- Details
- Category: EEC เมกะโปรเจกต์
- Published: Tuesday, 02 July 2024 08:18
- Hits: 9780
PPP เห็นชอบโครงการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กว่า 15,000 ล้าน เพิ่มความสามารถ
คณะกรรมการ PPP เห็นชอบโครงการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมูลค่าโครงการกว่า 15,000 ล้านบาท ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของสนามบินเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ของปริมาณสินค้าทางอากาศ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน (คณะกรรมการ PPP) ครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567
โดยสรุปผลการประชุมได้ ดังนี้คณะกรรมการ PPP ได้เห็นชอบหลักการโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (ทอท.) โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost มูลค่าของโครงการรวม 15,253 ล้านบาท
โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีการดำเนินการอยู่เดิม ซึ่งเอกชนจะรับผิดชอบการจัดหาเงินทุน การออกแบบและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างของโครงการ พร้อมทั้งการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับการให้บริการ ตลอดจนรับผิดชอบในการดูแล บำรุงรักษา และบูรณะสิ่งปลูกสร้างโครงการ รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ
ขณะที่ ทอท. จะกำกับดูแลและติดตามตรวจสอบคุณภาพการดำเนินงาน ของภาคเอกชน และได้รับค่าผลประโยชน์ตอบแทนเป็นรายปี โดยโครงการจะช่วยรองรับการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการเติบโตของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross-Border E-Commerce)
โดยโครงการมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 5 ที่มุ่งให้ไทย เป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค และยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ที่มุ่งพัฒนาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) และศูนย์กลางขนส่ง ของภูมิภาค (Logistic Hub)
โดยการทำโครงการ PPP หรือการให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐด้วยนั้น เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนของประเทศ ช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจ นอกเหนือจากเงินงบประมาณแผ่นดินหรือเงินกู้ของรัฐ อีกทั้ง ยังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดัน GDP ของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