังสื่อเสนอข่าวคนร้ายก็อาจหลบหนีไปแล้ว
เสื้อเหลืองใช้พาสปอร์ตซินเจียง
เมื่อถามว่าชายเสื้อเหลืองกับนายอิซานเป็นสัญชาติเดียวกันหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า "ยังไม่อยากระบุสัญชาติ บางทีการให้ข่าวว่าอุยกูร์เร็วไปก็ไม่ดี เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นอุยกูร์ อุยผม อุยคุณ ก็ยังไม่รู้ จะอุยกูร์หรืออุยมึงก็ไม่รู้จริงๆ ไม่อยากให้ลงข่าวเรื่อยเปื่อย อาจเป็นอุยเอ็ง อุยข้า หรืออุ๊ยตายก็ไม่รู้เช่นกัน"
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยอมรับว่าการสืบสวนนั้นใกล้ถึงตัวคนร้ายเสื้อเหลืองแล้ว แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป ซึ่งต้องเดินหน้าสืบสวนคลี่คลายคดีต่อ โดยชายเสื้อเหลืองมีความเชื่อมโยงกับนายยูซุฟูแน่นอน ไม่เช่นนั้นตัดออกไปแล้ว โดยไปพักที่อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอกและมีนบุรี เรารู้ชื่อและตรวจสอบพบว่าเดินทางเข้ามาในไทยมากกว่า 1 ครั้งแน่นอน มีการใช้พาสปอร์ต ชาวซินเจียง เดินทางเข้ามาระยะหนึ่ง แต่ขณะออกจากไทยไม่พบหลักฐานการเดินทาง 2-3 สัปดาห์ก่อน เราพบว่าเขาเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย หนีไปมาเลเซีย แต่ตอนนี้เชื่อว่าออกจากมาเลเซียไปแล้ว ส่วนชายเสื้อฟ้าทราบว่าชื่อนายซูแบร์ ส่วนเสื้อเหลืองนั้นยังไม่ขอเปิดเผย และยังไม่มีการประสานกับฝ่ายสอบสวนเพื่อออกหมายจับแบบระบุชื่อ สำหรับมูลเหตุการณ์ก่อเหตุนั้นตนไม่พูดแน่นอนตราบใดที่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ต่อให้เอามีดจ่อคอก็ไม่พูด อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันที่ 18 ก.ย.จะไปประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้อีกครั้ง
จ่อหมายอีก 2-หน.ค้ามนุษย์
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เรียกประชุมผบก.น.1-9 เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและเอกซเรย์พื้นที่ที่มี นักท่องเที่ยวอาศัยอยู่อย่างเข้มงวด โดยพล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวภายหลังการประชุมว่า สั่งการให้ผบก.น.1-9 ตรวจสอบพื้นที่ทุกจุดที่มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่โดยรอบนครบาล ตาม คำสั่งคสช.โดยไม่ได้ตรวจเฉพาะเรื่องวันชาติจีนเท่านั้น ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้น หากพาดพิงไปถึงบุคคลใดก็ต้องดำเนินการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่สถานทูต ตุรกีประจำประเทศไทย ได้เดินทางมารับมอบพาสปอร์ต 200 กว่าเล่ม ที่ตำรวจยึดได้จากพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก เพื่อส่งให้กองการต่างประเทศ (ตท.) ตรวจสอบว่าเป็นพาสปอร์ตจริงหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้นำสำนวนคดีการตรวจค้นห้องพักของนายอับดุล ทาวับ อายุ 40 ปี และนายบาร์กัต ไบก์ หรืออาลี อายุ 40 ปี ชาวปากีสถาน ที่จุฑาแมนชั่น ริมถนนอ่อนนุชซอย 44-46 ย่านพระโขนง ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงในคดีระเบิด โดยเป็นหัวหน้าขบวนการค้ามนุษย์และพาคนร้ายหลบหนีออกนอกประเทศ มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อเตรียมอนุมัติและออกหมายจับ ส่วนการสอบปากคำเพิ่มเติมนั้นมีรายงานว่า ชุดสืบสวนจะเร่งสอบปากคำ คนขับรถทัวร์ที่รับส่งผู้ต้องหาคดีระเบิดไป อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อติดตามหาความเชื่อมโยงบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตรวจ 200 พาสปอร์ตเป็นของเก๊
ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวภายหลังการตรวจพาสปอร์ตว่า ได้รบกวนให้สถานทูตตุรกีมาตรวจสอบพาสปอร์ตที่รับจากกองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของทหาร พนักงานสอบสวนและสถานทูต โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสาน ซึ่งมีพาสปอร์ตที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด 251 เล่ม แต่สถานทูตตุรกียังไม่ได้บอกว่าเป็นของปลอมหรือไม่ เพราะหากต้องการตรวจสอบว่าเป็นของปลอมต้องนำไปตรวจพิสูจน์ที่ประเทศตุรกี ทำให้ต้องมีขั้นตอนของการประสานระหว่างกองทัพ พนักงานสอบสวน และกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบนานเท่าใดไม่สามารถบอกได้ เพราะกองทัพต้องรายงานผู้บังคับบัญชาก่อน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพาสปอร์ตทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ามีบางเล่มที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปใช้ซื้อซิมโทรศัพท์ในการติดต่อวันก่อเหตุวางระเบิด โดยพาสปอร์ตทั้งหมดเป็นของกลางในคดีอาญาอย่างชัดเจน ซึ่งยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีรายชื่อบุคคลที่ถูกออกหมายจับไปแล้วในพาสปอร์ตของกลางหรือไม่ โดยคงมีบางส่วนที่เกี่ยวข้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการร่วมตรวจสอบพาสปอร์ตครั้งนี้ เบื้องต้นพบว่าพาสปอร์ตของกลางทั้งหมดเป็นของปลอม
'ประวิตร'สั่งจับตาป่วนซ้ำ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดว่า เรื่องนี้เป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่ง มีหลายรูปแบบ ซึ่งยังไม่สามารถตัดประเด็นใดออกไปได้ อาจเป็นการเมือง หรือการค้ามนุษย์ หรือการแก้แค้นก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการหาอยู่ว่ามีตัวละครอยู่ที่ไหนบ้าง ตอนนี้ยังได้น้อยอยู่ จึงต้องหาว่ามีความเชื่อมโยงไปตรงไหนบ้าง ถ้าเชื่อมโยงถึงใคร เราก็ต้องจับและมาสืบสวนว่าใครเป็นคนดำเนินการ ใครเป็นคนสั่งการ เรื่องนี้ต้องมีคนสั่งการ มีคนบงการเพราะไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มีเงินนิดหน่อยมาทำ ต้องใช้ตังค์เยอะ เพราะคนที่จะเข้ามาทำหลายอย่างด้วยกัน แล้วใช่หรือเปล่า อาชญากรรมข้ามชาติใช่หรือเปล่า ต้องขอเวลา ไม่ใช่ว่าเราจะไปกำหนดทันทีว่าเป็นเพราะอันนี้เป็นเพราะอันนั้น แต่คนที่เสียประโยชน์จะต้องเป็นคนทำ
เมื่อถามว่าพอจะเห็นเงาคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ผมไม่เห็นเงา ผมก็ดูไม่ชัด" เมื่อถามว่าพอมี เค้าลางที่จะตามไปสู่ต้นตอหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ตำรวจกำลังพยายามอยู่ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ เข้าไปดูแลและประสานงานกับมาเลเซียที่จับกุม 3 ผู้ต้องสงสัยไว้ได้ ว่าเป็นใครอย่างไร จับเรื่องอะไร อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังไม่ได้รายงานมา เพราะเขาเพิ่งไปพบกันที่มาเลเซีย
เมื่อถามถึงกรณีมีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องปราบปรามการค้ามนุษย์แจ้งเตือนว่าให้ระวังว่ากลุ่มเหล่านี้จะเตรียมการก่อเหตุอีก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใช่ เราต้องระวังหลายอย่าง ระวังทั้งนั้น เพราะตอนนี้ประเทศเราอยู่ในห้วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะจากประชาชน เพราะถ้าประชาชนให้ความร่วมมือเราก็ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีความขัดแย้งกันมากก็อยู่กันลำบาก มัวแต่มาแก้กันภายในเดินหน้าไม่ได้ก็ตาย ต้องให้รัฐบาลนี้เดินหน้าให้ได้ ประเทศจะได้หลุดพ้น
พิษระเบิด-ผู้ค้าแพลตตินั่มโวย
วันเดียวกัน ที่หน้าห้างสรรพสินค้า เดอะแพลตตินั่ม แฟชั่น มอลล์ ถ.เพชรบุรีฯ กทม. กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้ากว่า 200 ราย นัดรวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้บริหารห้างฯ เนื่องจากรับแจ้งจะขึ้นราคาค่าเช่าประจำปีในเดือนพ.ย.นี้ถึงร้อยละ 5-10
ตัวแทนร้านค้ารายหนึ่งกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากผู้บริหารประมาณ 2 เดือน ว่าจะปรับขึ้นค่าเช่าประจำปี จึงยื่นหนังสือต่อ ผู้บริหารเรื่องการงดเว้นขึ้นค่าเช่าปี 2559 รวมทั้งขอความช่วยเหลือให้ลดค่าเช่าเดือนที่ 8-9 ปี 2558 และงดเก็บค่าส่วนกลางครึ่งปีแรก พร้อมทั้งติดต่อธนาคารให้พักชำระหนี้เป็นเวลา 1 ปี สำหรับผู้ประกอบการที่ ทำสัญญาระยะยาว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ทำให้ นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติเกิดความกลัวไม่กล้ามาท่องเที่ยวในย่านดังกล่าวถึงร้อยละ 70 ทำให้ได้รับผลกระทบทางตรง โดยยอดขายของร้านแย่ลงอย่างมาก จึงขอความเห็นใจจากผู้บริหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้บริหารได้เรียกตัวแทนผู้ประกอบการขึ้นไปหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน โดยผู้บริหารชี้แจงว่าเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ จึงจำเป็นต้องขึ้นค่าเช่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ยังไม่สามารถตกลงกันได้