- Details
- Category: EEC เมกะโปรเจกต์
- Published: Monday, 16 June 2014 13:44
- Hits: 7789
'คสช.' โปรเจ็กต์ ผ่าน'3.3 ล้านล้านบาท'ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
มติชนรายวัน 14 มิ.ย. 2557 ไม่ว่าแผน 'การตลาด'จะมาจากสมองก้อนโตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง แต่ทุกคนก็ร้อง 'ฮ้อ'โดยพร้อมเพรียงกันตั้งแต่เรื่องการคืนความสุขด้วย'เสียงเพลง'จากนักร้องสาวหน่วย'ปจว.' (ปฏิบัติการจิตวิทยา) แห่งบูรพาพยัคฆ์ ฟังเพลงฟรี อาหารฟรี แถมมีของติดไม้ติดมือกลับบ้าน เท่านั้น, ยังไม่พอ เมื่อถึงเทศกาลฟุตบอลโลก เพียง 'คสช.'ส่งเสียง ดีลระหว่าง กสทช.กับอาร์เอสก็ราบรื่น จ่ายเงินไป 475 ล้านบาท คึกคักกันทุกช่อง'ฟรีทีวี' 'เคอร์ฟิว' ก็พร้อมเลิกเพื่อสำนองรับบรรยากาศ'ฟุตบอลโลก' ร่าเริงกันอย่างเป็นเอกภาพ ที่บางคนสรุปด้วยความลิงโลดว่า 'ล้มโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท'ขอให้ตั้งหลักให้ดี ตั้งหลักศึกษาโครงการ 2.2 ล้านล้านบาทให้ดี เผลอแผล็บเดียวหวนกลับมากลายเป็น 3.3 ล้านล้านบาท ยุทธศาสตร์รถไฟ ยุทธศาสตร์ขนส่งสาธารณะ กทม.และปริมณฑล ยุทธศาสตร์ถนนเชื่อมภูมิภาค ยุทธศาสตร์ทางน้ำ ยุทธศาสตร์ทางอากาศ ครบถ้วน กระบวนความ จะขาดไปก็เพียงแต่ยุทธศาสตร์ ไฮสปีดเทรน โครงการรถไฟความเร็วสูงเท่านั้น เพราะเมื่อมียุทธศาสตร์ทางอากาศเข้ามารถไฟความเร็วสูงก็ต้อง เบรก ยาวววววว ขณะเดียวกัน หากสดับแถลงจากปลัดกระทรวงคมนาคม นายสมชัย ศิริวัฒนโชค "ไฮสปีดเทรนหากในอนาคตกระทรวงจะเสนอเพิ่มเติมก็สามารถทำได้" ไม่ว่าโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ไม่ว่าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง 2.2 ล้านล้านบาท ทุกโครงการล้วนมีโอกาสและโอกาสนั้นมีแต่ 'ขยาย'ไม่มีลด เพียงแต่ 'ทหาร' เป็น 'เจ้าของ'โครงการเท่านั้น โครงการไฮสปีดเทรน รถไฟความเร็วสูง อาจต้อง 'ชะลอ'ระยะหนึ่งดังที่กระทรวงคมนาคมแถลงด้วยความเข้าใจ แต่มิได้หมายความว่าจะ'ชะลอ' อย่างนิรันดร อย่าลืมเป็นอันขาดว่า โครงการนี้สัมพันธ์กับการขยับตัวอย่างเป็นระบบและอย่างมีขั้นตอนของจีน ที่แน่ๆ จีนเริ่มแล้วจากตอนใต้ของจีนไปยังพม่า และขั้นตอนต่อไปก็คือ การเริ่มจากคุนหมิงทางตอนใต้ของจีนเข้ามายังตอนเหนือของลาวและมายุติที่มหานครเวียงจันทน์ รอคอยจะ 'เชื่อม'มายัง'หนองคาย' ถามว่าที่ที่ประชุมยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งของประเทศ อันมีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ชะลอเอาไว้ก่อนคืออะไร ตอบว่า คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย เห็นหรือยังว่าชะลอเพื่ออะไร หากมิใช่ชะลอเพื่อรอคอยสายคุนหมิง-เวียงจันทน์นั่นเอง จากคุนหมิง-เวียงจันทน์ก็มาเชื่อมเข้ากับหนองคาย-โคราช-กทม. จากนั้นด้านหนึ่งก็ต่อไปยังทวายเพื่อรับที่มาจากย่างกุ้ง ด้านหนึ่งก็ทะลวงลงใต้ไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ นี่คือ 'ยุทธศาสตร์' อันเป็น'ความฝัน' ของจีน ความฝันของจีน ไชน่าดรีม หาได้แตกต่างไปจากความฝันของ คสช. คสช.ดรีม แต่อย่างใด ที่วาดหวังเป็นตุเป็นตะมานี้มิได้เป็นเรื่องประเภท 'โมแลนติก'ตรงกันข้าม ยึดกุมหลักการและแนวทางแห่ง 'เรียลลิสติก' ครบถ้วน แรกๆ อาจเป็น 'เมจิคอล' แต่ที่ต่อท้ายคือ'เรียลลิสม์' |
