- Details
- Category: กรมตำรวจ
- Published: Tuesday, 26 May 2015 09:32
- Hits: 6075
สมยศ ย้าย-ไม่เว้น น้องชาย เชือดชุดใหญ่ 21 ตร. เซ่นเหตุยิงเสี่ยค้าหมู ดับคาบ่อนนครปฐม กับฆ่าสตต.-ชี้คดีอืด ผู้การ-สืบภ.7 โดนรูด สันติบาล-กองปราบ
'บิ๊กอ๊อด'เข้ม สั่งย้ายกราวรูด 21 ตำรวจ ทั้งสืบภูธรภาค 7 สันติบาล กองปราบฯ นครปฐมโดนตั้งแต่ผู้การจังหวัด ถึง 5 เสือสภ.เมือง น้องชายผบ.ตร.ก็ไม่เว้น เผยสาเหตุหย่อนยานปล่อยปละละเลยให้มีอาชญากรรมในพื้นที่ 2 เหตุการณ์ตั้งแต่ทะเลาะวิวาทจนยิงส.ต.ต.ดับคาเก๋ง กับอีกเหตุยิงเสี่ยค้าสุกรดับคาบ่อนดังเมืองนครปฐม แถมยังมีเงื่อนงำอำพราง คดีไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แถมยังปล่อยให้มีบ่อนในพื้นที่ พร้อมส่งจักรทิพย์นำทีมพิเศษลงสางคดี ลั่นไม่ว่าเป็นญาติใครหรือพี่น้องก็ไม่ละเว้น
วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8945 ข่าวสดรายวัน
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งตร. ที่ 293/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ระบุว่า ด้วยในช่วงที่ผ่านมามีเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.นครปฐมหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 10 พ.ค. และวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ
จึงให้ข้าราชการตำรวจ 11 นาย ประกอบด้วย 1.พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภาค 7 พล.ต.ต.ทวิพงศ์ พงศ์สูงเนิน ผบก.ส.3 พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รองผบก.ภ. จว.นครปฐม พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก. 5 ป. พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.อ.อุดม เปี่ยมศักดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.สุธี วรรณสูตร รองผกก.ป. สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ภูวดิท คงเพชร รองผกก.ส.ส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ครุพงษ์ แก้วสะอาด สวป.สภ.เมืองนครปฐม และพ.ต.ท.ภาณุทัต เหลืองสัจจะกุล สว.สส.สภ.เมืองนครปฐม ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผบ.ตร.มอบหมายจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
และให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณา สั่งให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าวได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.เป็นต้นไป โดยให้รายงานตัวที่ศปก.ตร. ก่อนเวลา 12.00 น.ของวันที่ 25 พ.ค.
คำสั่งดังกล่าว ผบ.ตร. ยังสั่งการให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนในอาญาคดีสำคัญ ตามคำสั่งสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ที่ 663/ 2557 ลงวันที่ 5 ธ.ค. 2557 ลงไปเร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดตามอำนาจหน้าที่โดยด่วน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนพิจารณาเห็นว่าในท้องที่ บช.ภ.7 โดยจ.นครปฐมและจ.ใกล้เคียง มีอาชญากรรมรุนแรง สะเทือนขวัญ เกิดขึ้นบ่อย มีการจับกุมต่างๆ โดยหน่วยงานภายนอก โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ทำให้เห็นว่าตำรวจในพื้นที่ภ.จว.นครปฐม และบช.ภ.7 ที่มีส่วนรับผิดชอบอาจไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดหรือละเลย หย่อนยานไม่ทำตามนโยบายที่ตนมอบไว้ เพื่อให้การทำคดีต่างๆ คลี่คลาย จึงสั่งให้ตำรวจที่รับผิดชอบในพื้นที่ ในคดีที่เกิดขึ้นมาช่วย ราชการศปก.ตร.ชั่วคราว และส่งชุดสืบสวนพิเศษ ที่มีพล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็นหัวหน้า ชุดเข้าไปคลี่คลายคดี ทราบว่าลงพื้นที่ จ.นครปฐมแล้ว
