- Details
- Category: EEC เมกะโปรเจกต์
- Published: Tuesday, 23 June 2020 22:34
- Hits: 8473
UTA ลุยเดินหน้า สนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ให้เป็นศูนย์กลางทางการบิน และประตูเศรษฐกิจสู่เอเชีย
บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด นำโดย นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ที่ปรึกษาประธานคณะผู้บริหาร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว ในการพัฒนา’โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก’ ณ โรงแรม ยู สาทร กรุงเทพฯ
โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็นการต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น ‘สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ’ เพื่อพัฒนาไปสู่ประตูเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เชื่อมต่อสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูง และ เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยรัฐจะได้ผลประโยชน์ ด้านการเงิน 305,555 ล้านบาท ได้ภาษีอากรกว่า 62,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,600 ตำแหน่งต่อปีในระยะ 5 ปีแรกของสัมปทาน พร้อมทั้งเกิดการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านธุรกิจการบิน เทคโนโลยีองค์ความรู้ด้านธุรกิจการบิน ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 50 ปี
ทั้งนี้ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS)ผู้ที่ได้รับสัมปทาน 50 ปี จากภาครัฐ และได้ลงนามสัญญาร่วมทุนในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ไปเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมาโดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญา โดย บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS) เกิดจากความร่วมมือจาก 3 บริษัทเอกชนใหญ่ ได้แก่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกันลงทุนประมาณกว่า 290,000 ล้านบาท
โดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานจัดเตรียม แผนพัฒนาในด้านต่างๆ พร้อมทั้งยื่นซองเอกสารแสดงเจตจำนงขอเข้าร่วมการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก รวมเวลาดำเนินงาน เจรจาเพียง 47 วัน เป็นระยะเวลาอันรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ เมื่อเทียบกับขนาดโครงการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ต่างๆ ที่รัฐบาลเคยดำเนินการมา แสดงถึงความพร้อมทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญ และมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะสามารถดำเนินการโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกให้เป็น ‘ศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation’
รวมถึง การเป็นศูนย์กลางของ ‘มหานครการบินภาคตะวันออก’ เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ ในการพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดจากรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย โดยเข้าเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปทางตะวันออก ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสะดวกสบาย ทันสมัย ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ
นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ที่ปรึกษาประธานคณะผู้บริหาร บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการร่วมลงทุนในโครงการนี้ว่า "ผมมีความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างสูงสุดที่บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญของประเทศและเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ตามนโยบายและกรอบการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของรัฐบาล ที่ต้องการให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของกรุงเทพฯ เป็นศูนย์อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการบินของอีอีซี
และเป็นศูนย์กลางของเมืองการบินภาคตะวันออก บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการบินมากว่า 50 ปี และเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างและบริหารสนามบินในประเทศ 3 แห่ง(สมุย สุโขทัย ตราด)จึงมีความมั่นใจและเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ และพันธมิตร จะสามารถพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้มีศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต”
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของประเทศไทย และผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการนี้เป็นอย่างมาก จากการผนึกกำลังของภาคเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศไทยทั้งสามกิจการ กลุ่มบริษัทบีทีเอสจะใช้ประสบการณ์ที่มีมากว่า 20 ปี ต่อยอดให้กับธุรกิจในเครือ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ และอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านระบบขนส่งมวลชนทางราง ด้านการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และความสามารถในการพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อจะมาเป็นแรงผลักดัน ให้โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกประสบความสำเร็จ
