- Details
- Category: หอการค้า
- Published: Thursday, 22 May 2014 22:53
- Hits: 5014
หวังการเมืองจบก่อน ก.ย.เอกชนหารือนัดพิเศษประเมินเศรษฐกิจชาติปีนี้
บ้านเมือง : เอกชนหารือนัดพิเศษหลังประกาศกฎอัยการศึก หวังเห็นสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติก่อนกันยายน พร้อมประเมินจีดีพีปีนี้ในการประชุมหอการค้าไทยครั้งต่อไป และไม่ตอบกรณีนายกฯ คนกลาง ยันต่างชาติร่วมออกงานตรึม
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยนัดพิเศษเพื่อหารือถึงการประกาศกฎอัยการศึกว่า เบื้องต้นมองว่าจะส่งผลดีต่อประเทศชาติ เพราะเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์การเมืองของไทยกลับเข้าสู่ความสงบมากขึ้น และสามารถนำพาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งภาคเอกชนคาดหวังที่จะเห็นการยกเลิกกฎอัยการศึกและสถานการณ์ต่างๆ กลับมาเป็นปกติโดยเร็วก่อนเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ยังต้องการเห็นประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจในการบริหารประเทศแบบเต็มรูปแบบโดยเร็วที่สุด เพื่อผลักดันให้ภาคเอกชนสามารถเดินหน้าทำธุรกิจ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป แต่ยังไม่สามารถประเมินภาวะเศรษฐกิจปีนี้ว่าจะขยายตัวดีขึ้นมากน้อยเพียงใด คงต้องรอการประชุมหอการค้าทั่วประเทศสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ก่อน แต่มั่นใจว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นแบบใดนั้น ภาคเอกชนไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ได้ คงต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองจะเป็นผู้จัดการในเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเร็วๆ นี้ หอการค้าไทยจะนำผู้ประกอบการไทยเดินทางไปโรดโชว์ 3 ประเทศหลัก ประกอบด้วย เวียดนาม, อินโดนีเซีย และปากีสถาน เพื่อขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทย แต่การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมายอมรับว่ามีผลกระทบกับการส่งออกบ้างแล้ว และมองว่าการที่ทหารออกมามีบทบาททางการเมืองน่าจะส่งผลดี ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ในขณะนี้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติไม่ได้แสดงท่าทีกังวลกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งเห็นได้จากการเดินทางเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้าร่วมงานจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าไม่มีผลกระทบต่อการเจรจาทางการค้า แม้จะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวบ้าง และเชื่อว่าเป้าหมายการส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 5 ยังสามารถทำได้
ส่วนนายกรัฐมนตรีคนกลางที่ภาคเอกชนอยากเห็นนั้น ส่วนตัวมองว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ ต่างประเทศ และสังคม โดยเฉพาะการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศที่แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ต่างกัน แต่ควรที่จะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัทสหพัฒนพิบูล หรือเครือสหพัฒน์ ยอมรับว่าการชุมนุมการเมืองที่ยืดเยื้อส่งผลให้ประชาชนไม่มีอารมณ์ซื้อสินค้า ทำให้กำลังซื้อตกลงกระทบต่อยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือลดลง ร้อยละ 10-15 รวมถึงกำลังซื้อของประชาชนในต่างจังหวัดก็ปรับลดลงเช่นกัน เนื่องจากเกษตรกรไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไม่มีเงินมาใช้จ่าย แต่ในช่วงที่เหลือปีนี้มองว่าบรรยากาศการจับจ่ายของประชาชนยังขึ้นอยู่กับการเมืองเป็นหลัก
ส่วนการประกาศกฎอัยการศึกจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยหรือไม่นั้น ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระยะต่อไป ซึ่งถ้าไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวก็จะไม่ทำให้นักลงทุนและต่างชาติตื่นตกใจ และน่าจะเป็นผลดีในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ส่วนการเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางเข้ามาบริหารประเทศนั้น นายบุญชัย ระบุว่าส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นผลดีที่จะมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามา บริหารประเทศ และหากเป็นคนดี ทุกภาคส่วนยอมรับ เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว