- Details
- Category: บีโอไอ
- Published: Tuesday, 23 August 2016 09:03
- Hits: 4546
บีโอไอ เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในไทย ร้อยละ 32.8 จะขยายการลงทุนในไทย คาดผลประกอบการปี 59 และ60 ดีขึ้น
บีโอไอ เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในไทยประจำปี 2559 นักลงทุนร้อยละ 32.8 มีแผนจะขยายการลงทุนในประเทศไทย และอีกร้อยละ 64 ยังเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เหตุผลหลักคือ โครงสร้างพื้นฐาน วัตถุดิบและชิ้นส่วน ซัพพลายเออร์ ระบบขนส่งโลจิสติกส์ มีคุณภาพ
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ประจำปี 2559 จากจำนวนกว่า 600 บริษัทที่ตอบแบบสอบถามและให้สัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยนักลงทุนร้อยละ 32.8 มีแผนที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าที่ได้มีการสำรวจในปี 2558 และ 2557 ที่มีสัดส่วนนักลงทุนที่ต้องการขยายการลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 25.2 และ 23.5 ตามลำดับ ขณะเดียวกัน นักลงทุนอีกร้อยละ 64.3 จะเดินหน้าลงทุนในไทยตามแผนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนที่จะลดระดับการลงทุนในไทยลงนั้นมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2 .7 เท่านั้น
สำหรับ ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวางแผนจะขยายการลงทุน รวมทั้งยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยตามแผนเดิม พบว่า ปัจจัยสำคัญสามลำดับแรก คือ โครงสร้างพื้นฐานโดยรวมที่มีอยู่เพียงพอร้อยละ 52.7 การมีวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพียงพอ ร้อยละ 49.6 และการมีซัพพลายเออร์ที่เพียงพอ ร้อยละ 47.7 ตามด้วยคุณภาพของระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ ร้อยละ 47.3 สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนร้อยละ 46.3
นอกจากนี้ การสำรวจยังได้สอบถามถึงการคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559 และปี 2560 ด้วย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าผลประกอบการในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายได้รวม รายได้จากตลาดในประเทศ รายได้จากตลาดต่างประเทศ และผลกำไรในปี 2559 จะดีกว่าในปี 2558 รวมถึงคาดว่าในปี 2560 จะดีกว่าปี 2559 อีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศการลงทุนและการดำเนินธุรกิจเชิงบวกในประเทศไทย
สำหรับ ผลสำรวจเรื่องความพึงพอใจต่อบริการของบีโอไอ พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่พอใจต่อบริการจากเจ้าหน้าที่บีโอไอ รวมถึงการนำระบบออนไลน์มาให้บริการแทนการยื่นเอกสาร ช่วยเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการอย่างมาก
บีโอไอเผย 7 เดือนแรกของปีนี้กลุ่มการแพทย์ลงทุนกว่า 5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 252% จากช่วงเดียวกันปี 58 มั่นใจผลักดันไทยเป็น HUB สุขภาพ
บีโอไอ เผยช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.59) มีอุตสาหกรรมการแพทย์ลงทุนในไทยแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท มั่นใจจะเป็นแรงผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพในภูมิภาคตามนโยบายของ รัฐบาล
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสนับสนุนสร้างแรงจูงใจทั้งด้านภาษี การปรับกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนนั้น ส่งผลให้มีการลงทุนในกลุ่มกิจการใหม่ ๆ และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาการผลิตในประเทศ ไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ในช่วง 7 เดือนที่ผ่าน มามีการยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนแล้วมูลค่ารวมกว่า 5,100 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 252% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1,450 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีกิจการที่บีโอไอได้พิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้ว และเป็นโครงการที่น่าสนใจ อาทิ กิจการชุดน้ำยาตรวจยีน ซึ่งเป็นชุดทดสอบเพื่อตรวจจับความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยชุดผลิตภัณฑ์จะช่วยให้สามารถวินิจฉัยและคัดกรองผู้ที่มีหลอดเลือด หัวใจตีบได้ภายในเวลาอันสั้น เพื่อทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโครงการนี้ผู้ผลิตได้วางแผนเข้ามาลงทุนขยายการผลิตและตั้ง โรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์ชุดน้ำยาตรวจยีนในต่างประเทศเป็นครั้งแรกจากเดิมที่มีผลิตแค่ ในประเทศจีน เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติส่งเสริมลงทุนแก่โครงการผลิตเลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lenses) เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาในการมองเห็น เช่น ผู้ป่วยที่เป็นต้อหินหรือต้อกระจก โดยวิธีการ ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมให้กับผู้ป่วย เกิดจากการนำผลการวิจัยและพัฒนาซึ่งผู้ประกอบการไทย ร่วมมือกับหน่วยงานภาค รัฐและสถาบันการศึกษา เช่น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นต้น ดำเนินการ มาทำการผลิตในเชิงพาณิชย์
"โครงการนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตเลนส์แก้วตาเทียมในประเทศไทย มีกำลังผลิตปีละประมาณ 50,000 ชิ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้ในช่วงเดือนมกราคม 2561 ส่วนใหญ่ (มากกว่าร้อยละ 80) เป็นการผลิตเพื่อป้อนความต้องการในประเทศ จึงเป็นการทดแทนการนำเข้า จากต่างประเทศและจะช่วยขยายโอกาสการเข้าถึง เลนส์แก้วตาเทียมให้กับผู้ป่วยในประเทศไทย เนื่องจากราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการนำเข้าจากต่างประเทศ" นางหิรัญญา กล่าว
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ข้างต้นยังมีแผนจะพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับ กระบวนการผลิตเลนส์แก้วตา เทียมที่มีคุณสมบัติสูงขึ้น อาทิ เลนส์แก้วตาเทียมที่สามารถแก้ค่าสายตาเอียงได้ ซึ่งรูปแบบของกิจการ ผลิตในกิจการนี้จัดเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ สอด คล้องกับนโยบายการมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical Hub) ในภูมิภาคอาเซียนของ รัฐบาลต่อไป
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือน ส.ค.จะมีพิธีเปิดโรงงานสำหรับผลิตน้ำยาล้างไต ทางช่องท้อง ซึ่งเป็นโครงการขยายการลงทุน โครงการที่ 2 ของบริษัท แบ็กซ์เตอร์ แมนูเฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ผลิต ในกลุ่มแบ็กเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Baxter International Inc.) ผู้ผลิตและ จำหน่ายยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 37 และขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมูลค่าการลงทุนรวมของบริษัทใน ประเทศไทยสูงกว่า 6,000 ล้านบาท สร้างรายได้จากการส่งออกเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้าน บาทต่อปี
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย