- Details
- Category: บีโอไอ
- Published: Wednesday, 18 January 2017 23:41
- Hits: 10590
บีโอไอ เปิดแผนขับเคลื่อน ‘ประเทศไทย 4.0’ พร้อมลุยโรดโชว์สร้างความเชื่อมั่นชี้แจง พ.ร.บ.ใหม่
บีโอไอ เผยแผนสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และการขับเคลื่อน ‘ประเทศไทย 4.0’ประเดิมจัดงานสัมมนาใหญ่แห่งปี ‘Opportunity Thailand’ซีอีโอทั้งในและจากต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมคับคั่งรับฟังโอกาสใหม่การลงทุนในไทย และเตรียมจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนในประเทศเป้าหมาย เพื่อชี้แจงถึงพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการดึงดูดให้โครงการชั้นนำและโครงการที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่าปี 2560 ถือเป็นปีทองแห่งการลงทุนของประเทศไทย เพราะนอกจากจะเป็นช่วงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเริ่มสนับสนุนการลงทุนที่จะสร้างประเทศไทย 4.0 แล้ว ยังเป็นปีแห่งการสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ให้เอื้อต่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 3 ฉบับ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับการลงทุนของภาคเอกชน บีโอไอจึงได้เตรียมแผนในการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบของการจัดสัมมนาและการเดินทางไปชักจูงการลงทุนในต่างประเทศ
กิจกรรมแรก และถือเป็นการจัดสัมมนาใหญ่แห่งปีนี้ก็คือ การจัดงานสัมมนาและนิทรรศการ 'โอกาสทางการลงทุนในประเทศไทย'(Opportunity Thailand) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายอุตตม สาวนายม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีผู้บริหารระดับสูงจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีการลงทุนในประเทศไทยแล้ว ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มแอร์บัส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้บริหารจากบริษัทอายิโนะโมโต๊ะ ประเทศญี่ปุ่น และผู้บริหารจากบริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี (จำกัด) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน และผู้นำภาคเอกชนของไทย ได้แก่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายกานต์ ตระกูลฮุน จากปูนซิเมนต์ไทย ร่วมเสวนาเรื่องการสร้างประเทศไทย 4.0 ให้เป็นจริง
สำหรับ การสัมมนาในช่วงบ่าย แบ่งเป็น 3 กลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมเครื่องจักรอัตโนมัติและหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ โดยได้รับเกียรติจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ แลกเปลี่ยนถึงการเดินหน้าของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต พร้อมจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ และสร้างโอกาสการเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทยกับบริษัทรายใหญ่ในอุตสาหกรรมอากาศยาน เช่น บริษัทโรลส์รอยซ์ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสของการเข้าถึงตลาดอุตสาหกรรมอากาศยานสำหรับบริษัทไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน หรือสำนักงานบีโอไอในต่างประเทศ จะนำคณะผู้สื่อข่าวของแต่ละประเทศประมาณ 70 คน เดินทางมาเข้าร่วมงานสัมมนา เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งเยี่ยมชมพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต
"ขณะนี้มีผู้บริหารระดับสูงทั้งจากบริษัทในไทยและบริษัทจากต่างประเทศ ตอบรับเข้าร่วมงานแล้วกว่า 1,500 ราย และจนถึงวันงานจะมีผู้เข้าร่วมงานสัมมนาตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2,500 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริหารระดับผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ รองประธาน ประธานบริษัท ทั้งสิ้น บีโอไอจึงมั่นใจว่างานสัมมนาจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี" เลขาธิการบีโอไอกล่าว
นางหิรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า บีโอไอจะจัดให้มีกิจกรรมภายหลังจากงานสัมมนาใหญ่ครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นการดำเนินงานภายใต้งบประมาณกลางที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล ครอบคลุมทั้งกิจกรรมเดินสายชักจูงการลงทุน หรือโรดโชว์ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่บริษัทเป้าหมาย เพื่อประชาสัมพันธ์กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งฉบับแก้ไข และฉบับใหม่ รวมถึงการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ผ่านสื่อที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศตลอดทั้งปี 2560
สำหรับ ในช่วงต้นปี 2560 (มกราคม – มีนาคม) บีโอไอกำหนดแผนโรดโชว์ที่ประเทศ สิงคโปร์ อินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา ยุโรป (เยอรมนี สวีเดน) และญี่ปุ่น โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะไปชักชวนให้มาลงทุน ได้แก่ ไบโอเทคโนโลยีไอที ออโตเมชั่น เครื่องมือแพทย์ และเครื่องจักรส่วนในช่วงกลางปี 2560 จะเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา เกาหลี และยุโรป (อังกฤษ นอร์เวย์ เยอรมนี) โดยเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ อากาศยานและการบิน เครื่องมือแพทย์ ออโตเมชั่น และไอที เป็นต้น