"คดีแรกที่สะเทือนขวัญเป็นคดีแก๊งเด็ก แว้นยิงวัยรุ่นต่อหน้าแม่ในร้านบะหมี่ ก็ไม่สามารถจับกุมได้ จนผมต้องส่งชุดสืบสวนพิเศษของผมลงไปจึงจับกุมได้ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยิงกันมีตำรวจสันติบาล 3 เสียชีวิต 1 นาย ประชาชนอีกหลายคนบาดเจ็บ ก็เกิดในจ.นครปฐม สะเทือนขวัญประชาชนให้ความสนใจ เมื่อ 2 วันก่อน มีคดียิงกันตายเกิดขึ้น จากการสืบสวนของผม ผมได้รับข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ส่งข้อมูลมาหลายช่องทางทั้งทางโทรศัพท์ และโซเชี่ยลมีเดีย ทราบว่า สาเหตุจากการโกง หักหลัง เล่นการพนัน แสดงว่าในพื้นที่ จ.นครปฐม มีบ่อนการพนันจึงเกิดทะเลาะวิวาทถึงขั้นยิงกันเสียชีวิต" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า บ่อนนี้ตนเคยบอก พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ไปแล้ว และกำชับผบก.นครปฐมไปแล้วว่า มีบ่อนการพนันลักลอบเล่นอยู่ในหลายจังหวัด อาทิ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และนครปฐม เป็นหลัก สิ่งเหล่านี้พยายามสื่อบอกตำรวจในพื้นที่มาตลอด ให้สืบสวนจับกุม โดยไม่ต้องเกรงใจ เห็นแก่หน้าใคร แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการกระทั่งเกิดเหตุรุนแรง ยิงกันตาย เข้าใจว่าบริเวณใกล้ๆ บ่อนพนันและสาเหตุเกิดจากโกง หักหลังในวงพนัน
"ถึงแม้ว่าขณะนี้มีผู้ต้องหาเข้ามอบตัวรับสารภาพว่าลงมือยิง แต่ผมยังไม่ปักใจ เพราะทุกครั้งที่ยิงกันหรือขับรถชนใครเสียชีวิต สุดท้ายคนที่รับว่าลงมือจะเป็นคนใกล้ชิดที่ยอมรับผิดแทนนาย เพราะฉะนั้นในคดีนี้ผมจึงส่งชุดสืบสวนพิเศษลงไปคลี่คลายให้ลึกว่าผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวนั้นเป็นตัวจริง หรือรับสมอ้าง รับผิดแทน ผมให้เวลาทำเต็มที่ ไม่กำหนดเงื่อนเวลา คดีแบบนี้เร่งรีบไม่ได้" ผบ.ตร.กล่าว และว่าจากนี้จะให้จเรตำรวจเข้าไปสืบสวนข้อเท็จจริง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า วันนี้ผมสั่งให้ตำรวจในสังกัด บช.ภ.7 ตั้งแต่ผบช.จนถึง ผกก.ทุกนายมาประชุมที่ตร. เพื่อพูดทำความเข้าใจ บอกนโยบายกับผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าควรต้องปฏิบัติตัวปฏิบัติตนอย่างไร ไม่เพียงตำรวจในพื้นที่เท่านั้น ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย เช่นกองกำกับการสืบสวนสอบสวน หรือกองบังคับการปราบปราม ต้องร่วมรับผิดชอบ
"กรณี พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ที่ผมสั่งมาช่วยราชการด้วย เป็นน้องชายของผมเอง แต่ก็ต้องร่วมรับผิดชอบ ไม่มีลูบหน้าปะจมูก ถ้าทำผิดต้องยอมรับผิด ทำไม่ดีต้องยอมรับว่าทำไม่ดี ไม่ใช่ว่านามสกุลพุ่มพันธุ์ม่วงแล้วยกเว้น ผมไม่มีข้อยกเว้น ทำให้เห็นจะจะว่าเมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบต้องทำ ไม่ใช่ลูกคนนั้น หลานคนนั้น น้องคนนี้ต้องเว้น ไม่มีละเว้นในยุคของผม แล้วไม่ต้องมีใครโทร.มาขอผมด้วย มีคนพยายามโทร.มาขอผมว่าคนนั้นคนนี้เกี่ยวไหม ไม่เกี่ยวอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งจะเกี่ยวหรือไม่ผมตัดสินใจเองไม่ต้องมาสอนผม ผมโตแล้ว ทุกคำสั่งมีโทร.มาขอ มาว่าผมเอาตำรวจมาช่วยราชการเยอะแยะไปหมดไม่มีคนทำงาน ไม่เป็นไรเลยครับ ผบก.มา รองผบก. -รองผบช. อยากมารักษาราชการแทนตั้งหลายคน ตอนนี้ผมให้สิทธิ ผบช.เลือกคนมาทำงานแทน เอาคนที่ทำงานให้ได้ หากผบช.เลือกมาแล้วยังไม่ดีอีก ผมอาจเรียก ผบช.มานั่งคุยกับผมที่ศปก.ตร.ก็ได้ ก็อยากลองเหมือนกันว่าจะเอาผบช.มาได้หรือไม่ ถ้าไม่ทำ" พล.ต.อ.สมยศกล่าวอย่างมีอารมณ์ สีหน้าเคร่งเครียด
