- Details
- Category: สภาอุตสาหกรรม
- Published: Tuesday, 04 November 2014 00:01
- Hits: 4726
สอท.มองปีหน้าส่งออกโต 2.5%ส่อฉุดจีดีพีโตต่ำกว่าเป้าหมาย เร่งรัฐอัดงบลงทุน-หาตลาดใหม่ เพิ่มค้าชายแดน
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปี 2558 จะเป็นอีกปีที่ภาคเอกชนต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศโดยเฉพาะภาคส่งออก ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐจึงเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนซึ่งรัฐควรพิจารณาประเด็นสำคัญ หากต้องการให้การเติบโตของจีดีพี ในปี 2558 โตได้ในระดับ 4 - 4.5%
"การส่งออกปีหน้าทางสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือมองไว้ว่าจะโตประมาณ 2.5% ถ้าส่งออกโตระดับนี้ก็ยากนะที่จีดีพีจะโตได้ระดับ 4% เพราะยอดการส่งออกคิดเป็น 60% กว่าๆ ของจีดีพี แต่หากรัฐเร่งผลักดันองค์ประกอบอื่นๆ ก็คาดว่าจีดีพีจะดีขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้" นายวัลลภ กล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการ คือ 1.การอัดงบประมาณให้เป็นไปตามมาตรการที่วางไว้เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างรวดเร็วและโปร่งใส ซึ่งต้องยอมรับว่า การอัดฉีดงบประมาณในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้รวมกว่า 3.6 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะเบิกจ่ายจริงไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างที่ต้องใช้เวลา หากรัฐสามารถเร่งเบิกจ่ายจุดนี้ได้ก็จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น2.การเปิดตลาดใหม่ โดยรัฐควรเร่งออกโรดโชว์และแสวงหาความร่วมมือเพิ่มขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ตลาดหลักๆ ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น ต่างก็อยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งยังต้องติดตามสถานการณ์ในยูเครน และปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทำให้ต้องเร่งมองหาตลาดใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มเติม ซึ่งก็ได้แก่ รัสเซีย ที่ขณะนี้ไทยมีมูลค่าการส่งออกไปแล้วประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนโอกาสที่ยังเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ก็ยังมีตลาดส่วนของบราซิล เปรู ชิลี รวมถึงการเจรจาเขตการค้าเสรีหรือ FTA กับประเทศต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.การผลักดันตลาดสินค้าชายแดนซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะมีมูลค่าการค้าชายแดนแตะที่ระดับ9.9 แสนล้านบาท ถือเป็นการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ในจุดนี้หากรัฐเร่งดำเนินการเปิดตลาดเพิ่มโดยกระจายไปยังหัวเมืองสำคัญๆ ลดการค้าผ่านพ่อค้าคนกลางได้ก็จะเพิ่มมูลค่าการส่งออกอีกได้มาก โดยเชื่อมั่นว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้าตัวเลขการส่งออกสินค้าชายแดนจะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาทได้ไม่ยากส่วนกรณีที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติผ่อนผันการใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือในกิจการที่ได้รับการส่งเสริมซึ่งจะสิ้นสุดภายใน31 ธ.ค. 2557 ในเรื่องนี้ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ทำเรื่องเสนอไปยังบีโอไอเพื่อขอผ่อนผันหรือหาแนวทางการใช้แรงงานต่างด้าวใหม่ให้กับอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงาน ซึ่งเอกชนกำลังรอคำตอบนี้อยู่
ก่อนหน้านี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนก.ย.2557 มีมูลค่า 19,912.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.19% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.2556 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบ 2 เดือน หลังจาก เดือน ก.ค.มีตัวเลขติดลบ 0.85% และเดือนส.ค.ที่ติดลบ 7.40% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 21,711.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.42% ส่งผลให้ประเทศไทยขาดดุลการค้า 1,798.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการส่งออกในช่วง 9 เดือนของปี 2557 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 170,456.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 0.85% การนำเข้าในรอบ 9 เดือน มีมูลค่า 171,974.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,517.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สาเหตุที่การส่งออกของไทยกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรส่งออกเพิ่ม 2.8% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม กลับขยายตัวลดลงไม่มากเพียง 0.4%แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลืออีก 3 เดือนของปีนี้ ประเมินว่า หากส่งออกได้ประมาณเดือนละ 19,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้การส่งออกทั้งปีกลับมาเป็นบวกได้ โดยเดือนต.ค. การส่งออกน่าจะขยายตัวติดลบหรือบวกเล็กน้อย เพราะฐานปีที่แล้วยังสูงอยู่ แต่ 2 เดือนสุดท้าย คือ เดือนพ.ย.และธ.ค. น่าจะขยายตัวเป็นบวกได้แน่นอนขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า เป้าหมายการส่งออกในปี 2558 ที่ได้จากการประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งเป้าไว้เบื้องต้นว่าจะขยายตัวประมาณ 4-5%
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย