WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ถึงคิวบิ๊'ทีโอที-กสท'ทิ้งเก้าอี้'ยงยุทธ-กิตติศักดิ์'เปิดทางคนใหม่นั่งแทน

    แนวหน้า : 'บอร์ด กสท'นัดถกวาระลับ กรณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ขอลาออก ด้าน 'กิตติศักดิ์'ยอมรับยื่นใบลาออกจริงเพื่อเปิดทางให้แก่บุคคลที่มีความสามารถเข้ามาฟื้นฟูองค์กร ขณะที่'ยงยุทธ'จ่อไขก๊อกอีกคน เสนอบอร์ด ทีโอที 27สค.นี้

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมกรรมการ(บอร์ด) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม2557 ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาวาระลับเรื่อง การยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งของ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ขณะที่  พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ประธานบอร์ด กสท ได้ให้การปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเรื่องการพิจารณาหนังสือลาออกดังกล่าว รวมทั้งให้การปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ทุกประเด็นแก่สื่อมวลชน รวมทั้งไม่มีการแต่งตั้งโฆษกมาเพื่อทำหน้าที่แถลงดังกล่าวข่าวแต่อย่างใด

    ขณะเดียวกัน การประชุมบอร์ด กสทฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับปรุงการดำเนินงานของ กสท ตามข้อสังเกตของ คณะอนุกรรมการจัดทำบันทึกข้อตกและประเมินผลดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ประจำบัญชี 2556 และให้จัดส่งแนวทางดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(กนร.) ต่อไป

    นอกจากนี้ ได้มีมติรับทราบมติการประชุม กนร. ครั้งที่2 และเห็นชอบให้เร่งการดำเนินการตามมติการประชุมดังกล่าว รวมทั้งได้มีการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติม จำนวน 2 คน ในคณะกรรมการกฎหมาย ข้อสัญญาและการอุทธรณ์ด้วย

     นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ได้ดำเนินการยื่นหนังสือลาออกเพื่อเข้ารับการพิจารณาของบอร์ด กสท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผลการพิจารณาเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ เนื่องจากในการประชุมบอร์ด กสท ครั้งที่ผ่านมาตนไม่ได้เข้าร่วมประชุม เพราะเห็นว่าเมื่อยื่นหนังสือลาออกแล้วก็ไม่ควรเข้าร่วมประชุม

     “ส่วนเหตุผลที่ลาออก มาจากการที่เห็นว่า ควรเปิดทางให้แก่บุคคลที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน ในช่วงที่องค์กรต้องการคนมีความสามารถเข้ามาฟื้นฟูองค์กร” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

     ด้าน นายสังวรณ์ พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กสท กล่าวว่า จากกรณีที่นายกิตติศักดิ์ ได้ยื่นหนังสือลาออก ในนามของสหภาพเห็นว่า ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่คนต่อไป ควรที่จะเป็นบุคคลภายในของ กสท มากกว่าภายนอกองค์กร เนื่องจากบุคคลภายในมีความคุ้นเคย และรู้ลักษณะการดำเนินงานของ กสท เป็นอย่างดี ต่างจากคนนอกที่จะต้องใช้เวลานานในการเข้ามาเรียนรู้งาน รวมทั้งลักษณะของบุคคลที่จะขึ้นมาทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ เห็นว่าเป็นคนที่สามารถมองภาพรวมธุรกิจด้านโทรคมนาคมออก สามารถบริหารองค์กรและคณะผู้บริหารให้สอดคล้องกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในยุคปัจจุบัน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วยว่า ในส่วนของผู้บริหาร บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) นั้น นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที เตรียมยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้วเช่นกัน โดยจะมีการนำเรื่องเข้าเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดทีโอที พิจารณา ในการประชุมวันที่ 27 สิงหาคม2557 นี้

     สำหรับ ผลประกอบการปี 2557 ช่วงย 6 เดือน(ม.ค.-มิ.ย.)พบว่า มีรายได้ 32,400 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 33,700 ล้านบาท ขาดทุน 1,300 ล้านบาท ประมาณการรายได้ทั้งปี(ม.ค.-ธ.ค.) คาดว่าจะมีรายได้ 57,600 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 66,500 ล้านบาท ขาดทุน 8,900 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาทีโอที เร่งฟื้นฟูองค์กร หาช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆเพื่อลดการขาดทุน

เมื่อ...ทอท.ถูก'บอนไซ' อนาคตการขนส่งทางอากาศของไทย...ไปทางไหน?