เงา แห่ง ความคิด ประยุทธ์ จันทร์โอชา เงา แห่ง การเมือง
(ที่มา:มติชนรายวัน 13 มิ.ย.2557)
อ่าน "คำแถลง" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในที่ประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่
แล้ว "รื่นหู"
"ต้องช่วยกันแก้ไขเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะประเทศไทยไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้"
เป็นท่าทีและท่วงทำนองของ "มวยหลัก"
"รายได้หลักของประเทศก็มาจากการส่งออก ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับประเทศนั้น การที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองในครั้งนี้จะให้ทุกประเทศเห็นชอบในสิ่งที่ คสช.ดำเนินการคงเป็นไปไม่ได้"
"แต่เราต้องคำนึงถึงเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเราด้วย ไทยจะไม่ไปต่อต้านประเทศที่เห็นต่าง หน้าที่ของเราคือเร่งทำความเข้าใจ"
เป็นท่าทีและท่วงทำนองของคน "หูหนัก"
ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เรียนมาทาง "ทหาร" คนที่มีพื้นฐานในทาง "วิทยาศาสตร์" จะหนักแน่นและดำรงความเป็นมวยหลักได้ถึงระดับนี้
ไม่ "โมแลนติก" แต่ "เรียลลิสติก"
จะเข้าใจบุคคลประเภท "โมแลนติก" ทั้งในทางศิลปะ ทั้งในทางการเมือง ทั้งในทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างไร
พวกนี้วูบวาบ
ลองให้เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองทหาร (ขกท.) ไปตรวจสอบประวัติดู บรรดาพวก "โมแลนติก" ในเรื่องสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย จะเป็นบุคคลประเภทใด
คนพวกนี้ล้วนเคย "โปร" ตะวันตกมาก่อน
บางคนโคตรพ่อโคตรแม่เคยลี้ภัยไปพำนักอยู่ บางคนโคตรพ่อโคตรแม่เคยประเคนพื้นที่ของประเทศให้เป็นที่ตั้งฐานทัพด้วยซ้ำไป บางคนเคยทำงาน "ข่าวกรอง" กระทั่งเผลอๆ คิดว่าตัวเองเป็นซีไอเอซะเลย
เมื่อ "รัก" มาก เลยมี "อารมณ์" มาก
พื้นฐานของพวก "โมแลนติก" มีลักษณะเหมือนกับลูกตุ้ม ครั้งหนึ่งเคยเหวี่ยงไปทางขวา ต่อมาก็เหวี่ยงไปทางซ้าย
สะเปะสะปะ ไร้ทิศ หลงทาง
ไม่ว่าจะเป็นคนประเภทจัดไปในทาง "ซ้าย" มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นคนประเภทจัดไปในทาง "ขวา" มาก่อน
เซม เซม เหมียน เหมียนกัน
ประเทศไทยเคยผูกติดอยู่กับ "ตะวันตก" อย่างสหรัฐอเมริกา อย่างสหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งออสเตรเลียมาอย่างยาวนาน
ยาวนานตั้งแต่ส่ง "ช้าง" ไปร่วมใน "สงครามกลางเมือง"
ยาวนานตั้งแต่ร่วมรบในสงคราม "เกาหลี" ตั้งแต่ร่วมเป็นร่วมตายในการต้านยัน "คอมมิวนิสต์" ในลาว กัมพูชา เวียดนาม
อยู่ๆ จะให้ไปทาง "จีน" นั้น - ไม่ง่าย
