WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Gสมคด จาตศรพทกษ copyสมคิด ชวนนลท.เกาหลีลงทุนใน EEC มุ่งสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเป้าหมาย ยกเป็นหุ้นส่วนด้านเทคโนโลยี-นวัตกรรม

        นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา "Korea-Thailand 60th Anniversary of Diplomatic Relations: Maekyung Thailand Forum"ว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจชั้นนำของเกาหลีใต้ก็เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว เกาหลีใต้จึงเปรียบเสมือนหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทย และเป็นหุ้นส่วนที่มีศักยภาพสูง ทั้งความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

       "งานสัมมนา จึงเป็นโอกาสอันดีที่นักธุรกิจเกาหลีใต้ได้เล็งเห็นถึงโอกาสการลงทุนในประเทศไทยที่เปิดกว้างและมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนใหม่ๆ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การจัดตั้งเขตพัฒนานวัตกรรม (อีอีซีไอ) และดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ (อีอีซีดี) เพื่อเป็นแหล่งรองรับการลงทุนใหม่ของเกาหลีใต้ และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต"นายสมคิด กล่าว

       นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ปรับปรุงการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การปรับแก้กฎหมายส่งเสริมการลงทุน กฎหมายด้านศุลกากร การออกกฎหมายอีอีซี และการออกสมาร์ทวีซ่า ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย สามารถเข้ามาทำงานในไทย และขอใบอนุญาตทำงานได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น

      "สิ่งที่กล่าวมานี้ เป็นพัฒนาการด้านการส่งเสริมการลงทุนในไทยที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบภายใต้ รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้นักธุรกิจเกาหลีใต้มั่นใจได้ว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนในการลงทุนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน รัฐบาลไทยขอเชิญนักลงทุนจากเกาหลีใต้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในกิจการเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือเข้ามาลงทุนในกิจการใหม่ เพื่อนำศักยภาพ ความหลากหลาย และจุดแข็งของเกาหลีและไทยมาผนึกกำลังร่วมกันสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต" รองนายกรัฐมนตรีกล่าว

           พร้อมระบุว่า เมื่อค่ำวานนี้ (16 พ.ค.) ก็ได้มีการผนึกกำลังกันแล้ว โดยเป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างบีโอไอ กระทรวงอุตสาหกรรม และโคเรียไบโอ หรือองค์กรส่งเสริมเทคโนโลยีชีวภาพของสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Biotechnology Industry Organization: KoreaBio) โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี ตลอดจนความร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การสัมมนา การจับคู่ทางธุรกิจ การสำรวจลู่ทางการลงทุน เป็นต้น

                นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีความเหมาะสม ทั้งเชิงสถานการณ์และจังหวะเวลา ทั้งจากสถานการณ์บ้านเมืองของไทยที่มีความสุขสงบ การเมืองมีเสถียรภาพ และกำลังก้าวสู่การเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจ มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพจาก 1% ในปี 2557 ก้าวสู่ 3% ในปี 2558 และ 3.3% ในปี 2559 และ 3.9% ในปี 2560 และคาดว่าในปีนี้ จะเห็นการเติบโตทะลุ 4% อย่างแน่นอน ซึ่งผลจากการฟื้นตัว ทำให้เพิ่มความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม การส่งออกดีขึ้น และการลงทุนในต่างประเทศ การท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเกาหลีเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย 1.7 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อต่ำ ทุนสำรองมีมากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และหนี้สาธารณะต่อจีดีพียังอยู่ในระดับต่ำ

       นายสมคิด กล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ สถานการณ์ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้น ถือเป็นช่วงเวลาของเอเชีย ศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก กำลังเคลื่อนตัวจากตะวันตกมายังฝั่งเอเชีย ทั้งโครงการเส้นทางสายเศรษฐกิจ หรือ One Belt One Road (OBOR) เชื่อมต่อจากจีนสู่อาเซียน และการสร้างอินโดแปซิฟิค ที่ส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาในกลุ่มประเทศ CLMVT ทำให้เกิดconnectivity เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวของภูมิภาค

       ทั้งนี้ CLMVT กำลังเป็นหัวใจสำคัญของอาเซียน ไม่ว่า จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐ เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมกับไทย ซึ่งไทยถือว่าอยู่ใจกลางของภูมิภาคนี้ รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติ ส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่เข้าตั้งฐานการลงทุนในไทยมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านประเทศอื่นๆ ด้วย

       รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ตลาดทุนไทยในปัจจุบันมองว่าไม่ได้มีปัญหา แต่มีความแข็งแกร่งที่ไม่เป็นสองรองใครในอาเซียน โดยยืนยันว่านักลงทุนเกาหลีใต้หากเดินทางมาลงทุนไทยจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน พร้อมกับฝากให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดูแลนักลงทุนเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น

       ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561-2562 เชื่อว่ายังเติบโตได้ดี โดยต้องการให้บริษัทเอกชนที่มีแผนงานหรือพร้อมที่จะลงทุนขยายธุรกิจให้เดินหน้าได้เลย เนื่องจากในเวลานี้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 4% แน่นอน ซึ่งสิ่งที่ไทยต้องการให้เกาหลีใต้มาช่วย เช่น การลงทุนทางราง รถไฟความเร็วสูง การสร้างเมืองใหม่ เป็นต้น

       ขณะที่นักลงทุนเกาหลีใต้ได้สอบถามถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในไทย ซึ่งนายสมคิด กล่าวว่า ทุกบริษัทจากเกาหลีใต้มีโอกาสเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะไทยมีธุรกิจปิโตรเคมีที่มีโอกาสเติบโตดี จึงสามารถเข้ามาลงทุนโดยตรงหรือเข้ามาในรูปแบบกิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture ได้ และด้านการลงทุนนั้น BOI ก็พร้อมสนับสนุน ซึ่งคิดว่าศักยภาพของนักธุรกิจเกาหลีใต้มีความเข้มแข็งมากไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับนักลงทุนโดยให้สิทธิเท่าเทียมและมีความเป็นกลาง

      ส่วนธุรกิจการบินในไทยนั้น นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลไทยก็เปิดกว้างเช่นกัน หากนักลงทุนเกาหลีใต้ต้องการให้ดูแลในเรื่องใดสามารถเสนอมาไดั โดยขณะนี้การท่องเที่ยวของไทยเติบโตดี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากถึง 35 ล้านคน และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้รายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตได้ดี ซึ่งจะทำให้ธุรกิจการบินเติบโตดีมากขึ้น และในอนาคตไทยจะเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

       อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาของนักลงทุนเกาหลีในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสในการหาลู่ทางและแสวงหาพันธมิตรในอนาคต ซึ่งทางรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและดูแลอย่างเต็มที่ และทางรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปเศรษฐกิจไทย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย โดยมีนโยบายสำคัญ คือ ไทยแลนด์ 4.0 เพราะต้องการสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีมูลค่ามากขึ้น

       พร้อมระบุว่า โลกกำลังเปลี่ยนไป ทำไทยต้องเตรียมตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูปจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แม้มีโอกาสหลายครั้งแต่ไม่สามารถปลุกกระแสได้เลย แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดี เราต้องการสร้างกระแสการปฏิรูปและกำลังเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และต้องการมิตรสหายเชื่อมโยงให้เกิดประโยชน์สูงสุด

       "เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีจุดแข็งในสิ่งเหล่านี้ รถยนต์ท่านมีฮุนได เทเลคอมท่านมีซัมซุง แอลจี มีอุตสาหกรรมอาหาร เหล็ก รถไฟฟ้า เครื่องบิน ดิจิทัล ท่านไม่เป็นสองรองใคร" นายสมคิด กล่าว

                นายสมคิด กล่าว่า จะหาโอกาสนำคณะนักธุรกิจจากไทยไปหารือกับทางเกาหลีใต้อีกครั้ง เพื่อพัฒนาความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญ อยากให้เกาหลีใต้มีความเชื่อมั่นว่าไทยมีศักยภาพ เชื่อมั่นและไว้วางใจกัน ซึ่งเชื่อว่าหากได้ทำงานร่วมกันจะสามารถสำเร็จได้อย่างแน่นอน

      ด้าน น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า บีโอไอมั่นใจว่านักธุรกิจชั้นนำที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้กว่า 170 ราย และนักธุรกิจเกาหลีใต้ที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยแล้วและเข้าร่วมงานครั้งนี้อีกกว่า 40 ราย จะมองเห็นภาพรวมของประเทศไทย ทั้งในด้านนโยบายและการดำเนินงานจากบุคคลสำคัญหลายท่าน ได้แก่ โดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

      นอกจากนี้ นักธุรกิจเกาหลีใต้จะยิ่งมองเห็นโอกาสใหม่ๆ นอกเหนือจากด้านอิเล็กทรอนิกส์ ด้านดิจิทัล ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านไบโอเทคโนโลยี เพราะบีโอไอมีมาตรการใหม่ คือ มาตรการส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือบริษัทผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะด้านต่างๆ ซึ่งบริษัทชั้นนำของเกาหลีมีศักยภาพสูงมาก และมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับบริษัทเกาหลีที่กำลังตัดสินใจเลือกแหล่งลงทุนให้เลือกประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!