- Details
- Category: หอการค้า
- Published: Tuesday, 23 September 2014 21:54
- Hits: 4464
'อัทธ์'ชี้ สถานการณ์ข้าวไทย 10 ปี อยู่ในภาวะถดถอย ต้นทุนสูง ระบุ หากไม่ปฏิรูปจะสูญเงินส่งออกข้าวมากกว่า 8.70 หมื่นลบ.
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการประเมิน 10 ปี ข้าวไทยในตลาดโลก ตั้งแต่ปี 2547-2557 พบว่าสัดส่วนการส่งออกข้าวไทยไปตลาดโลกลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 จากที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับ 8 ลงมาอยู่อันดับ 13 ในปี 2557 โดยมูลค่าการส่งออก 5 ปี ระหว่างปี 2547-2551 อยูที่ 94,000 ล้านบาท แต่ 5 ปีหลัง ระหว่างปี 2552-2556 มูลค่าส่งออกหายไป 38,000 ล้านบาท มากสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากไทยเสียเปรียบด้านราคาในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 ข้าวขาว 5% เฉลี่ย 285 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จนปี 2556 ปรับสูงถึง 518 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามมาตลอด 10 ปี เฉลี่ย 100-200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
อย่างไรก็ตาม แม้ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กลับมีเงินเหลือลดลง เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 2547 อยู่ที่ 4,835 บาทต่อไร่ แต่ปัจจุบันปรับขึ้นถึง 10,685 บาทต่อไร่ แต่ผลผลิตต่อไร่ของไทยตลอด 10 ปี ยังคงที่เฉลี่ยเพียง 450 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่เวียดนามผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 1,200 กิโลกรัมต่อไร่
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2557 ราคาข้าวไทยเริ่มมีราคาใกล้เคียงกับเวียดนามมากขึ้น และอาจจะลดต่ำลงกว่าเวียดนาม เนื่องจากขณะนี้ไทยกำลังระบายสตอกข้าวต่อเนื่อง ทำให้หอการค้าไทยประเมินข้าวไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า หากชาวนายังไม่มีการปรับกระบวนการผลิตทั้งวิธีการปลูก พื้นที่เพาะปลูก พัฒนาพันธุ์ข้าว และแหล่งน้ำใช้ในการเพาะปลูก จะทำให้ความสามารถการแข่งขันลดลง และมูลค่าการส่งออกจะหายไปประมาณ 87,000 ล้านบาท หรือหายไปปีละ 8,000 ล้านบาท โดยจะต้องเร่งปฏิรูปกระบวนการผลิตทั้งระบบ และปฏิรูปโครงสร้างต้นทุนการผลิต เช่น ลดอัตราการใช้ปุ๋ยเคมี หรือรัฐให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตร้อยละ 20 ของต้นทุน รวมทั้งควรดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมบริหารจัดการทั้งระบบ และสิ่งที่จะให้ข้าวไทยอยู่ได้ต้องไม่นำพืชเศรษฐกิจไทยไปเกี่ยวข้องกับทางการเมืองอีกต่อไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
ม.หอการค้า คาดช่วง 10 ปีข้างหน้ามูลค่าส่งออกข้าวไทยถดถอย หลังมีผู้ส่งออกรายใหม่เพิ่ม
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ทำการประเมินสถานภาพข้าวไทยในตลาดโลกช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการนำข้อมูลทางด้านต้นทุนปลูกข้าว ราคา มูลค่าการส่งออก และสัดส่วนการส่งออกข้าวไทยในตลาดมาทำการวิเคราะห์ พบว่า ช่วงปี 2557-2566 มูลค่าการส่งออกข้าวไทยจะสูญหายไป 87,500 ล้านบาท โดยตลาดที่มูลค่าการส่งออกจะหายไปมากสุดคือ ตลาดเอเชีย (ไม่รวมอาเซียนและตะวันออกกลาง) เสียหาย 181,000 ล้านบาท ตลาดยุโรป เสียหาย 67,000 ล้านบาท ตลาดอาเซียน 27,400 ล้านบาท แต่ยังมีบางตลาดที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 94,000 ล้านบาท แอฟริกามูลค่าเพิ่มอีก 132,000 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่มูลค่าการส่งออกข้าวไทยลดลงมาจากประเทศคู่แข่งขันในการส่งออกข้าวมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งเวียดนาม และอินเดีย โดยอินเดียคาดว่าปี 57 จะส่งออกได้ 10 ล้านตัน ส่วนไทยเป็นอันดับ 2 ส่งออกได้ 9 ล้านตัน เวียดนามเป็นอันดับสาม
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะมีผู้ส่งออกข้าวรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก ทั้งพม่าที่ตั้งเป้าการส่งออกในอีก 5 ปีข้างหน้า จาก 1 ล้านตัน เป็น 4 ล้านตัน ขณะที่กัมพูชา และอินโดนีเซีย เร่งเพิ่มผลิตข้าวเช่นกัน ส่วนผลผลิตข้าวไทยเทียบกับประเทศคู่แข่งปลูกข้าวกลับไม่พัฒนาขึ้นเลย โดยไทยปลูกข้าวเฉลี่ยได้ผลผลิตต่อไร่เพียง 450 กิโลกรัม(กก.) แต่เวียดนามได้ถึง 1.2 ตันต่อไร่
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง โดยเมื่อเทียบราคาย้อนหลังในช่วง 10 ปี พบว่าราคาข้าวไทยห่างจากเวียดนามเฉลี่ย 40-50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ต้นทุนปลูกข้าวของชาวนาไทยกลับเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันต้นทุนปลูกข้าวต่อไร่ของไทยอยู่ที่ 9,763 บาท เวียดนาม 4,070 บาท พม่า 7,121 บาท ส่วนรายได้ของชาวนาไทยอยู่ที่ 11,300 บาทต่อตัน เวียดนาม 7,251 บาทต่อตัน พม่า 10,600 บาทต่อตัน
"หากไทยยังไม่ปรับตัวเรื่องยุทธศาสตร์ข้าวในอีก 10 ปีข้างหน้า เชื่อว่าสถานการณ์ข้าวไทยจะแข่งขันลำบากในตลาดโลก ซึ่งต้องการให้รัฐบาลชดเชยปัจจัยการผลิตให้ชาวนา 20% ของต้นทุนการผลิต เช่น ต้นทุนปลูกข้าว 10,000 บาท รัฐบาลควรชดเชยให้ 2,000 บาท จะทำให้ชาวนามีเงินเหลือใช้จ่าย 3,000-4,000 บาทต่อตัน และจะอยู่รอดได้ โดยอาจตั้งเป็นกองทุนชดเชยปัจจัยการผลิต รวมทั้งต้องเร่งพัฒนาผลผลิตข้าวต่อไร่ให้เพิ่มขึ้น ควรมีการจัดโซนนิ่งพื้นที่ปลูกข้าวใหม่ พื้นที่ใดเหมาะสมก็ควรส่งเสริมสนับสนุน จะช่วยทำให้ข้าวไทยมีคุณภาพ ผลผลิตต่อไร่ดีขึ้น และทำให้มีศักยภาพการแข่งขันได้ในตลาดโลก"นายอัทธ์ กล่าว
อินโฟเควสท์