- Details
- Category: มหาดไทย
- Published: Monday, 05 August 2019 18:19
- Hits: 1932
มท.เน้นย้ำทำคำของบประมาณต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล ยึดพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
ณ ห้องประชุมราชสีห์ อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมหารือและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางพิมพร โอวาทสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ม.ร.ว. รณจักร์ จักรพันธ์ุ ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหาร กทม. และพัทยา เข้าร่วมด้วย
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทและนโยบายของรัฐบาลที่เสนอต่อรัฐสภา นอกจากนั้นในด้านเศรษฐกิจจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จึงขอให้เน้นการจัดทำแผนงาน/โครงการให้ตอบสนองกับเศรษฐกิจฐานรากและนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก หากแผนงาน/โครงการใดยังไม่สอดคล้องให้ปรับแผนให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว
ด้านนางพิมพร โอวาทสิทธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ได้ชี้แจงแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีปีงบประมาณ พ.ศ. 2563ให้ตรงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2562 พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยให้จัดทำตัวชี้วัดที่แสดงผลที่เกิดกับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และตอบสนองต่อความต้องการประชาชนที่ชัดเจน และให้คำนึงถึงความพร้อมการดำเนินงานเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้เน้นการพิจารณาการส่งเสริมด้านลดความเหลื่อมล้ำ เน้นเศรษฐกิจฐานราก ลดรวยกระจุก จนกระจาย ได้อย่างยั่งยืน
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้ความสำคัญกับงบประมาณในการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อลดความสูญเสียทรัพยกรบุคคลของประเทศ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บังคับใช้กฏหมาย เพื่อเพิ่มบทบาทไปยังระดับตำบล/ชุมชนในการสร้างจิตสำนึก การมีวินัยการใช้รถใช้ถนนตั้งแต่ท้องถิ่นขึ้นมา
ในท้ายสุด พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ให้คำนึงถึงการตอบสนองตามนโยบายรัฐบาล เศรษฐกิจฐานราก ความพร้อมการดำเนินงาน การให้ความสำคัญการดูแลระบบฐานข้อมูลภาครัฐของกระทรวงมหาดไทย โดยให้สามารถตอบสนองต่อประชาชนให้มากที่สุด
ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณในส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา รวม 12 หน่วยงาน และองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง ได้เสนอ คำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 เป็นวงเงินทั้งสิ้น 521,465 ล้านบาท ตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม.
มท.1 สั่งการ กทม. และทุกจังหวัด ดำเนินมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เสริมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2562 ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งได้รับบาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการตามมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ดังนี้
1) ให้กรุงเทพมหานคร จังหวัด และอำเภอ ติดตามสถานการณ์และประสานกับหน่วยงานตำรวจ ทหาร ในพื้นที่ พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วน อาทิ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ อาสาสมัคร นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ บริษัทเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจให้เช่าที่พักและร้านอาหาร และภาคประชาชน ร่วมกันสอดส่องดูแลและเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติในสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยว ท่าอากาศยาน สถานีขนส่ง และจุดที่มีประชาชน/นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติรวมตัวเป็นจำนวนมาก และหากพบสิ่งผิดปกติให้แจ้งรายละเอียดสำคัญต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
2) บูรณาการการปฏิบัติร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายพลเรือน ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครประเภทต่าง ๆ จัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด ควบคู่กับการอำนวยความสะดวกประชาชนในทุกพื้นที่
3) ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
4) หากปรากฏสถานการณ์ฉุกเฉินให้กรุงเทพมหานครและจังหวัด รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบโดยทันที
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำชับข้าราชการและบุคลากรในสังกัดร่วมมือกับประชาชนดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศในด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญต่าง ๆ อย่างรอบคอบและรัดกุม ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
มท.1 สั่งการผู้ว่าฯ รับมืออุทกภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ย้ำ "ต้องช่วยเหลือประชาชนได้ทันที"
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้ติดตามสภาพอากาศในห้วงปัจจุบันและมีข้อห่วงใยถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีอุทกภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศฉบับที่ 12 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ที่จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน และอาจส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ รวมทั้งจะได้รับผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ในช่วงวันที่ 1 – 6 สิงหาคม 2562 ซึ่งจะทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง คลื่นสูง 2 – 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการ ดังนี้
1) แจ้งเตือน สร้างการรับรู้ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยทราบถึงสถานการณ์ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัยผ่านช่องทางการสื่อสารในทุกช่องทาง รวมทั้งกำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย รองรับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ
2) ติดตามและประเมินสถานการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และหากมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ ให้สั่งการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่จัดเตรียมไว้โดยทันที พร้อมมอบหมายหน่วยงานเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการดำรงชีพตามอำนาจหน้าที่โดยเร็ว
3) สำหรับจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายทะเล ให้ประสานการปฏิบัติกับกรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดในการห้ามการเดินเรือออกจากหรือเข้ามายังฝั่งในช่วงที่คลื่นลมแรงโดยเคร่งครัด และให้สื่อสารแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวระมัดระวัง และห้ามลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดต้องดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปตามแผนเผชิญเหตุตามแนวทางการจัดการสาธารณภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายต้องตัดสินใจได้ และดำเนินการเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งสายด่วนสาธารณภัย โทร. 1784 เพื่อขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง.
Click Donate Support Web