- Details
- Category: สภาอุตสาหกรรม
- Published: Wednesday, 30 July 2014 23:22
- Hits: 4406
แนะดึงเอกชนร่วมสนช.แก้กม.ธุรกิจ อ้างช่วยฟื้นเชื่อมั่นศก.มั่นใจ 58 จีดีพีโตกว่า 5%
ไทยโพสต์ : สีลม * ส.อ.ท.แนะแนวทางฟื้นฟูความเชื่อมั่นเศรษฐกิจอุตสาห กรรมประเทศ ชี้ควรให้เอกชนมีส่วนร่วมกับ สนช.แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคทางธุรกิจกว่า 100 ฉบับ พร้อมช่วยสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยในสายตาต่างชาติ ระบุยังมั่นใจส่งออกทะลุ 3% จีดีพีโต 2.5% ด้าน "สุรเกียรติ์" แนะดึงต่างชาติช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชัน สร้างธรรมาภิบาลให้รัฐและเอกชน มั่นใจปี 58 จีดีพีโตกว่า 5%
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประ ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในงานสัมมนา "Thailand is Back" ฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยว่า ส.อ.ท.ได้เร่งสร้างความ เชื่อมั่นกับนักลงทุนทั้งในประ เทศและต่างประเทศ โดยร่วม มือกับคณะกรรมการร่วมภาค เอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เข้า ไปหารือเจาะลึกในแต่ละประ เทศ ขณะที่สภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทยได้หารือกับประ ธานหอการค้าต่างประเทศมา โดยตลอด เพื่อให้เข้าใจสถาน การณ์ที่แท้จริงของประเทศไทย
พร้อมกันนี้ ส.อ.ท.จะร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) และภาครัฐ ทยอยเสนอมาตรการแก้ไขกฎหมาย รวมทั้งอุปสรรคการดำเนินธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย เช่น กฎระเบียบศุลกากร แก้ปัญหาภาษีซ้ำซ้อน การออกใบอนุญาตต่างๆ และเรื่องแรงงาน เป็นต้น โดยได้ขอให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการแก้ไขกฎหมายกว่าร้อยฉบับที่เป็นอุป สรรคเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยนั้นเชื่อว่าการส่งออกยังไม่น่าเป็นห่วง โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปี 2557 จะโต 3-3.5% และเศรษฐกิจประเทศจะขยายตัวประมาณ 2.5% ส่วนตลาดภายในประเทศความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา 80-90% แล้ว แต่จะต้องดูเดือนต่อเดือนว่าจะปรับตัวอย่างไร ด้านกำลังซื้อภายในประเทศจะต้องรอให้มีโครงการลงทุนเข้ามาเพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาเงินก้อนแรกจากการจ่ายเงินจำนำข้าวให้ชาวนาได้เข้ามาแล้ว และช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้ในระดับหนึ่ง
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และประธานคณะมนตรีเพื่อสันติภาพ และการปรองดองแห่งเอเชีย กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศกำลังจับตามองโรดแม็พเศรษฐกิจที่ คสช.วางไว้ จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทุกภาคส่วนกำลังร่วมกันปฏิรูปประเทศ แต่จะต้องขอความร่วมมือสนับสนุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมปฏิรูปด้วย โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชัน การถ่วงดุลระหว่างเอกชนกับภาครัฐ การมีธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งประสบความสำเร็จ ก็ควรเข้ามาร่วมมือกับไทยในเรื่องดังกล่าว
สำหรับ ปัญหาทางเศรษฐ กิจที่ยังต้องเร่งแก้ไข ก็คือการฟื้นฟูการท่องเที่ยว เนื่องจากยังมีปริมาณต่ำกว่าปี 2556 ที่ผ่านมา 4-5 แสนคน และการส่งออกที่แม้ว่าในเดือน มิ.ย.2557 จะดีขึ้น และหากใน 6 เดือนหลังของปี 2557 จะมียอดเติบโต 5-6% ต่อเดือน แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่จะดึงเศรษฐกิจประเทศกลับมาได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเอสเอ็มอีที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตลอดจนการสร้างความเข้มแข็งเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่ยังเหลือเวลาเตรียมตัวอีกไม่มาก ขณะที่มาตรการช่วยเหลือชาวนาก็ดีขึ้นพอสมควร แต่จะต้องช่วยคนยากจน เพื่อแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกมา เช่น การเร่งอนุมัติโครงการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการเร่งรัดใบ รง.4 จะช่วยให้เกิดการจ้างงานเพิ่ม และจะส่งผลต่อจีดีพีของไทยในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้าย และดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2558 ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปี 2558 จะเติบโตได้ 5%.