- Details
- Category: ยาเสพติด
- Published: Friday, 29 April 2022 17:06
- Hits: 2383
สมศักดิ์ ประชุมภาคี เมียนมา แก้ปัญหายาเสพติดสามเหลี่ยมทองคำ ขอบคุณเมียนมาส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดนภายใต้โครงการ ‘Most wanted’ ชี้ความร่วมมือต้องมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำลายองค์กรยาเสพติด
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิชัยไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ให้การต้อนรับ พลโท โซทุฑ์ (Lieutenant General Soe Htut) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและประธานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Central Committee for Drug Abuse Control: CCDAC) พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย (Pol. Brig. Gen. Win Naing) ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดและเลขาธิการร่วมคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดพร้อมคณะผู้บริหารของ CCDAC เพื่อเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีไทย - เมียนมา เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 23 ณ สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง
โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการควบคุมยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำภายใต้ปฏิบัติการ 1511 ความร่วมมือระหว่างประเทศในการทำลายเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ รวมถึงแนวทางประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ของไทยที่มุ่งทำลายโครงสร้างองค์กรยาเสพติดโดยใช้แนวทางการสืบสวนทางการเงิน การยึดทรัพย์ และการปรับมุมมองต่อผู้เสพยาเสพติด โดยมุ่งเน้นการรักษาแทนการกำหนดโทษทางอาญา ตามผลของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก ค.ศ. 2016 หรือ UNGASS 2016
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวขอบคุณ CCDAC ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการคุมตัวและส่งตัวนายธวัชชัย อ้อมชมภู หรือ บังลาย ผู้ต้องหาคดียาเสพติดระดับผู้สั่งการ ที่ลักลอบนำยาเสพติดมายังไทยและผ่านไปยังประเทศที่สาม โดยส่งตัวจากเมียนมา มาดำเนินคดีที่ไทยภายใต้โครงการ Most Wanted ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งจัดการผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญที่หลบหนีหมายจับไปยังต่างประเทศ โดยมีเงินรางวัลนำจับเป็นรางวัลเพื่อจูงใจให้แก่พนักงานที่จับกุม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ย้ำว่าความร่วมมือเช่นนี้จะต้องมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด จะต้องถูกจับกุมและลงโทษอย่างเด็ดขาด
จากการหารือความร่วมมือด้านการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย ภายใต้แผนปฏิบัติการ 1511 ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างเชื่อว่าสถานการณ์ยาเสพติดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำจะยังมีความรุนแรง ซึ่งจากข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งผลิต กลยุทธ์ในการสกัดกั้นสารเคมี สารตั้งต้น เพื่อสกัดกั้นให้สารตั้งต้นเข้าสู่แหล่งผลิตน้อยที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนยันว่าจะเฝ้าระวังสกัดกั้นสารตั้งต้นและยาเสพติด บริเวณชายแดนอย่างเข้มแข็งเพื่อกดดันกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การประชุมในครั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของร่วมมือระหว่างประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอาเซียน ที่ต้องมีความร่วมมือ ร่วมใจ ในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้สามารถตัดวงจรยาเสพติดได้เด็ดขาด โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มีบทบาทในประเทศไทยกับเมียนมาซึ่งทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอความร่วมมือในการติดตามนักค้ายาเสพติดชาวไทยที่มีหมายจับและทราบว่าได้หลบหนีการจับกุมไปยังเมียนมาตามโครงการประกาศสืบจับ ‘Most wanted’
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Central Committee for Drug Abuse Control: CCDAC) ได้กล่าวขอบคุณฝ่ายไทยว่าที่ผ่านมาได้สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ ในการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงความร่วมมือในการจัดทำโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่หนองตะยา อำเภอพินเลย รัฐฉาน และจังหวัดท่าขี้เหล็ก และเห็นด้วยในการพัฒนาความร่วมมือเช่นนี้ต่อไป
โดยชี้ว่า การสกัดกั้นการลำเลียง สารตั้งต้น เพื่อไม่ให้เข้าถึงแหล่งที่ผลิตซึ่งที่ผ่านมา เมียนมาสามารถยึดสารตั้งต้นได้จำนวนมาก จะไม่สามารถประสบผลสำเร็จหากทำงานประเทศเดียวเพียงลำพัง จึงเห็นควรที่ต้องยกระดับของการแลกเปลี่ยนข้อมูลเช่นนี้ต่อไป เช่นเดียวกับการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ และเทคโนโลยี ที่ได้รับความร่วมมือจากประเทศไทยเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และหวังว่าความร่วมมือและสัมพันธภาพระหว่างสองประเทศจะมั่นคงและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น