- Details
- Category: หอการค้า
- Published: Thursday, 04 February 2021 23:06
- Hits: 12475
ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Modern Trade ไตรมาสที่ 4 ปี 2563 อยู่ที่ระดับ 47.3 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 3 ปี 2563 อยู่ที่ 47.4
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยโดยคุณสุรง บูลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และคุณชลิดา จันทร์สิริพงศ์ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้แทนคณะกรรมการกลุ่มค้าปลีกค้าส่ง เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Modern Trade ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2563 พบว่าอยู่ที่ระดับ 47.3 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 3 ปี 2563 อยู่ที่ 47.4 เป็นจากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ โดยผู้ประกอบการกังวลเรื่องของต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการดูแลความปลอดภัยลูกค้าและพนักงาน ยอดขายโดยรวมลดลงตามกำลังซื้อที่ลดลงของลูกค้าทั้งภายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่หายไป
รวมทั้งการแข่งขันด้านการค้าออนไลน์ที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการเสนอรัฐบาลเร่งการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกระตุ้นใช้จ่ายผ่านมาตรการภาครัฐ อาทิ ช้อป ดี มีคืน โดยขยายระยะเวลาพร้อมเพิ่มวงเงินในการใช้จ่าย การปล่อยสินเชื่อซอฟโลนให้ผู้ค้ารายย่อยที่เป็นผู้เช่าผ่านระบบคัดกรองของธุรกิจค้าปลีกซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่องธุรกิจ SMEs และลดความเสี่ยงจากการเกิดหนี้เสียโดยการหักชำระหนี้จากบัญชีคู่ค้าที่มีกับโมเดินเทรด รวมทั้งการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับโมเดิร์นเทรด เช่น ค่าสาธารณูปโภค ลดอัตราภาษีนิติบุคคล ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีเงินสดหมุนเวียนเพิ่มขึ้น การสนับสนุนค่าจ้าง50% ให้กับโซนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อรักษาสถานภาพการจ้างงานในภาคค้าปลีกและภาคบริการไว้ ตลอดจนการพิจารณาเงื่อนไขการจ้างแรงงานรายชั่วโมงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในช่วงเวลาที่มีการใช้บริการสูงอีกทั้งยังเป็นรองรับแรงงานที่ตกงานจากธุรกิจอื่นๆ นอกนี้ผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรดยินดีเปิดพื้นที่ให้บริการสำหรับการดำเนินโครงการภาครัฐ เช่น จุดรับลงทะเบียนผู้เข้าร่วมโครงการเราชนะ การเป็นจุดกระจายสินค้าเกษตรซึ่งสามารถดำเนินการได้ทั้งปีไม่ใช่เพียงช่วงสินค้าล้นตลาด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://cebf.utcc.ac.th/.../index.../file_th_449d03y2021.pdf
ดัชนี เชื่อมั่น Modern Trade Q4/63 ลดลง กังวลโควิดรอบใหม่ฉุดกำลังซื้อ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Modern Trade (Modern Trade Sentiment Index : MTSI) ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2563
ซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการในธุรกิจ Modern Trade จำนวน 112 ตัวอย่าง ทั้งร้านสะดวกซื้อ, ห้างสรรพสินค้า, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และไฮเปอร์มาร์ท ในช่วงวันที่ 23 ธ.ค.63 – 18 ม.ค.64 พบว่า ดัชนี MTSI ในไตรมาส 4/63 อยู่ที่ระดับ 47.3 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 3/63 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 47.4
สำหรับ ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ Modern Trade ในช่วงไตรมาส 4/63 นี้มีหลายปัจจัย ประกอบด้วย
ความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ที่ระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและบริการต่างๆ
การยกเลิกจัดงานปีใหม่ในหลายพื้นที่ และการยกเลิกการจองที่พักในช่วงปลายปี
ความกังวลต่อการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจประสบปัญหา หรือแรงงานขาดรายได้
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงอย่างมากจากการล็อกดาวน์
เสถียรภาพด้านการเมืองที่ไม่มั่นคง นำมาซึ่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
การแข่งขันของธุรกิจ E-commerce
ภาระหนี้สินของครัวเรือน
อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศ 9.ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้การบริโภคยังไม่ขยายตัว
ขณะที่ปัจจัยบวก ได้แก่
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวันหยุดราชการเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้มีวันหยุดยาว 19-22 พ.ย.63 และ 10-13 ธ.ค.63 และยังช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
ภาครัฐดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ประกอบไปด้วยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและประคับประคองเศรษฐกิจไทย
มาตรการดูแลเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการ
การขยายตัวของธุรกิจ E-commerce
- ครม. มีมติขยายโครงการเยียวยาเพิ่มเติมด้วยการอนุมัติวงเงินเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น
- ครม. มีมติอนุมัติงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวไทย แบบ New Normal
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 0.50% ต่อปี
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ประกอบการ Modern Trade ถึงปัญหาต่อการทำธุรกิจในปัจจุบัน มี 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย ด้านแรก ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ จำนวนลูกค้าทั้งในประเทศ (รายย่อย และผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรม) และนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง กำลังซื้อและความถี่ในการซื้อลดลง ต้นทุนในการดำเนินงานสูงขึ้นจากการดูแลความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน ด้านที่สอง ปัญหาจากการบริหารจัดการธุรกิจทั้งด้านการวางแผนการสั่งซื้อสินค้า ด้านการจัดสรรบุคลากร การบริหารกระแสเงินสด การขยายสาขา และการลงทุน ด้านที่สาม การพัฒนาธุรกิจการสั่งซื้อออนไลน์ให้ทันกับความต้องการของลูกค้า
โดยผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ดังนี้
เร่งแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ให้เร็วที่สุด
มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยลดค่าใช้จ่ายภาคค้าปลีกและภาคบริการโดยเร่งด่วน เช่น ลดค่าน้ำค่าไฟ 50% นาน 1 ปี, นำค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิ-19 มาลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่า, พิจารณางดเว้นการเก็บภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดินประจำปี 63-65, ขยายระยะเวลาการนำผลขาดทุนสุทธิยกมาจากเดิมไม่เกิน 5 รอบ เป็น 8 รอบระยะเวลาบัญชี
เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ 4.สนับสนุนให้ธุรกิจค้าปลีกได้มีส่วนร่วมในโครงการของรัฐบาล
พร้อมกันนี้ ผู้ประกอบการยังมีข้อเสนอแนะด้านนโยบายหรือมาตรการที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ Modern Trade โดยรวม ประกอบด้วย
กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศในโครงการช้อปดีมีคืน โดยเพิ่มวงเงินเป็น 50,000 บาท ในไตรมาส 1 ปี 64
การสนับสนุนบริษัทเอกชนในการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการเสริมมาตรการป้องกันโควิด เช่น ให้นำมาหักค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีธุรกิจได้ 2 เท่า
การส่งเสริมแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจค้าปลีกและบริการ และผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นผู้เช่าลดภาษีนิติบุคคลจาก 20% เป็น 10% เป็นเวลา 3 ปี หรือเลื่อนการจ่ายภาษี เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย, ภาษีนิติบุคคลประจำปี เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องของธุรกิจค้าปลีก
เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนค่าจ้าง 50% ให้กับโซนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี ภูเก็ต เพื่อรักษาสถานภาพการจ้างงานในภาคค้าปลีกและภาคบริการไว้ โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทฯ ต้องไม่ให้พนักงานออก หรือไม่ภาคค้าปลีกและภาคบริการนำค่าใช้จ่ายค่าจ้างแรงงานมาหักภาษีได้ 3 เท่าในปี 63-65 6.อนุมัติการจ้างงานรายชั่วโมง เพื่อสนับสนุนการจ้างงานเพิ่ม
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