- Details
- Category: สภาอุตสาหกรรม
- Published: Wednesday, 08 April 2015 22:37
- Hits: 2982
กกร.หั่นเป้าส่งออกโต 1% เอกชนตบเท้าถก 'หม่อมอุ๋ย' เร่งเครื่อง ศก. 9 เม.ย.
บ้านเมือง : กกร.ลดเป้าส่งออกเหลือโตไม่เกิน 1% เหตุเศรษฐกิจโลกผันผวน ส่งออกติดลบ ระบุคงจีดีพีปีนี้โต 3.5% หวังเม็ดเงินงบประมาณลงทุนรัฐและเอกชนช่วงไตรมาส 3-4 การท่องเที่ยวช่วยฟื้นฟู เตรียมตบเท้าถก "หม่อมอุ๋ย" หามาตรการเร่งเครื่อง ศก. 9 เม.ย.นี้ไทย ขณะที่เอกชนชงแนวทางส่งออกให้ ก.พาณิชย์
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย แถลงผลการประชุมเดือนเมษายน 2558 ว่า กกร.ได้พิจารณาคงเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ปี 2558 ไว้ที่ระดับ 3.5% คงเดิมแต่ปรับลดการส่งออกทั้งปีเหลือโตไม่เกิน 1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตระดับ 3.5% โดย GDP ที่คงเป้าไว้เนื่องจากแม้ว่าทิศทางส่งออกจะลดลงซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกแต่ปัจจัยส่งออกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ GDP ซึ่งพบว่างบประมาณการลงทุนของภาครัฐจะเห็นผลช่วงไตรมาส 3-4 ขณะที่การท่องเที่ยวที่โต 29% จะเป็นปัจจัยหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
"แม้ว่าการท่องเที่ยวจะมีปัญหาเรื่ององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศไทยหรือไอซีเอไอเป็นปัญหาระยะสั้น ยังเชื่อมั่นว่าตลอดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน งบประมาณรัฐที่มีการเบิกจ่ายก็น่าจะเห็นผลและเอกชนก็จะมีการลงทุนตามมากกร.จึงมอง GDP ยังเป็นภาพบวกอยู่ ส่วนส่งออก 2 เดือนที่ต่ำและแนวโน้มส่งออกหลายประเทศก็ยังไม่ฟื้นตัวยกเว้นสหรัฐอเมริกาจึงยังมีแนวโน้มไม่สู้ดี"นายสุพันธุ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 9 เม.ย.นี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องไปหารือถึง
แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งขณะนี้ กกร.ได้ร่วมกันผลักดันเพื่อคัดเลือกกลุ่มหรือ Cluster อุตสาหกรรมที่มีอนาคตและมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้โดยจัดทำเป็นลักษณะ Value Chain ของ Cluster เพื่อคัดเลือกในการส่งเสริมฯ เร่งด่วนในปีนี้เช่น ท่องเที่ยวบริการเชิงสุขภาพ เกษตรและอาหาร ยางและไม้ยางพารา เป็นต้น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรสภาหอฯจะหารือถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งพืชเกษตรโดยเฉพาะการส่งเสริมนาข้าวมาปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งที่ผ่านมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยเห็นชอบที่จะชดเชยค่าล้มคันนาเพื่อการส่งเสริมฯหันมาปลูกพืชอื่นไร่ละ 1,000 บาทแต่เงินดังกล่าวไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทำให้โรงงานน้ำตาลเองยังไม่สามารถส่งเสริมการปลูกอ้อยในส่วนนี้ได้ ซึ่งเงินส่วนนี้จะกระตุ้นการใช้จ่ายได้
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า กกร.เตรียมเข้าหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เพื่อร่วมผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจะคัดเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมคลัสเตอร์ที่มีผลนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และมีมูลค่าเพิ่ม สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค เพื่อดำเนินการระยะเร่งด่วนภายในปีนี้ อาทิ กลุ่มเกษตรและอาหาร การท่องเที่ยวบริการเชิงสุขภาพ กลุ่ม Digital Economy การขนส่งสินค้า กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำหารือในคณะอนุกรรมการการพัฒนา Cluster ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
สำหรับ ปัญหาการส่งออกของไทยที่ชะลอตัวนั้น ภาคเอกชนเตรียมที่จะเสนอแนวทางให้กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการส่งออกมากขึ้น ทั้งการขยายฐานตลาดใหม่ หรือในประเทศที่ยังมีการส่งออกน้อยรวมทั้งเน้นเรื่องการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน โดยปัญหาการส่งออกมาจากภาคการเกษตรที่มีราคาผลผลิตตกต่ำ ทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง และทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า แม้ภาคการส่งออกที่ลดลง แต่ไม่พบสัญญาณการเลิกจ้างแรงงานของภาคอุตสาหกรรมที่หลายฝ่ายกังวล มีเพียงการชะลอจ่ายค่าล่วงเวลาหรือ OT เพื่อลดต้นทุนการผลิต
ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชน จะมีการเข้าไปลงในเขตเศรษฐกิจพิเศษในช่วงปลายปีนี้ ส่วนโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถเริ่มลงทุนได้ในปีนี้อีกทั้ง ล่าสุดภาครัฐได้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณแล้วกว่าประมาณ 43% หรือคิดเป็น 1,096 พันล้านบาท ซึ่งโครงการลงทุนภาครัฐจะเห็นความชัดเจนได้ในปลายไตรมาส 2 และต้นไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะเป็นส่วนที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้