- Details
- Category: CHINA
- Published: Sunday, 19 November 2023 18:13
- Hits: 2528
การเจรจาจีน-สหรัฐฯ บนหนทางสู่สันติภาพ...
ดร.ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ นักวิจัยด้านความมั่นคงและวัฒนธรรมสัมพันธ์เอเชีย
ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ระหว่างการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2023 ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่าทีของมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ได้รับการจับตามากที่สุด เพราะการเจรจาหนนี้บ่งชี้ทิศทางของโลกท่ามกลางกระแสขัดแย้งจีน-สหรัฐฯ ในเวทีการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร แก่นการประชุม 'การสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนสำหรับทุกฝ่าย'เผยนัยการเจรจาตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน และเมื่อผู้นำสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากันจริง ๆ โลกก็ได้เห็นทิศทางอันชวนผ่อนคลาย
การเจรจาทวิภาคีจีน-สหรัฐฯ เกิดขึ้น ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น หรือ เพียงสองวันก่อนเอเปค 2023 จะสิ้นสุด แหล่งข่าวจำนวนมากรายงานตรงกันว่า การเจรจาจบลงด้วยดี มีความพยายามจะสานต่อความร่วมมือมากกว่าขยายความแตกแยก ประธานาธิบดีโจ ไบเดนถึงกับเอ่ยว่า บทสนทนารอบนี้เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และให้ผลน่าพึงพอใจมากที่สุดนับตั้งแต่สาบานตนรับตำแหน่ง ขณะที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนยืนยันความตั้งใจที่จะสรรค์สร้างเอกภาพบนหลักมิตรภาพอย่างที่เคยเป็นมา
การพบปะระหว่างสองผู้นำได้เปิดทางไปสู่ข้อสรุปอันน่าสนใจหลายประการ หนึ่งในนั้นคือข้อตกลงทางทหาร โดยจีนและสหรัฐฯ ยินดีเพิ่มช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ส่งเสริมความโปร่งใสของปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่การใช้กำลัง อีกหนึ่งคือประเด็นไต้หวันซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ยังคงรับรองสถานะปัจจุบันของจีนกับไต้หวัน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเอ่ยในวงประชุม จีนไม่คิดวางแผนใช้กำลังใด ๆ เพราะการเจรจาคือหนทางสำหรับทุกวิกฤตของจีน
ยังมีประเด็นความร่วมมืออีกมากมายในการประชุมครั้งนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นประเด็นใด โลกก็ได้เห็นแนวทางสันติภาพของสองชาติ หากมองจากมุมสหรัฐฯ ซึ่งสร้างบทวิพากษ์จีนเสมอมา จะเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติโดยเฉพาะจากคำแถลงของประธานาธิบดีไบเดนเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน เช่น สหรัฐฯ จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนให้มีความหลากหลายมากขึ้น และสหรัฐฯ กับจีนจะต้องรักษาความสัมพันธ์กันต่อไป เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะนำโลกไปสู่เสถียรภาพพร้อมกับเพิ่มพลังให้แก่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง เป็นต้น
ผลลัพธ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่มาจากความพยายามของจีนในช่วงก่อนหน้าที่ใช้หลักความร่วมมือการค้ากับการเจรจา จีนแสดงออกบนทุกเวทีผ่านหลักคิด win-win cooperation หมายความว่า การใช้กำลังไม่ใช่ทางเลือกในสายตาจีน แต่เป็นการหันหน้าเข้าหากันเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่กัน จีนจึงพยายามรณรงค์เกี่ยวกับประเด็นการอยู่ร่วมกันตลอดเวลา อย่างการนำเสนอข้อริเริ่มว่าด้วยอารยธรรมโลกซึ่งหมายถึงความพยายามส่งเสริมเชิดชูความหลากหลายทางอารธรรม หรือ ข้อริเริ่มว่าด้วยการพัฒนาระดับโลกที่เน้นความสงบสันติกับความยั่งยืนของการพัฒนา ยังมีข้อริเริ่มว่าด้วยความมั่นคงระดับโลกที่เลี่ยงการเผชิญหน้า แต่สรรหาแนวทางก้าวเดินไปด้วยกัน ทั้งหมดนี้บ่งชี้ความมุ่งมั่นของจีนที่พร้อมเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือและแก้ปัญหาความไม่ลงรอย
น่าสนใจที่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับจีน หรือ กระทั่งเสียงยั่วยุในอดีตไม่เคยสั่นคลอนแนวทางที่ว่า และเมื่อถึงจุดที่ชัดเจนแล้วว่า การหันหลังให้แก่เจตจำนงของจีนมีแต่จะบ่อนทำลายทุกฝ่าย สหรัฐฯ จึงกำหนดท่าทีใหม่ดังเห็นในบทสรุปเอเปค 2023 นี่ทำให้ เอเปค 2023 มีสถานะประหนึ่งปฐมบทแห่งสันติภาพยุคหลังโควิด-19 หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แนวทางแก้ปัญหาจีน-สหรัฐฯ จะมุ่งสู่ทิศทางแห่งความราบรื่นเพื่อประกันความปลอดภัยของโลกยุคต่อไป
จริงๆ แล้วจีน ณ วันนี้มีบทบาทต่อประชาคมนานาชาติมากเกินกว่าจะเดินตามวิถีสงคราม แม้ขนาดเศรษฐกิจจีนยังเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ จีนกลับเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและยังเป็นตลาดที่ทรงศักยภาพลำดับต้น ๆ ของโลก สัดส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโลกอยู่ที่ประเทศจีนมากถึง 28.4% ขณะที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นได้สัดส่วนเพียง 16.6% และ 7.5% ตามลำดับ พลังการซื้อของจีนก็อยู่ในระดับไม่ธรรมดา ประชากร 1.4 พันล้านคนจัดอยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หลายร้อยล้านคนพร้อมใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและเปิดรับสินค้า/บริการจากภายนอก ยังไม่นับการเชื่อมโยงด้านการศึกษา เทคโนโลยี พลังงาน และอีกมากมาย การกระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อยจะส่งผลต่อเนื่องเป็นโดมิโน่ไปทั่วทุกภูมิภาค และระบบซัพพลายเชนจะปั่นป่วนในทุกพื้นที่เหมือนยุคสงครามการค้า และจะไม่มีใครได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดในเกมแห่งความขัดแย้งนี้
อุดมการณ์การเมืองระหว่างประเทศของจีนจึงเป็นเรื่องของสันติภาพ เพราะสันติภาพทำให้ทุกชาติมีพื้นที่ดำรงอยู่ แต่ความขัดแย้งจะทำลายโอกาสของทุกฝ่าย และนี่คือเหตุผลที่โลกได้เห็น 'ทูตานุภาพ' อันแน่วแน่ของจีน
https://www.facebook.com/ChinafacecriThai