กลุ่มบริษัทบีทีเอสจึงมีความมั่นใจ 100% ที่จะเดินหน้าลงทุนที่จะพัฒนาระบบภายในสนามบินให้มีความทันสมัยมากที่สุด ซึ่งทางบริษัทฯ ได้เตรียมแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และแผนในการสร้างระบบเชื่อมต่อการเดินทางภายในโครงการให้เชื่อมต่อกับระบบการขนส่งภายนอกทุกระบบรวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน และจะมีการพัฒนาระบบรถไฟฟ้า APM (Automated People Mover)เชื่อมการเดินทางภายในโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพเมืองการบินให้เป็นเขตส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพื่อรองรับการขยายตัวของพื้นที่ EEC และเชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็น Aviation Hub ที่สำคัญของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก สำหรับโครงการนี้ไม่ได้มีเพียงสนามบิน แต่ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน โดยเฉพาะเมืองการบิน และ Free Trade Zone ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มีความท้าทายและสามารถสร้างมูลค่าให้กับโครงการได้มากมายจึงทำให้มั่นใจได้ว่าผลตอบแทนที่เสนอให้รัฐเป็นตัวเลขที่มีพื้นฐานจากข้อเท็จจริง
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเรามีความภาคภูมิใจ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งเป็นโครงการแห่งประวัติศาสตร์การก่อสร้างของไทย ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการลงทุนในมิติต่างๆ ในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มาสู่พื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยและคนไทยทุกคน
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างเมกะโปรเจคมากว่า 58 ปี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือมาตรฐานของผลงานก่อสร้างที่มีคุณภาพ ตรงเวลา โดยคำนึงถึงความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และสุขอนามัยเป็นสำคัญ การบริหารงานโครงการฯ โดย บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด ทำให้ซิโน-ไทย มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของพันธมิตร
อันได้แก่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการบิน มากว่า 50 ปี มีความแข็งแกร่งทั้งในเรื่องบริหารสายการบิน รวมถึงการบริหารสนามบิน และบริษัท บีทีเอส โฮล์ดิ้ง กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้มีความเชี่ยวชาญด้าน โลจิสติก ระบบขนส่งทั้งหมด รวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เมื่อทั้ง 3 องค์กรจับมือร่วมกันบริหารโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ทำให้มั่นใจถึงความสำเร็จในอนาคต ขอให้ความมั่นใจว่า ซิโน-ไทย บริษัทก่อสร้างของคนไทย จะทุ่มเทกำลังความรู้ ความสามารถ เพื่อดำเนินการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมเมืองการบินที่ยิ่งใหญ่อันทรงคุณค่า สง่างาม ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้เป็นที่ภาคภูมิใจต่อคนไทยทั้งประเทศ
รายละเอียดโครงการ พัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก
มีองค์ประกอบหลักที่ทางรัฐดูแล ประกอบด้วย ทางวิ่งมาตรฐาน 2 ทางวิ่ง มีความยาว 3,500 เมตร ซึ่งสามารถให้อากาศยานขึ้นลงทั้ง 2 ทางวิ่งอย่างอิสระต่อกัน และสามารถรองรับเครื่องบินพาณิชย์ได้ทุกขนาด โดยมีหลุมจอด อากาศยานรวมทั้งสิ้น 124 หลุมจอด ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO Complex) ระยะแรก 500 ไร่ รวมทั้งงานสนับสนุนอื่นๆ บนพื้นที่ ขนาด 1,400 ไร่ ประกอบด้วย ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศ โรงผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น โรงผลิตน้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย และบริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยาน และจะมีการก่อสร้าง Air Traffic Control Tower หรืออาคารหอบังคับการบิน โดย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สามารถให้บริการการขึ้นลงของอากาศยานได้สูงสุด 70 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
องค์ประกอบหลักที่ทางภาคเอกชนดูแล ประกอบด้วย ส่วนของอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 3 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทุกระยะแล้ว จะมีขนาดพื้นที่กว่า 450,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 60 ล้านคนต่อปี ภายในอาคารมีการติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทันสมัย เช่น ระบบการ Check-in อัตโนมัติ (Smart Airport) ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automate People Mover, APM) คลังสินค้า , Cargo Village และ Free Trade Zone ที่มีขนาดพื้นที่กว่า 470,000 ตารางเมตร ประมาณการขีดความสามารถรองรับการขนส่งสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ากว่า 3 ล้านตันต่อปี ศูนย์ขนส่งภาคพื้นดิน (Ground Transportation Center, GTC) มีขนาดพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร เพื่อให้การเดินทางในรูปแบบต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูง รถบัส แท็กซี่
สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ได้อย่างรวดเร็วและไร้รอยต่อ พื้นที่กิจกรรมด้านอุตสาหกรรมการบินที่เกี่ยวข้อง นอกจากองค์ประกอบหลักดังกล่าวแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่ดำเนินกิจกรรมเชิงพาณิชย์และส่งเสริมการเป็น Aviation Hub ของโครงการฯ คือ Commercial Gateway ขนาดพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตร จัดเป็นพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษี ร้านค้าและภัตตาคาร โรงแรม รวมทั้ง Business Park และ Airport City ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางเมตร ประกอบด้วย ศูนย์การค้า ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า อาคารพักอาศัยและอาคารสำนักงาน