กระนั้น การจัดความสัมพันธ์ระหว่างตะวันออกกับตะวันตกในสังคมโลกยุคใหม่มีความจำเป็น
เรื่องอย่างนี้จีนเองก็รู้และเข้าใจ
ยิ่งกว่านั้น มหาอำนาจที่คร่ำหวอดอย่างสหรัฐอเมริกา อย่างสหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งออสเตรเลีย ก็รู้และเข้าใจ ความเห็น "ต่าง" ในเรื่องกระบวนการยึดอำนาจ การลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ก็เคยมีมาแล้วถึง 10 กว่าครั้ง
ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แสดงต่อเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ จึงสะท้อนผลึกในทางความคิด ผลึกในทางการเมือง
ทั้ง "มวยหลัก" และ "หนักแน่น"
เมื่ออยู่ในขั้นตอนการจัดระบบ เมื่ออยู่ในขั้นตอนการจัดวาง ก็จำเป็นต้องให้โอกาสและรอคอย
รอคอย "ธรรมนูญการปกครอง" รอคอยการเกิดขึ้นเอง "สภานิติบัญญัติแห่งชาติ" รอคอยการเกิดขึ้นของ "นายกรัฐมนตรี" รอคอยการเกิดขึ้นของ "สภาปฏิรูป"
รอคอยโดยไม่ "ติเรือทั้งโกลน"
ปฏิบัติการ คนกลาง ไม่ซ้าย ไม่ขวา ภารกิจ คสช.
(ที่มา:มติชนรายวัน 12 มิ.ย.2557)
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้า คสช. ประกาศแนวทางเอาไว้ชัดเจน 2 ประการ ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจประกาศใช้กฎอัยการศึก และเข้ายึดอำนาจการปกครองว่า
ภารกิจหลักของกองทัพคือการเข้ามาจัดการกับความแตกแยกในสังคม และป้องมิให้เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก
เป็นภารกิจที่ คสช. เองก็รู้อยู่ว่า
ไม่ง่าย
ฉะนั้น ในทางการเมือง แม้ด้านหนึ่ง คสช.และกองทัพจะใช้แนวทาง "ป้องปราม" ด้วยการเรียกบุคคลเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจที่เหมือนกับการใช้ "หมัดเหล็ก"
แต่อีกด้านหนึ่งก็พยายามสวม "ถุงมือกำมะหยี่" ด้วยการวางตัว และกำหนดแนวทางปฏิบัติต่างๆ ให้ออกมา "กลาง"ที่สุดเท่าที่จะทำได้
พิจารณาจากมาตรการต่างๆ ที่ทยอยลงมือทำตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบัน
ขณะที่ด้านหนึ่งก็เปิดรับฟังความเห็นจากกลุ่มคัดค้านรัฐบาล และองค์กรอิสระที่เอาจริงเอาจังยิ่งกับการ "เช็กบิล" รัฐบาลชุดที่ผ่านมาและโครงการรับจำนำข้าว
อีกด้าน คสช. ก็สั่งการให้ธนาคารของรัฐไม่ว่าจะเป็น ธ.ก.ส. หรือ ออมสิน จัดหาเงินกู้จำนวน 90,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้กับชาวนาที่นำข้าวมาจำนำแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงิน
และถึงจะแสดงท่าทีว่าจะไม่เดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวแบบรัฐบาลพรรคเพื่อไทยหรือโครงการประกันราคาข้าวแบบพรรคประชาธิปัตย์
แต่ก็ระบุว่าจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือ-ยกระดับรายได้ของชาวนาออกมาในเวลาอันไม่ช้า
เช่นเดียวกันกับมาตรการ "ตรึงราคาพลังงาน" เป็นการชั่วคราว หลังจากประกาศขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีไปก่อนแล้วปรับลดลงมาใหม่
แต่ก็ชัดเจนว่าจะไม่เดินไปสุดทาง จนกระทั่งถึงขั้น "ทวงคืน ปตท." เหมือนที่กลุ่มสุดขั้วสุดโต่งบางพวกต้องการ