     แนวหน้า : แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายกับปฏิบัติการปรับเปลี่ยน โยกย้ายล้างบางผู้บริหารหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจหลัง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจบริหารประเทศ เมื่อถึงคราว'ผลัดใบ'เมื่อรัฐบาลชุดเก่าและ'นายเก่า'สิ้นอำนาจวาสนาลงไปก็สมควรที่ผู้บริหารหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ จะ'เปิดทาง'ให้มีการผ่องถ่ายเลือดใหม่เข้าตำรา'สมบัติผลัดกันชม'

      แต่กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจหลายแห่งนั้น ตัวผู้บริหารหน่วยงานที่ก้าวขึ้นมาใช่ว่าจะมาจากการวิ่งเต้นหรือเส้นสายทุกกรณีไป บางคนนั้นกว่าจะขับเคี่ยวกว่าจะเลือกเฟ้นขึ้นมานั่งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น

      ขณะที่รัฐวิสาหกิจหลายแห่ง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ แต่สถานะที่แท้จริงของหน่วยงานนั้นได้มีการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ทั้งบอร์ดและฝ่ายบริหารต้องยึดหลักธรรมาภิบาล ต้องบริหารโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก การจะปรับเปลี่ยนล้างบางบอร์ดหรือฝ่ายบริหารบางครั้งมันมีครรลองที่ต้องดำเนินการไม่ใช่นึกจะปลดก็ลุกขึ้นมาดำเนินการกันดื้อๆ อย่างที่นักการเมืองน้ำเน่าชอบทำกัน!

     ล่าสุดก็มาถึงคิว 'เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย'ที่เพิ่งประกาศไขก๊อกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ไป แม้เจ้าตัวจะอ้างว่า เป็นการ'จากกันด้วยดี'ไม่มีวาระแอบแฝง เมื่อเป็นความต้องการของผู้ถือหุ้นที่สะท้อนผ่าน คณะกรรมการบริษัทฝ่ายบริหารย่อมต้องเปิดทางให้ “แต่วิญญูชนย่อมรู้ดีอะไรเป็นอะไร”

    ในทันทีที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.ไขก๊อกลุกจากเก้าอี้ชนิดก้นยังไม่ทันหายร้อนก็ให้ปรากฏว่าบอร์ด ทอท.ก็มีมติให้ชะลอ โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2-3-4 ไปอีกอย่างน้อย 10 ปีและให้หันไปเพิ่มศักยภาพของสนามบินด้วยการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในประเทศ Domestics/Multi-function Terminal แทนด้วยข้ออ้างประหยัดงบประมาณ และสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ทัดเทียมกับการก่อสร้างและขยายสุวรรณภูมิ เฟส 2

     ท่ามกลางข้อกังขาบอร์ดทอท.ชุดนี้ไป'ขุดกรุ'เอาแผนขยายสนามบินนี้มาจาก'ลิ้นชัก'ไหน....รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ตลอดจนทอท.ได้เคยมีการศึกษาแนวทางการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในประเทศเช่นว่านี้ กับแนวทางการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2-3-4 เปรียบเทียบกันในทุกมิติแล้วเป็นสิบปีแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจเดินหน้าอนุมัติโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 และ 3 ออกมา...

     หากทุกฝ่ายจะได้ย้อนกลับไปพิจารณาแผนแม่บทโครงการสุวรรณภูมิ เฟส 2 -3 ที่รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมวางกรอบดำเนินการเอาไว้ก่อนหน้าภายใต้วงเงินลงทุน 62,000 ล้านบาทนั้น มีรายละเอียดที่ครอบคลุมไปถึง 4 กลุ่มงานด้วยกันคือ

     1.งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2.16 แสนตารางเมตร พร้อมลานจอดที่สามารถจอดเครื่องบินประชิดอาคารได้ 28 หลุมจอด รองรับอากาศยานขนาด A380 ได้ 8 หลุมจอด และ B747-400 ได้ 20 หลุมจอด พร้อมระบบทางขับหรือ Taxiway และสิ่งอำนวยความสะดวก  2.การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเชื่อมต่อ Satellite Terminal พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านทิศตะวันออกพื้นที่ 1.5 หมื่นตารางเมตรและอาคารที่จอดรถ 1 อาคารพื้นที่ 3.5 หมื่นตารางเมตรวงเงิน 7,078 ล้านบาทพร้อมทางเดินเชื่อมต่อ 3.งานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภควงเงิน 2,564 ล้านบาท และกลุ่มงานที่ 4 เป็นงานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารผู้โดยสารหรือรถ APM (Automated People Mover) วงเงิน 2,897 ล้านบาท พร้อมระบบขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร (BHS)

