เมื่อเร็วๆนี้ รัฐสภาเกาหลีใต้ได้ผ่านกฎหมายคาร์บอน ซึ่งหอการค้าและภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ได้แสดงความคัดค้านและเห็นว่าจะกระทบความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับประเทศที่ไม่มีกฎหมายคาร์บอน เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของเอเซีย โดยมีการปล่อยคาร์บอนราว 600 ล้านตัน/ปี (สูงกว่าปี 1990 ถึง 2 เท่า) และได้ตั้งเป้าแบบสมัครใจว่าจะลดการปล่อยคาร์บอน 30% จาก BAU (Business As Usual) ภายในปี 2020 (หรือราว 4% จากปี 2005)
กฎหมายนี้ทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศลำดับที่ 3 ของเอเซียและเป็นลำดับที่ 34 ของโลกที่ใช้ระบบจำกัดการปล่อยคาร์บอนและหากจะปล่อยเกินปริมาณที่กำหนดจะต้องซื้อคาร์บอน (cap and trade) โดยจะกระทบผู้ปล่อยคาร์บอนรายใหญ่ (ปล่อยคาร์บอนเกิน 25,000 ตัน/ปี) ราว 500 ราย เช่น POSCO (ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก) ,Samsung, โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหิน, อู่ต่อเรือ และฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่ และหากไม่ดำเนินการตามที่กำหนดจะถูกปรับในอัตรา 88 ดอลล่าร์/ตันคาร์บอน ทั้งนี้ กฎหมายจะเริ่มใช้ในปี 2015
เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีหลายประเทศได้นำระบบ cap and trade มาใช้ในการควบคุมการปล่อยคาร์บอน เช่น ออสเตรเลีย จีน รวมถึงบางรัฐในสหรัฐฯ
|