- Details
- Category: CAT-TOT
- Published: Saturday, 15 August 2015 21:43
- Hits: 7686
ไปรษณีย์ไทย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกทะลุหมื่นล้าน รุกปรับภาพลักษณ์ใหม่ ชูแบรนด์เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ฉลองครบรอบ 12 ปี ปณท และ 132 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ด้วยตัวเลขรายได้ กำไรในครึ่งปีแรกกว่าหนึ่งพันสามร้อยล้านบาท เดินหน้าพัฒนาคุณภาพบริการ และขยายธุรกิจสอดรับกับไลฟ์สไตล์คนไทย สนับสนุนทุกธุรกิจไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก เปิดตัวโครงการจำหน่ายสินค้าฮาลาล ร่วมกับ ศอ.บต. ช่วยกระจายสินค้าให้ผู้ประกอบการชายแดนภาคใต้ พร้อมปรับภาพลักษณ์ใหม่บริการ EMS ตอบโจทย์เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย
นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และคณะกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พร้อมทีมผู้บริหารร่วมกันแถลงถึงผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2558 รวมทั้งยุทธศาสตร์และแนวทางในการดำเนินงานของ ปณท โดย นายปิยะวัตร์ กล่าวว่าผลการดำเนินงานของ ปณท ในช่วงครึ่งปีแรก ระหว่ามกราคม – มิถุนายน ปณท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 11,048.94 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,361.18 ล้านบาท “ปัจจัยสำคัญมาจากการขยายตัวของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเติบโตขึ้นจากบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) สร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่งคือ 5,127.92 ล้านบาท หรือ 46.36% ขณะที่ธุรกิจสื่อสารมีสัดส่วนรายได้ 43.63 % หรือ 4,860.31 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมีรายได้ 439.50 ล้านบาท หรือ 4.49 % ตามด้วยธุรกิจการเงิน 286.72 ล้านบาท” พร้อมระบุเป้าหมายรายได้ของปี 2558 ว่าจะอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท
นายปิยะวัตร์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวการพัฒนาคุณภาพบริการหลักของ ปณท นั้น จะเน้นไปที่บุคลากร ระบบปฏิบัติการ และไอทีเป็นสำคัญ เพื่อปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานการให้บริการไปรษณีย์ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่กระบวนการรับฝาก - ส่งต่อ - นำจ่าย โดยจัดให้มีจุดบริการหุ้มห่อสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ เพื่อให้คำแนะนำ และบริการประชาชนในการเลือกใช้วัสดุและหุ้มห่อสิ่งของที่ฝากส่งให้ถูกวิธี เหมาะสมกับประเภทของสิ่งของที่ฝากส่ง และจัดกิจกรรม “ชดใช้ค่าเสียหายสำหรับบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้บริการของจุดให้บริการหุ้มห่อ เพื่อให้การฝากส่งสิ่งของเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์เมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง/ ตรวจสอบการหุ้มห่อ ณ จุดให้บริการหุ้มห่อฯ และมีการประทับตรา “ตรวจสอบแล้ว” ถือว่าสิ่งของฯ มีการหุ้มห่อที่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ ไปรษณีย์ไทยจะมีการรับประกันการชำรุด แตกหัก เสียหาย โดยจะชดใช้ค่าเสียหายในอัตราเพิ่มพิเศษ 1.5 เท่า ของมูลค่าสิ่งของแต่ไม่เกิน 3,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2558 เฉพาะที่ทำการไปรษณีย์ที่เข้าร่วมโครงการ 17 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ขณะเดียวกัน จะดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งให้มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น มีเครื่องคัดแยกแบบสายพานช่วยในการปฏิบัติงานคัดแยกสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ประเภทกล่องและซองขนาดใหญ่ ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง ปรับปรุงอุปกรณ์ไปรษณีย์ (ลังพลาสติก/ ถุงไปรษณีย์แบบกล่อง/ กระบะบรรจุไปรษณีย์) และอุปกรณ์เคลื่อนย้าย (Dolly) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการนำจ่าย โดยการพัฒนาระบบนำจ่ายสิ่งของที่มีขนาดใหญ่/กล่อง การนำจ่ายในอาคารสูงและการนำจ่ายในช่วงฤดูฝน เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยการนำจ่ายโดยรถยนต์
รวมไปถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นเครือข่ายน้ำใจของคนไทยเพื่อช่วยเหลือสังคมไทย ด้วยการส่งต่อสิ่งของ ส่งมอบทุกความช่วยเหลือไปสู่สังคมไทยและนานาประเทศที่ได้รับความเดือดร้อน ส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชนไทยผ่านดวงตราไปรษณียากร และริเริ่มโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข สนับสนุนให้ชุมชนในท้องถิ่น เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเริ่มนำร่องที่กลุ่มผลิตข้าวฮางบ้านกุดจิก อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และกลุ่มสหกรณ์ประตูป่า จ.ลำพูน
พร้อมกันนี้ ได้ร่วมมือกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดตัวโครงการจำหน่ายสินค้าฮาลาล เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงความร่วมมือในโครงการดังกล่าวว่า ศอ.บต. ได้คัดเลือกสินค้าของดีชายแดนใต้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล วางจำหน่าย ณ ที่ทำการไปรษณีย์ นำร่อง 30 แห่งในพื้นที่ 14 จังหวัดในภาคใต้ และกรุงเทพฯ โดยคาดว่าความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานจะนำมาซึ่งความสงบสุขของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่อย่างแท้จริง
ในโอกาสนี้ได้มีการเปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ของบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) โดยจะมีการเปลี่ยนเสื้อแจ็คเก็ตเจ้าหน้าที่นำจ่ายของบริการ EMS ให้ดูทันสมัย สดใส โดดเด่นและจดจำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งประชาชนสามารถพบกับเจ้าหน้าที่นำจ่ายของบริการ EMS ในภาพลักษณ์ใหม่พร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่ 14 สิงหาคม เป็นต้นไป
“ภารกิจในการครบรอบ 12 ปี ไปรษณีย์ไทย และ 132 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย จึงมีความสำคัญที่จะสร้างเครือข่ายของไปรษณีย์ไทยให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะขับเคลื่อนทุกภาคธุรกิจของคนไทยไปสู่เวทีโลก และเป็นส่วนหนึ่งของ'ชีวิต'คนไทย เป็นกลไกขับเคลื่อน “เศรษฐกิจไทย” ด้วยความ 'รู้จริง' รู้จักทุกตารางนิ้วทุกพื้นที่ของไทย'รู้ใจ' ในความต้องการที่หลากหลาย ให้บริการด้วยความ 'จริงใจ'ไปรษณีย์ไทยนับจากวันนี้ไป คือการเป็นเครือข่ายชีวิต และเศรษฐกิจไทยอย่างเต็มภาคภูมิ” นายปิยะวัตร์ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพในเชิงธุรกิจนั้น ไปรษณีย์ไทย จะยังคงมุ่งรักษาตลาดสื่อสารควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งตลาดขนส่ง ค้าปลีก และการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และขยายโอกาสทางธุรกิจ เป็น Smart Post ของชาติไทย พัฒนารูปแบบการขนส่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ดำเนินงานตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาล และสนับสนุนให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลกด้วยเครือข่ายที่มีคุณภาพ ทั้งด้านบุคลากร มาตรฐานคุณภาพบริการ และครอบคลุมเข้าถึงคนไทยทุกครัวเรือน