- Details
- Category: บีโอไอ
- Published: Thursday, 25 February 2016 00:06
- Hits: 5894
บีโอไอ ปลื้มผลพบนักลงทุนภาคตะวันออก มั่นใจนโยบายและมาตรการภาครัฐปลุกเศรษฐกิจปี 59
บีโอไอ ปลื้มผลสำเร็จจัดงานพบนักลงทุนในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เผยเอกชนสนใจมาตรการเร่งรัดการลงทุน-งานวิจัยและพัฒนา รวมถึงนโยบายกำหนดเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม พร้อมเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ด้านภาพรวมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกในปี 2558 ก่อให้เกิดการจ้างงาน 65,125 คน เล็งจัดอีก 2 จังหวัด ที่นครราชสีมา และเชียงใหม่
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดกิจกรรม "ผู้บริหาร BOI พบนักลงทุนภูมิภาค" โดยมีการบรรยายพิเศษ เรื่อง"โอกาสการลงทุนและสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก" ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ลงทุนในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 300 คน
ทั้งนี้การพบหารือระหว่างผู้บริหารบีโอไอกับนักลงทุนในภูมิภาคประสบความสำเร็จด้วยดี โดยนักลงทุนแสดงความสนใจสอบถามถึงนโยบายและมาตรการต่างๆของภาครัฐ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนหรือขยายกิจการในอนาคต อาทิ มาตรการเร่งรัดการลงทุน ซึ่งเปิดให้เอกชนที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่ มกราคม 2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2559 ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากบีโอไอได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
การให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา หรือออกแบบทางวิศวกรรม ซึ่งต้องยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในสิ้นปี 2560 รวมถึงการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (New Engine of Growth) เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต โดยพบว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการในพื้นที่แสดงความสนใจลงทุนในกิจการผลิตหุ่นยนต์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 อุตสาหกรรมใหม่ตามนโยบายดังกล่าว เป็นต้น
"กิจกรรมครั้งนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนในด้านของการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ความสนใจสอบถามรายละเอียดของมาตรการต่าง ๆ และแนวทางการส่งเสริมของรัฐบาลเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการตัดสินใจลงทุน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาพรวมของการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลเริ่มได้รับความสนใจ คาดว่าจะเห็นทิศทางของการลงทุนได้เร็ว ๆนี้ อย่างไรก็ตามบีโอไอกำหนดที่จะจัดให้มีกิจกรรมในรูปแบบของการพบหารือกับภาคเอกชนในภูมิภาคขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งคือ จังหวัดนครราชสีมา และเชียงใหม่ ซึ่งจะทำให้รับทราบความสนใจของนักลงทุนได้ชัดเจนขึ้น" นางหิรัญญา กล่าว
นางหิรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ บีโอไอได้ชี้แจงถึงการเดินหน้านโยบายส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ ซึ่งภาครัฐตั้งเป้าที่จะยกระดับพื้นที่ที่มีศักยภาพและเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อรองรับกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น รวมถึงทิศทางของนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษใน 10 พื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ สนใจยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ต่างๆ แล้ว 12 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักธุรกิจจากทั้งในประเทศและต่างชาติ สนใจเข้ามาติดต่อสอบถามข้อมูลของนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น ส่วนใหญ่สนใจลงทุนกิจการด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ เครื่องเรือน ศูนย์กระจายสินค้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ดร.คณิศ แสงสุพรรณ ประธานคณะทำงานส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน กระทรวงการคลัง ร่วมบรรยายให้ความชัดเจน เรื่อง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย : กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) และกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าที่จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ประทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และภายในปี 2575 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ6 ต่อปี
สำหรับ ในปี 2558 ที่ผ่านมา ภาพรวมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ระยอง และสระแก้ว มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยมีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งสิ้น 834 โครงการ ขณะที่มีเงินลงทุนรวมกว่า 365,930 ล้านบาท ซึ่งจำนวนโครงการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37 ของจำนวนโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากทั้งประเทศ ขณะที่สัดส่วนเงินลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 45 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการในหมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง เป็นต้น ทั้งนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งคนไทยและต่างชาติรวมไม่น้อยกว่า 65,125 คน