เมื่อถามว่า การเรียก ผกก.ขึ้นไปในบช.ภ.7 มาประชุมด่วน เป็นการส่งสัญญาณแรงหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า แรงครับ ถือว่าเป็นภาคแรกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เรียกมาทั้งภาค
"ให้มารับรู้โดยทั่วกันว่าผมเอาจริง แล้วถ้าเป็นอย่างนี้อยู่ ระดับผบก.ต่ำไปแล้ว นี่ผมส่งสัญญาณแรงอย่างนี้เลย" ผบ.ตร.กล่าว และว่า กรณีที่สั่ง ผบก.ส.3 มาช่วยราชการด้วยกัน เพราะลูกน้องถูกยิงเสียชีวิตทั้งคน ไม่มีรายงานตนเลย ตนไม่รู้เรื่อง ถามว่าทำถูกต้องหรือไม่ ทั้งที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ พิจารณาว่าการเสียชีวิตนั้นเกิดในหน้าที่หรือไม่ ต้องช่วยเหลืออย่างไร กลายเป็นถูกตำหนิว่าผู้บังคับบัญชาไม่ดูแลเหลียวแล ไม่ช่วยเหลือเรื่องสิทธิประโยชน์ ผบ.ตร.ถูกด่าอีก ไม่รายงานตน ตนรับไม่ได้ การออกคำสั่งให้ตำรวจช่วยราชการนั้นเหมือนออกง่ายๆ แต่ตนเชื่อว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว ทำให้สิ่งถูกต้อง ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าทำถูกต้องหรือไม่ หากตนกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาก็ถูกฟ้อง
ต่อมาเวลา 13.00 น. ผบ.ตร. เรียกประชุมข้าราชการตำรวจระดับ ผกก.ขึ้นไปในพื้นที่ บช.ภ.7 ที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 ตร. โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
พล.ต.อ.สมยศกล่าวภายหลังการประชุมว่า ตนแนะนำการปฏิบัติงานในพื้นที่ อะไรที่ไม่ถูกไม่ควรหรือทำให้เสื่อมเสีย หรือเสียศักดิ์ศรีตำรวจก็อย่าไปทำ อย่างไรก็ดีสิ่งใดที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่าคิดว่าผู้บังคับบัญชาไม่รู้ แต่บางครั้งคนเราต้องให้เกียรติกัน ให้ผู้บังคับบัญชาแก้ไขปัญหาและได้แนะนำว่าผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการเพียงคนเดียวไม่สามารถทำงานได้ หากผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ สารวัตร รองสารวัตร นายสิบ กระทั่งพลตำรวจ ไม่ร่วมมือ ก็ไม่สามารถทำงานได้สำเร็จ นอกจากนี้สั่งให้โอนสำนวนคดีบ่อนการพนันที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาไว้ที่กองปราบปราม
"คดีที่มีตำรวจสันติบาลเสียชีวิตนั้นเป็นคดีทะเลาะวิวาทปกติ แต่คดีบ่อนการพนันมันมีเงื่อนงำ ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าคดีสำคัญๆ สะเทือนขวัญแล้วมีญาติ คนสนิท คนใกล้ชิดรีบเสนอหน้าออกมามอบตัวหรือรับสารภาพว่าตัวเป็นผู้กระทำนั้นมักมีเงื่อนงำทั้งสิ้น" ผบ.ตร.กล่าวและว่า ตนเป็นคนบ้าอำนาจ แต่บ้ากับคนผิด ไม่ได้บ้ากับคนดี ตนไม่ใช่โรคจิตที่จะไปลงโทษใครหากไม่ได้ทำผิด แต่หากทำผิดตนไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น และยังจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากนี้และจะมีคำสั่งย้ายเพิ่มอีก แต่ละสายแต่ละหน่วยต้องมีส่วนรับผิดชอบทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นการเสียขวัญและกำลังใจของตำรวจหรือไม่นั้น ตนลงโทษเฉพาะคนที่ทำผิดเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ผบ.ตร. ให้คำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่แก่ตำรวจภาค 7 ซึ่งตนจะได้เรียกประชุมตำรวจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อหารือทำความเข้าใจนโยบายของ ผบ.ตร.