บริษัทฯ ได้จัดทำแผนการพัฒนาโครงการแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 มีอาคารผู้โดยสารขนาดพื้นที่กว่า 157,000 ตารางเมตร พื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ อาคารจอดรถ ศูนย์ขนส่งภาคพื้นดิน และหลุมจอดอากาศยาน 60 หลุมจอด คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2567 สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 15.9 ล้านคนต่อปี
ระยะที่ 2 อาคารผู้โดยสารมีพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 107,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) และระบบทางเดินเลื่อน รวมทั้งเพิ่มหลุมจอดอากาศยานอีก 16 หลุมจอด คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ.2573 โดยประมาณการว่า จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด30 ล้านคนต่อปี
ระยะที่ 3 เป็นการต่อขยายอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมจากระยะที่ 2 กว่า 107,000 ตารางเมตร เพิ่มจำนวนรถขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) อีก 1 ขบวน รวมทั้งเพิ่มหลุมจอดอากาศยานอีก 34 หลุมจอด คาดว่าจะ แล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2585 ประมาณการรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 45 ล้านคนต่อปี
ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย มีพื้นที่อาคารผู้โดยสารหลังที่สองเพิ่มขึ้นกว่า 82,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งติดตั้งระบบ Check-in แบบอัตโนมัติ รวมทั้งเพิ่มหลุมจอดอากาศยานอีก 14 หลุมจอด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2598 ประมาณการรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 60 ล้านคนต่อปี
U-Tapao International Aviation Company Limited moves forward to develop the U-Tapao International Airport and Eastern Airport City Project to become the center of Aviation and gateway of Asia
On Tuesday 23 June 2020 at 15.00 pm, U-Tapao International Aviation Company Limited, led by Prasert Prasarttong-Osoth, Advisor to Executive Committee of Bangkok Airways Public Company Limited; Mr. Keeree Kanjanapas, Chairman of BTS Group Holdings Public Company Limited; Mr. Puttipong Prasarttong-Osoth, Chief Executive Officer of Bangkok Airways Public Company Limited; Mr. Anawat Leelawatwatana, member of Executive Committee of Bangkok Airways Public Company Limited;
Mr. Kavin Kanjanapas, Chief Executive Office of BTS Group Holdings Public Company Limited; Mr. Surapong Laoha-Unya, Chief Executive Officer of BTS Group Holding Public Company Limited; and Mr. Pakpoom Srichamini, President of Sino-Thai Engineering and Construction Public Company Limited, is organized the press conference of the U-Tapao International Airport and Eastern Airport City Development Project at U Sathorn Bangkok.
U-Tapao International Airport and Eastern Airport City Project is one of the vital infrastructure projects of EEC, under the Thai government's “Thailand 4.0” economic model, to extend success of Eastern Seaboard Area Development Project. The objective of the Project is to uplift the U-Tapao Airport to be “the 3rd International Commercial Airport of Bangkok” linking with Don Mueang International Airport and Suvarnabhumi International Airport through the High-speed train.
The Project is under the Public Private Partnership Agreement between the government and private sector, with additional returns to the State of THB 305,555 million, tax revenue of more than THB 62,000 million, job creation of 15,600 positions per year for the first 5 years, advanced technology and human resource development in aviation and related businesses, with asset ownership transferred to the State at the end of 50-year contract.
U-Tapao International Aviation Company Limited (BBS Joint Venture), the bidding winner awarded the 50-year contract, has recently signed the Public Private Partnership Agreement of U-Tapao International Airport City Project & Eastern Airport City Project on 19 June 2020. The signing ceremony was presided over by the Prime Minister General Prayut Chan-o-cha. U-Tapao International Aviation Company Limited, a joint venture among three large private companies, consists of Bangkok Airways Public Company Limited, BTS Group Holdings Public Company Limited, and Sino-Thai Engineering and Construction Public Company Limited, invests approximately THB 290,000 million by taking only 47 days in preparing development plan, submitting materials and negotiating in terms and conditions.
It is the faster project ever in Thialnd, compared to other infrastructure development projects. This demonstrates the strong financial readiness, expertise and intention to develop the U-Tapao International Airport and Eastern Airport City Project to become the “Center of Tourism Industry and Logistics & Aviation of EEC” and the “Eastern Aerotropolis”, developing city area of 30 km around the airport (Pattaya to Rayong), revitalizing the Eastern Seaboard which aims to be an important port city and business center of Thailand, connecting Bangkok Metropolitan Area to the East with linkage through sea, road, rail, and air.