หากแต่จะเดินไปในแนวทาง "ปฏิรูปพลังงานอย่างยั่งยืน" ที่ยืดหยุ่นมากกว่า
และเอาจริงเอาจังถึงขนาดที่หัวหน้า คสช. ลงมาเป็นประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายพลังงานด้วยตัวเอง
ปฏิบัติการอยู่ตรงกลางเพื่อ "ซื้อใจ" ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุดอีกกรณีหนึ่งก็คือ การประกาศยกเลิกอภิสิทธิ์ต่างๆ ของคณะกรรมการการบินไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ "บินฟรี"
ที่แม้ปีหนึ่งจะคิดเป็นเงินไม่กี่ล้านบาท และเป็นสัดส่วนต่ำมากเมื่อเทียบกับรายได้รวมของบริษัท
แต่ในเชิงสัญลักษณ์ การยกเลิก "อภิสิทธิ์" ของคณะกรรมการที่อยู่ในระดับสูงสุดของบริษัท เป็นการส่งสัญญาณว่าการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในระดับอื่นๆ จะติดตามมาในลำดับต่อไป
และที่คาดว่าน่าจะตามมาเป็นกรณีล่าสุด ก็คือการ "ขอความร่วมมือ" กับอาร์เอส เจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก ให้ออกอากาศเผยแพร่ทางฟรีทีวีทั่วไป
แต่เพื่อป้องกันมิให้เกิดภาพของการใช้อำนาจเข้า "บีบคอ" ก็อาจจะมี กสทช. เข้ามาเป็นองค์กรที่สาม ควักเงินกองทุนที่ได้จากการประมูลโทรทัศน์ดิจิตอลมาจ่ายให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์แทน
เอาใจประชาชน ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังมิให้มีภาพของการใช้อำนาจเกินขอบเขต
ความพยายามที่จะอยู่ตรงกลางของ คสช. จะได้ผลทางบวกตามที่ต้องการมากน้อยเพียงใด ยังไม่สามารถประเมินได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เพราะยังจะต้องมีข้อเท็จจริงอื่นๆ เข้ามาประกอบกันอีกหลายประการ
อาทิ การแต่งตั้งบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูป
ว่าจะเป็นเพียง "สมบัติผลัดกันชม" ดังที่มีขาใหญ่บางรายดักคอเอาไว้หรือไม่
รวมไปถึงว่า หมัดเหล็กในถุงมือกำมะหยี่ที่เรียก-เชิญคนเข้าพบทำความเข้าใจหรือกักตัวเอาไว้จะยุติลงเมื่อใด
จะมีการปล่อยตัวผู้ที่ได้รับการเชิญตัวทั้งหมดออกมาเมื่อใด
และจะกลับมาใช้ "กฎหมายปกติ" ที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการสร้างบรรยากาศของการหันหน้าเสวนากันได้โดยสนิทใจเมื่อใด
ทำให้คนเชื่อใจใน "ความเป็นกลาง" นั้นไม่ง่ายเลย...
การเมือง ยุคใหม่ ยุคโลก′ไร้พรมแดน′ รอบคอบ รัดกุม
(ที่มา:มติชนรายวัน 11 มิ.ย.2557)
เมื่อทั้งสหรัฐอเมริกา ทั้งสหภาพยุโรป ทั้งออสเตรเลีย ทั้งสหราชอาณาจักร เป็นต้น ยังไม่เข้าใจ ยังไม่สนิทใจที่จะยอมรับ
ก็ต้อง "ดินเนอร์ ทอล์ก"
ถูกต้องแล้ว ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะต้องออกโรงเอง
ขอเชิญ "นั่งลง" ที่ตรงนี้
ไม่เพียงให้ "ดนตรี" สู่โสตเพื่อความปราโมทย์ในดวงหทัยเท่านั้น หากแต่ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน ทำความเข้าใจ
เรื่อง "นานาชาติ" จำเป็นต้องอาศัย "การทูต"
ขณะเดียวกัน อาการเหวี่ยงซ้ายป่ายขวา ในทำนองที่ว่า เมื่อสหรัฐไม่พอใจ เมื่อสหภาพยุโรปหงุดหงิด เมื่อออสเตรเลียชักสีหน้า
ก็หันไปหา "จีน" ก็ได้
อย่างนั้นเป็นเรื่องของ "เหล็ก-เหล็ก" เป็นเรื่องของพวก "โมแลนติก" ทางการเมือง ชายชาติทหารระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหูหนัก
หูหนักถึงขั้น "เมทัลลิก้า" ซะเลย
อย่าคิดว่าที่จีนมีท่าทีค่อนข้าง "อ่อนนุ่ม" เมื่อเทียบกับสหรัฐ เมื่อเทียบกับสหภาพยุโรป เมื่อเทียบกับออสเตรเลีย
จะเป็นเพราะจีนเปี่ยมด้วย "เมตตา"
ไม่ช่าย ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับ "ผลประโยชน์" ของเขา ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์เชื่อมคุนหมิงเข้ากับลาว เชื่อมลาวเข้ากับหนองคาย แล้วต่อสายทะลุทะลวงผ่านมาเลเซียกระทั่งจ่อไปยังเกาะสิงคโปร์
นี่เป็นเรื่องของการแผ่ผาย ขยาย "ผลประโยชน์" แท้ๆ
อย่าว่า แต่จีนยุค สีเจิ้นผิง เลย แม้กระทั่งจีนในยุคราชวงศ์หมิงที่มอบหมายให้ "เจิ้งเหอ" แล่นเรือจากตงง้วนไปยังเกาะชวา เลาะเลียบชายฝั่งผ่านอินเดียจนถึงฝั่งแอฟริกาและทะยานไปถึงตะวันออกกลาง
ก็มิได้เป็นเรื่องต้องการเรียนรู้เกาะแก่งทางทะเล เป็นเรื่องของนาวิกานุภาพ เป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์"
ผลประโยชน์เหมือนสหรัฐผลิต "แผนการมาร์แชล" ผลประโยชน์เหมือนญี่ปุ่นนำเสนอโครงการเงินกู้ "มิยาซาว่า" ผลประโยชน์เหมือนพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ส่งกองเรือมาต่อสายเข้ากับพระนารายณ์มหาราช
เป็นเรื่องต้อง "เรียนรู้" เป็นเรื่องต้อง "เข้าใจ"
จำเป็นต้องทำความเข้าใจ ไม่ว่ากับสหรัฐอเมริกา ไม่ว่ากับสหภาพยุโรป ไม่ว่ากับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยด่วน
อาวุธ 1 ของเขาคือ เรื่องของ "จีเอสพี"
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ข้อตกลงในเรื่องสิทธิงดเว้นในเรื่อง "จีเอสพี" หรือ "ภาษีศุลกากร" กำลังจะหมดสิ้นในปี 2558
นี่คือ เรื่องที่จะต้องทำ "ข้อตกลง" กันใหม่
ทั้งหมดนี้คือภารธุระที่กระทรวงพาณิชย์จักต้องทำรายงาน กระทรวงการต่างประเทศจักต้องกำหนดตัวบุคคลเพื่อดำเนินการ
"นักวิชาการ" อาจไม่กังวล
แต่คนทำการค้า ผลิตสินค้าทางอุตสาหกรรมอย่าง หอการค้าแห่งประเทศไทย อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อยู่นิ่งเหมือน "แมวนอนหวด" ไม่ได้ จำเป็นต้องทำเรื่องให้เรียบร้อยภายใน 2557 นี้ให้จงได้
มิเช่นนั้น ขีด "การแข่งขัน" ของไทยจะเสียไป
ในยุคแห่งโลกาภิวัตน์ประเทศไทยจำเป็นต้องคบและทำการค้าไม่ว่ากับสหรัฐ ไม่ว่ากับสหภาพยุโรป ไม่ว่ากับออสเตรเลีย จะมีแต่จีนประเทศเดียวคงไม่ได้
เพราะ "วังเวง" และ "หวังเหวิด" อย่างยิ่ง
จึงน่ายินดีที่ทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตื่นจาก "ภวังค์" และตระเตรียมทันสถานการณ์
กำหนดนัด "ดินเนอร์ ทอล์ก" จึงจำเป็น การจัดระเบียบคนช่างพูดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ จึงจำเป็น การจัดระเบียบคนช่างพูดอย่าง 40 ส.ว. จึงจำเป็น
แม้บางคนจะ "สอพลอ" อย่างยิ่งยวดก็พึงต้อง "ระวัง"...