      ขณะที่แผนขยายสนามบิสนสุวรรณภูมิ ที่จะดำเนินการต่อเนื่องจะก่อสร้าง Runway ที่ 3 เพิ่มเติมเพื่อให้การจัดตารางการบินหรือ Slot ขึ้น-ลงของเที่ยวบินเป็นไปอย่างคล่องตัว ไม่ก่อให้เกิดความแออัดยัดทะนาน จนเที่ยวบินขึ้น-ลง ต้องบินวนเป็นอีแร้งอีกาเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินแห่งนี้เมื่อ 3-4 ปีก่อน แล้วแผนเพิ่มศักยภาพสนามบินแห่งนี้ ที่บอร์ด ทอท.สุมหัวกันอนุมัติออกไปล่าสุดตอบสนองนโยบายที่จะผลักดันให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็น HUB of Asia อย่างไร?

     คงต้องฝากไปยังฯพณฯท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ปวารณาตนเองจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศ ได้ตระหนักในสิ่งที่บอร์ด ทอท.กำลังดำเนินการกันอยู่นี้ ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะถูก'ตราหน้า'ว่าคือผู้ที่บั่นทอนทำลายศักยภาพแอละขีดความสามารถของประเทศไทยลงเสียเอง

     แน่นอน! การที่ คสช.และคตร.สั่งชะลอการดำเนินโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟสที่ 2เพื่อตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการ ตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินการนั้นเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายยอมรับได้แน่....

     แต่การที่บอร์ด ทอท.จะตัดสินใจล้มโครงการที่เป็นอนาคตของประเทศ และตัดสินใจเรื่องใหญ่ระดับชาติเช่นนี้ มันจำเป็นที่ต้องมีการศึกษาเปรียบเทียบ มีรายงานการศึกษาผลดี-ผลเสียกันอย่างรอบด้านก่อน...

     สำหรับ บอร์ด ทอท.ที่กอปรด้วยข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานรัฐที่นัยว่าต่างอุทิศตนเข้ามาเพื่อกอบกู้วิกฤติชาติบ้านเมือง กอบกู้ความเชื่อมั่น ไม่ตกอยู่ในวังวนการเมืองหรือตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆ อีกนั้น การที่ท่านตัดสินใจ 'บอนไซ'แผนแม่บทโครงการขยายศักยภาพขอแงสนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้ เพียงเพราะเหตุผลที่ต้องการประหยัดงบประมาณของชาติและอ้างว่า การก่อสร้างอาคารเพียง 1 หลังชดเชยขึ้นมานั้นสามารถจะทดแทนโครงการเดิมได้หมดนั้น พวกท่านแน่ใจหรือว่าทั้งหมดนี้ คือการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลรายงานการศึกษาเปรียบเทียบที่มีการดำเนินการกันอย่างรอบคอบแล้ว...ท่านจะสู้หน้าลูกหลานที่ต่างฝากอนาคตของบ้านเมืองไว้กับพวกท่านได้อย่างไร?...

      และสำหรับคนทอท.องค์กรที่กำลังจะถูก'บอนไซ'หากพวกท่านยังคงนิ่งเฉยปล่อยเลยตามเลย หากพวกท่านยังไม่คิดจะปกปักษ์รักษาผลประโยชน์ขององค์กรเอง ปล่อยให้'ร่างทรง'กลุ่มนายทุนผลประโยชน์เข้ามาตักตวงผลประโยชน์ ย่ำยีแผนแม่บทการลงทุนที่ถือเป็นอนาคตขององค์กรได้ถึงเพียงนี้ก็เตรียมรับกับหายนะขององค์กร ทอท.ที่กำลังจะคลืบคลานเข้ามาในอนาคตอันใกล้ เฉกเช่นที่คนการบินไทยกำลังประสบอยู่อย่างหนักหนาสาหัสกันอยู่ในเวลานี้!!!

          อนันตเดช พงษ์พันธุ์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!