WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DonaldTrump

รายงานประชุมชี้เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น เหตุมาตรการ ทรัมป์ จ่อหนุนเงินเฟ้อพุ่ง

       รายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วขึ้น

      รายงานการประชุมระบุว่า "กรรมการกำหนดนโยบายราวกึ่งหนึ่งคาดว่าจะมีการใช้นโยบายด้านการคลังมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางขาขึ้น

      ในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75%

     ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดแถลงภายหลังการประชุมว่า "ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ กรรมการเฟดได้เล็งเห็นว่า เศรษฐกิจมีการเติบโตจนใกล้บรรลุเป้าหมายการผลักดันการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการรักษาราคาให้มีเสถียรภาพ เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงมีการขยายตัวที่ดี โดยตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า"

     ประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ และมุมมองของเฟดจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า ในปี 2560 อาจจะมีผลกระทบเล็กน้อยจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

      อินโฟเควสท์

บิ๊กเฟด เผย การขึ้นดบ.นโยบายอาจเกิดขึ้น 3 ครั้งในปีนี้ ชี้เป็นระดับที่เหมาะสม

       สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายจอห์น วิลเลี่ยมส์ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดเขตซานฟรานซิสโกกล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีนี้เป็นการประเมินที่สมเหตุสมผล หลังการว่างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อค่อยๆเพิ่มขึ้น

 'แนวคิดที่เป็นไปได้มากที่สุด ดอกเบี้ยน่าจะขึ้นราว 3 ครั้ง ซึ่งผมคิดว่า เป็นแนวคิดที่สมเหตุสมผลมาก' นายวิลเลี่ยมส์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี

 นอกจากนี้ นายวิลเลี่ยมส์กล่าวว่า เฟดจะติดตามนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการคลังของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่ประมาณการไว้

 'ทุกประเด็นเกี่ยวกับนโยบายการคลัง และนโยบายอื่นๆเป็นสิ่งที่เราศึกษาอย่างใกล้ชิดอย่างมาก และวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ในมุมมองของผม ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะคงต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่สภาคองเกรสจะอนุมัติมาตรการต่างๆของรัฐบาล ก่อนที่จะมีผลบังคับ' นายวิลเลี่ยมกล่าว

      ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯมีนโยบายที่จะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ กระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศ และลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีหลายมาตรการที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!