เมื่อเวลา 14.20 น. ที่บก.สส.ภ.7 พล.ต.อ. จักรทิพย์เดินทางไปประชุมเร่งรัดคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐม โดยมี พล.ต.ท. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวส รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.กองแผนงานกิจการพิเศษ (สยศ.ตร.) มาร่วมการประชุมโดยเรียกนายตำรวจส่วนเกี่ยวข้องของภาค 7 ภ.จว.นครปฐม และ สภ.เมืองนครปฐม ประกอบด้วย พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รอง ผบช.ภ.7 (รรท.ผบก.สส.ภ.7) พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.สำราญ กลั่นมา รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.7 พ.ต.ท.สมเกียรติ จาคีไพบูลย์ พงส.ผนพ. สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ศักยธิปฏ์ ศิรสุกล พงส.(ผนพ.) สภ.เมืองนครปฐม เข้าประชุม โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง
โดยก่อนเข้าประชุม พล.ต.อ.จักรทิพย์ให้สัมภาษณ์ว่า ผบ.ตร. มีคำสั่งให้จัดทีมทำงานลงมาร่วมเร่งรัดคดีคนร้ายยิง ส.ต.ต.สหชาติ ถึงสุข ผบ.หมู่ กก.1 บก.ส.3 ตำรวจสันติบาลเสียชีวิตในท้องที่ เมืองนครปฐม เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา และคดียิงเสี่ยพ่อค้าหมู นักพนันที่ถูกยิงตายเมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับ คนร้ายที่ยิง ส.ต.ต.สหชาติ จากรายงานพบว่า ตร.ท้องที่ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว 2 คน คือนายกิษิดิ์เดช จ้างอีจาง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 ม.2 ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม มือปืน กับนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี คนขับรถ จยย. ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.252/2558 ลงวันที่ 15 พ.ค. อยู่ระหว่างกดดันติดตามจับกุม
ส่วนอีกคดีคือคดียิงนายสมศักดิ์ หรือมด แสงทอง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/60 ม.5 ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม เสี่ยค้าสุกรชำแหละ และเป็นเซียนพนันตัวยงเสียชีวิตหน้าอาคารพาณิชย์เลขที่ 49/173 ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม (ตั้งเซียฮวด) ต่อมาจากการสืบสวนของตำรวจท้องที่ทราบว่าคนร้ายที่ยิงนายสมศักดิ์ หรือมด เสียชีวิต คือนายนคร หรือคิว แซ่ลิ้ม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ถ.บรรเจิดใจราช ต.นครปฐม และเตรียมเสนอขออนุมัติหมายจับ แต่นายนครเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค. โดยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยื่นประกันตัวออกไปเพื่อสู้คดี
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า สาเหตุที่นายสมศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิต เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปเล่นพนันกำถั่วในบ่อนใหญ่แห่งหนึ่งในจ.กาญจนบุรี ได้เงินหลายล้านบาท แต่ นักพนันที่เล่นด้วยเข้าใจว่านายสมศักดิ์โกง จึงตามมาทวงเงินและก่อเหตุยิงเสียชีวิต ซึ่งขณะที่นายสมศักดิ์ถูกยิง มีตำรวจชั้นประทวนสังกัดสภ.เมืองนครปฐม อยู่ด้วย แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเหตุเมื่อวันที่ 10 พ.ค. เวลาประมาณ 03.00 น. มีคนร้ายขี่จยย.ประกบยิงใส่รถฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน 3 กค 2821 กทม. เป็นเหตุให้นายปิยะศักดิ์ เตียนสำรวย อายุ 29 ปี เสียชีวิต ขณะที่ส.ต.ต.สหชาติ บาดเจ็บถูกส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ ลงนามคำสั่งตร. ที่ 295/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ (เพิ่มเติม) โดยในคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ตามคำสั่งตร. ที่ 293/2558 ลงวันที่ 24 พ.ค. 58 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจจำนวน 11 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) นั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. เพิ่มเติมจากคำสั่งดังกล่าวข้างต้น 10 นาย โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณาสั่งให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. 2558 เป็นต้นไป โดยให้ไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร. ก่อนเวลา 12.00 น. ของวันดังกล่าว ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.ไตรวิช น้ำทองไทย รองผบก.สืบสวนภาค 7 2.พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ ผู้กำกับสืบสวน 1 บก.ภูธรภาค 7 3.พ.ต.ท. สำราญ กลั่นมา รองผกก.สืบสวน 1 บก.ภูธรภาค 7 4.พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม รองผู้กำกับการสืบสวน บก.จว.นครปฐม 5.พ.ต.ต.ณรงค์ คุ้มไพร สารวัตรกก.สืบสวน 1 บก.สืบสวนสอบสวนภูธรภาค 7
6.พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สารวัตร กก.สืบสวน ภ.จว.นครปฐม 7.พ.ต.ท.อัมพร ลิ้มประสาท สารวัตร กก.สืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม 8.ร.ต.อ.สักกะ ศรีฟ้า สว.กก.สืบสวน ภูธรจังหวัดนครปฐม และข้าราชการสังกัดบก.ป. ประกอบด้วย 9.พ.ต.ท.วิรัชชาญ ขุนชัยแก้ว รองผกก. 5 บก.ป. 10.พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.5 บก.ป.