- Details
- Category: ASIA
- Published: Monday, 04 May 2015 20:40
- Hits: 9772
ปีติพระเทพ-ส่งของช่วยเนปาล 5 ตัน ปาฏิหาริย์ คุณปู่ 101 ปี ติดใต้ซาก นาน 7 วัน แต่ไม่ตาย
ปีติสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานสิ่งของช่วยเนปาลรวม 5 ตัน ประกอบด้วยเต็นท์นอน ถุงนอน เครื่องกันหนาว ยารักษาโรค รองราชเลขานุการในพระองค์ฯ นำสิ่งของพระราชทานขึ้นเครื่องบินทอ. ออกจากดอนเมืองถึงเนปาลเช้าวันที่ 4 พ.ค. ตะลึงพบคุณปู่กระดูกเหล็กอายุ 101 ปีติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านนาน 7 วัน หน่วยกู้ภัยเร่งนำตัวส่งร.พ. เผยพบศพอีก 51 รายบนพื้นที่เดินเขายอดนิยมใกล้กรุงกาฐมาณฑุ ยอดชาวเนปาลเสียชีวิตเกิน 7 พันรายแล้ว เจ็บ 1.4 หมื่นราย ยูนิเซฟเผยเด็ก 1.7 ล้านคนได้รับผลกระทบ พร้อมเร่งทางการช่วยเหลือเหตุใกล้ฤดูมรสุม ยูเอ็นหวั่นการทำงานล่าช้าของสำนักงานศุลกากรเนปาลที่รับผิดชอบตรวจสอบสิ่งของช่วยเหลือจากนานาชาติจะส่งผลกระทบต่อผู้ประสบภัยที่กำลังเดือดร้อนหนัก ทีมแพทย์ทหารไทยเดินเท้าเร่งช่วยผู้บาดเจ็บในพื้นที่ห่างไกล ทหารไทยผลิตน้ำประปาแจกผู้ประสบภัยแล้ว 3.4 หมื่นลิตร อีกคณะแพทย์ไทยบุกเยี่ยมช่างปั้นเมืองเพชรชื่อดังพบปลอดภัยดี ยืนยันอยู่บูรณะวัดที่เนปาลต่อไป
พระเทพฯมอบสิ่งของช่วยเนปาล
วันที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8923 ข่าวสดรายวัน
พระราชทาน - กองทัพอากาศลำเลียงสิ่งของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวม 5 ตัน ส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 3 พ.ค. |
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เวลา 16.00 น. ที่ ท่าอากาศยานทหาร บน.6 ดอนเมือง นายสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำสิ่งของพระราชทาน จำนวน 5 ตัน ประกอบด้วย เต็นท์นอน ถุงนอน เครื่องกันหนาว เตาแก๊ส ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ เพื่อนำไปบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยพิบัติเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล โดยมีพล.อ. สมหมาย เกาฏีระ เสนาธิการทหาร เป็น ผู้แทนกองทัพไทยในการรับมอบ สำหรับสิ่งของพระราชทานดังกล่าวจะขนส่งไปยังประเทศเนปาลในวันที่ 4 พ.ค. เวลา 04.30 น. จากท่าอากาศยานดอนเมือง โดยเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 ของกองทัพอากาศ
ทอ.เร่งส่งมอบสิ่งของพระราชทาน
พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ ให้สัมภาษณ์ว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราช ทานสิ่งของที่จำเป็นช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศเนปาลจำนวน 5 ตัน ในการนี้รัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมสั่งการผ่านกองบัญชาการกองทัพไทยให้กองทัพอากาศจัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 (C-130H) จำนวน 2 เครื่อง นำสิ่งของพระราชทานดังกล่าวพร้อมสิ่งของจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาลส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศเนปาลในวันที่ 4 พ.ค. สำหรับสิ่งของพระราชทานจำนวน 5 ตัน ประกอบด้วย เต็นท์นอน ผ้าห่ม ที่นอน เตาแก๊ส ยารักษาโรค ปลา กระป๋อง และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ในการดำรงชีพ นอกจากนั้นยังมีสิ่งของจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลได้รับบริจาคที่จะส่งไปในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ ผ้าห่ม แผ่นปูรองนอน ผ้ายาง ยาและเวชภัณฑ์ อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางทหาร จำนวน 12 ตัน โดยเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 เครื่องแรกกำหนดเดินทางออกจากกองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลา 04.30 น. คาดว่าจะไป ถึงสนามบินกาฐมาณฑุในเวลาประมาณ 09.00 น. สำหรับเครื่องที่สองกำหนดเดินทางเวลา 05.00 น. คาดว่าจะไปถึงในเวลาประมาณ 09.30 น. (ตามเวลาในประเทศไทย)