Mr. Prasert Prasarttong-Osoth Advisor to the Chief Executive Officer of Bangkok Airways Public Company Limited said about the investment in this project that "I am very pleased and honored that the company, Bangkok Airways Public Company Limited has been a part of the U-Tapao Airport and the Eastern Aviation City Development Project, which is an important project of the country and is one of the national development strategies in accordance with the policy and development framework of the Eastern Special Development Zone of the government, which aims U-Tapao Airport to be the 3rd major commercial airport in Bangkok, the EEC's Logistics and Aviation Industry Center and the center of the eastern aviation city. Bangkok Airways Public Company Limited, with over 50 years of aviation experience and investor in the construction and management of 3 domestic airports (Samui, Sukhothai, Trat), is confident that the company and our partners will be able to develop U-Tapao Airport to have potential, increase the competitiveness and allowing Thailand to grow steadily and sustainably in the future "
Mr. Keeree Kanjanaps, Chairman of BTS Group Holdings Public Company Limited, addressed that “U-Tapao Airport and Eastern Aviation Development Project, the 3rd International Commercial Airport of Bangkok, is such a historic moment and a crucial driving factor for Thailand’s economic development. I am very pleased and honored to be a part of the project. With joint collaborations on resources and unique collections of expertise of the 3 organizations, BTS Group, with more than 20 years of experience, provides integrated businesses in the Group, namely infrastructure development, rail transportation, property and other to drive the success of the U-Tapao Airport and Eastern Aviation Development Project. BTS Group therefore has 100% confidence to invest in the modern airport development. The company has prepared a commercial space development plan and travel connection system within the project linking all external transportation systems, including the High-speed train connecting the 3 airports. The electric train system APM (Automated People Mover) will be developed to link travel within the project, with an aim to develop the potential of aviation city to be a special economic zone for the Eastern region, in order to support the expansion of the EEC area and link passenger transportation with Don Mueang Airport And Suvarnabhumi Airport. This will become an important aviation hub of the Eastern Economic Corridor. This project is not only the airport, but also creates businesses related to aviation, especially aviation cities and Free Trade Zone, large-scale projects, which are challenging and able to create a lot of value for the project. Thus BTS Group ensures that the proposed return to the state is reasonable on the fact basis.
Mr. Pakpoom Srichamini, President of Sino-Thai Engineering and Construction Public Company Limited, said that “we are proud and honor to be a part of the U-Tapao International Airport and Eastern Airport City Project, which is a historic project of construction industry in Thailand. The project creates an increase of employement rate, as well as enhace domestic and international investment in various dimensions to this Eastern aviation city, creating highest benefit to Thailand and Thai people.
Sino-Thai Engineering and Construction Public Company Limited has experience in the construction of Mega Projects for more than 58 years, with the ultimate goal of being the standard of quality construction work, be punctual with regard for safety, environment and hygiene. Project management by U-Tapao International Aviation Company Limited marks Sino-Thai confident in the strength of the alliance, which is Bangkok Airways Public Company Limited, an aviation expert for more than 50 years and strong in both airline and airport management; and BTS Group Holdings Public Company Limited, an expert in logistics, rail transportation systems and real estate development. Once the 3 organizations joining hands to manage the U-Tapao Airport and Eastern Aviation City Development Project, the project will be thus successful in the future. Sino-Thai, a Thai construction company, will be dedicated, knowledgeable and capable to carry out the construction of a great aviation city architecture, that is worthy, elegant and with a unique Thai identity.
Details of the U-Tapao International Airport and Eastern Airport City Project
The project elements developed by the state government include 2 runways of 3,500 meters long facilitating air takeoffs and landings and able to support all aircrafts models, 124 aircraft stands, MRO Complex for the first phase of 500 rai and other supporting facilities of 1,400 Rai including Maintenance Repair and Overhaul (MRO), Aviation Training Center, electricity power plant, , tap water production plant, wastewater treatment plant, and aviation fuel services. Air Traffic Control Tower, managing 70 flights per hour, will be is responsible by the Aeronautical Radio of Thailand.
The Project elements developed by private sector include the 3rd Passenger Terminal Building with the total space of 450,000 square meters, managing 60 annual million passengers with high-tech facilities such as self-check-in and self-bag drop system, Automated People Mover (APM), Cargo Village and Free Trade Zone of 470,000 square meters with a capacity of 3 million tons per year, Ground Transportation Center (GTC) with an area of 30,000 square meters seamlessly connecting to the Passenger Terminal Building through the high-speed train, buses, and taxis, and the Commercial Gateway of 400,000 square meters which includes duty free area, shopping arcade, restaurants, hotels as well as Business Park and Airport City covering 1 million square meters which will include shopping centers, exhibition centers, and office buildings.
The Project Development Plan
Phase 1 includes Passenger Terminal Building of 157,000 square meters, commercial area, parking facilities, Ground Transportation Center, and 60 aircraft stands, which is expected to be completed in 2024, able to manage a capacity of 15.9 million annual passengers.
Phase 2 includes Passenger Terminal Building of 107,000 square meters with Automated People Mover (APM) and automated walkways with 16 additional aircraft stands, which is expected to be completed in 2030, able to manage a capacity of 30 million annual passengers
Phase 3 includes Passenger Terminal 2 of 107,000 square meters with an additional Automated People Mover (APM) and 34 aircraft stands, which is expected to be completed in 2042, able to manage a capacity of 45 million annual passengers.
Phase 4 includes Passenger Terminal 2 of additional 82,000 square meters with high-tech facilities such as automated self-check-in and additional 14 aircraft stands, which is expected to be completed in 2055, able to manage a capacity of 60 million annual passengers.
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