- Details
- Category: USA
- Published: Sunday, 20 November 2016 21:06
- Hits: 13729
คาดเฟดมีโอกาส 90% ขึ้นดบ.เดือนหน้า หลังศก.สหรัฐแกร่ง,จ้างงานสดใส,เงินเฟ้อพุ่ง,ถ้อยแถลงเยลเลนหนุน
นักลงทุนคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ท่ามกลางการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง, การจ้างงานที่สดใส และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น รวมทั้งการกล่าวถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.
นางเยลเลนมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ เวลา 10.00 น. หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย ในร่างแถลงการณ์ของนางเยลเลนที่มีการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ก่อนถึงกำหนดการดังกล่าว ระบุว่า นางเยลเลนกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต
นางเยลเลนยังระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่กำลังส่งสัญญาณความแข็งแกร่งในการจ้างงาน และการขยายตัว เพียงพอที่จะเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นางเยลเลน กล่าวว่า ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย.นั้น กรรมการเฟดมีความเห็นว่า เหตุผลที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น
นางเยลเลนตั้งข้อสังเกตุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อก็ได้ดีดตัวขึ้น แม้ว่ายังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ระดับ 2%
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนต.ค. โดยดีดตัวขึ้น 25.5% สู่ระดับ 1.32 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2007 และทำสถิติอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.1982
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 235,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1973
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนต.ค. โดยดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. จากแรงหนุนของราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น
ดัชนี CPI ดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบ 43 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 235,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1973
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 257,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 89 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 6,500 ราย สู่ระดับ 253,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับ จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง มีจำนวนลดลง 66,000 ราย สู่ระดับ 1.98 ล้านราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 พ.ย. ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 19,250 ราย สู่ระดับ 2.02 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2000
สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งสูงสุดรอบกว่า 9 ปีในเดือนต.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนต.ค. โดยดีดตัวขึ้น 25.5% สู่ระดับ 1.32 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2007 และทำสถิติอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.1982
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.16 ล้านยูนิตในเดือนต.ค.
ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว พุ่งขึ้น 10.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 869,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2007 ขณะที่การก่อสร้างบ้านหลายครอบครัว ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม พุ่งขึ้น 68.8% สู่ระดับ 454,000 ยูนิต
นอกจากนี้ กระทรวงรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. โดยตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้น 2.7% ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านหลายครอบครัว ลดลง 3.3%
อินโฟเควสท์