- Details
- Category: สภาอุตสาหกรรม
- Published: Tuesday, 07 April 2015 22:18
- Hits: 3174
กกร.ยังคงเป้า GDP ปีนี้โต 3.5% แม้ปรับลดเป้าส่งออกเหลือโต 1%
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ระบุว่า กกร.ได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกปีนี้เหลือโตไม่เกิน 1% จากเดิมที่คาด 3.5% เนื่องจากสถานการณ์การฟื้นตัวของภาคส่งออกยังหดตัวติดต่อกันสองเดือน อันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป ญี่ปุ่นและจีน ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่ผู้ส่งออกไทยยังคงต้องเผชิญอยู่ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม กกร.ยังประเมินการเติบโตของ GDP ปีนี้ไว้ที่ 3.5% โดยภาพเศรษฐกิจยังคงมีทิศทางฟื้นตัวอย่างช้าๆ ด้วยปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าโต 29% โดยคาดว่าตลอดทั้งปี จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน ส่วนปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศไทย (ICAO) นั้น มองว่าเป็นปัญหาระยะสั้น
ขณะที่ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนซึ่งนับว่าเป็นความหวังของการฟื้นตัวเศรษฐกิจในช่วงปีที่เหลือ กลับยังเบิกจ่ายได้ต่ำกว่าในอดีตและเป้าที่ภาครัฐวางไว้มาก โดยมีความคาดหวังจะเห็นอัตราการเบิกจ่ายที่เร่งตัวขึ้นในไตรมาสถัดๆไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง จากงบประมาณปี 2558 มีวงเงินงบประมาณ 2,575 พันล้านบาท (เบิกจ่ายสะสม 1,096 พันลบ. หรือคิดเป็น 43% ของงบประมาณรวม)
นอกจากนี้ กกร.ให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพภาครัฐ หรือ Ease of Doing Business โดยได้จัดทำ Benchmark ของแต่ละตัวชี้วัด เช่น การจัดตั้งธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การจดทะเบียนมาตรฐานบังคับและการออกมาตรฐานต่างๆของสินค้าอุตสาหกรรม การเสียภาษี การนำเข้า-ส่งออก และ ใบอนุญาตทำงานและ Visa เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการติดตามและผลักดันให้เกิดการปรับปรุง ซึ่งจะสามารถลดระยะเวลาและต้นทุนของภาคธุรกิจโดยรวม โดย กกร.ร่วมกับ JETRO กำหนดจัด Invest Japan Symposium ในวันที่ 27 พ.ค.58 เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจไทย ที่สนใจเข้าไปทำธุรกิจหรือลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับความสนใจของภาคเอกชนไทยที่จะขยายธุรกิจการค้าการลงทุนไปยังประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ กกร.จะได้จัดทำ Value Chain ของ cluster ที่ได้คัดเลือกเพื่อดำเนินการในระยะเร่งด่วน(ภายในปีนี้) ได้แก่ เกษตรและอาหาร (ที่เป็นอนาคต) ท่องเที่ยวและบริการเชิงสุขภาพ (wellness)Digital Economy, Logistics, Lifestyle, ยางและไม้ยางพารา, Machinery, ชิ้นส่วนยานยนต์ การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การพัฒนาตลาดการเงิน-ธนาคารและตลาดทุนเพื่อนำหารือในคณะอนุกรรมการการพัฒนา Cluster ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
โดยในวันที่ 9 เม.ย.จะได้หารือแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศร่วมกับม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี
อินโฟเควสท์
กกร.ลดเป้าส่งออกโตไม่เกิน 1% จ่อถก'หม่อมอุ๋ย'กระตุ้นศก.9 เม.ย.
แนวหน้า : นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร.ที่ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย แถลงผลการประชุมเดือนเมษายน 2558 ว่า ที่ประชุมได้สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ว่าภาพเศรษฐกิจยังคงมีทิศทางฟื้นตัวอย่างช้าๆ ด้วยปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่สามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องโดยโตอยู่ที่ 29% และจะเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจปีนี้ โดยคาดว่าตลอดปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน ขณะที่การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ กกร. ยังได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์การฟื้นตัวของภาคส่งออกที่หดตัวติดต่อกันสองเดือน อันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป ญี่ปุ่นและจีน ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่ผู้ส่งออกไทยยังคงต้องเผชิญอยู่ในปีนี้ รวมทั้งภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐโดยเฉพาะในส่วนของงบลงทุนซึ่งนับว่าเป็นความหวังของการฟื้นตัวเศรษฐกิจในช่วงปีที่เหลือ กลับยังเบิกจ่ายได้ต่ำกว่าในอดีตและเป้าที่ภาครัฐวางไว้มาก โดยมีความคาดหวังจะเห็นอัตราการเบิกจ่ายที่เร่งตัวขึ้นในไตรมาสถัดๆไปเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนยังคงพอไปได้ โดยจะมีการเข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษช่วงปลายปีนี้ ขณะที่โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ได้รับอนุมัติช่วงปลายปีที่แล้วคาดว่าจะเริ่มลงทุนปีนี้
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ทาง กกร.ได้พิจารณาคงเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ปี 2558 ไว้ที่ระดับ 3.5% คงเดิมแต่ปรับลดการส่งออกทั้งปีเหลือโตไม่เกิน 1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตระดับ 3.5% โดย GDP ที่คงเป้าไว้เนื่องจากแม้ว่าทิศทางส่งออกจะลดลงซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกแต่ปัจจัยส่งออกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ GDP ซึ่งพบว่างบประมาณการลงทุนของภาครัฐจะเห็นผลช่วงไตรมาส 3- 4 ขณะที่การท่องเที่ยวที่โต 29% จะเป็นปัจจัยหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
นายสุพันธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องไปหารือถึงแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งขณะนี้ กกร.ได้ร่วมกันผลักดัน เพื่อคัดเลือกกลุ่มหรือ Cluster อุตสาหกรรมที่มีอนาคตและมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้โดยจัดทำเป็นลักษณะ Value Chain ของ Cluster เพื่อคัดเลือกในการส่งเสริมฯเร่งด่วนในปีนี้เช่น ท่องเที่ยวบริการเชิงสุขภาพ เกษตรและอาหาร ยางและไม้ยางพารา ชิ้นส่วนยานยนต์ การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การพัฒนาตลาดการเงิน-ธนาคารและตลาดทุน เป็นต้น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การหารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร สภาหอฯจะหารือถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งพืชเกษตรโดยเฉพาะการส่งเสริมนาข้าวมาปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ซึ่งที่ผ่านมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เคยเห็นชอบที่จะชดเชยค่าล้มคันนาเพื่อการส่งเสริมฯหันมาปลูกพืชอื่นไร่ละ 1,000 บาทแต่เงินดังกล่าวไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทำให้โรงงานน้ำตาลเองยังไม่สามารถส่งเสริมการปลูกอ้อยในส่วนนี้ได้ ซึ่งเงินส่วนนี้จะกระตุ้นการใช้จ่ายได้