พบคุณปู่ 101 ปีติดใต้ซากนาน 7 วัน
วันเดียวกัน เอเอฟพีระบุจากคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่อรุณ กุมาร ซิงห์ ตำรวจเขตนูวาคต ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 80 กิโลเมตร ว่าเมื่อวันที่ 2 พ.ค. หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือนายฟุนชู ตามัง ชายสูงวัย อายุ 101 ปี ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านเป็นเวลานาน 7 วันออกมาได้อย่างปลอดภัย มีเพียงบาดแผลขีดข่วนจากเหตุแผ่นดินไหวเท่านั้น นับเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้พบเด็กทารกวัยเพียง 4 เดือนรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดหลังติดอยู่ใต้ซากอาคารนาน 22 ชั่วโมง ตามมาด้วยการช่วยเหลือนายเพมบา ทามัง ลามา อายุ 15 ปี ซึ่งประทังชีวิตใต้ซากอาคารฮิลตัน เกสต์เฮาส์ ในย่านกอนกาบู ของกรุงกาฐมาณฑุ ด้วยน้ำมันเนยหลังเกิดแผ่นดินไหวนานถึง 5 วัน เมื่อ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
ไทยในเนปาล - ชุดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเนปาล เยี่ยมนายสำรวย เอมโอษฐ์ ช่างปูนปั้นชื่อดังเมืองเพชรบุรี พร้อมด้วยทีมงานช่างปั้นคนไทยอีก 5 คน ที่ไปปั้นลวดลายประดับอุโบสถวัดสิริกิตติวิหาร วัดไทยที่เนปาล เมื่อวันที่ 3 พ.ค. |
ในวันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถช่วยเหลือหญิง 3 คนในจังหวัดสินธุปาลโจก ในจำนวนนี้หญิง 1 คนถูกดินสไลด์ทับร่างจนเกือบมิด ขณะที่อีก 2 คนติดอยู่ใต้ซากอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่นำตัวผู้รอดชีวิตทั้งหมดส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในเบื้องต้นแล้ว
ยอดเสียชีวิตเกิน 7 พัน-เจ็บ 1.4 หมื่น
เอเอฟพีรายงานสถานการณ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเนปาลว่า นางวาเลรี อามอส หัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงความวิตกว่า การทำงานล่าช้าของสำนักงานศุลกากรเนปาลที่รับผิดชอบตรวจสอบสิ่งของช่วยเหลือจากนานาชาติ จะส่งผลกระทบต่อผู้ประสบภัยที่ยังเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ทั้งความเป็นอยู่ อาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค โดยยอดผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมในเนปาลเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 7,250 รายแล้ว และอีกกว่า 14,000 คนบาดเจ็บ ขณะที่อินเดีย จีน ทิเบต และบังกลาเทศ พบผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้มากกว่า 100 ราย
นางอามอสให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ในกรุงกาฐมาณฑุว่า กังวลอย่างมากที่ได้รับรายงานว่าสำนักงานศุลกากรเนปาลใช้เวลามากในการตรวจสอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตนได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีซูชิล คอยราลา ผู้นำเนปาล เพื่อให้เร่งกระบวนการตรวจสอบและช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ตนเข้าใจดีว่านายคอยราลาอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักจากทั้งภายในประเทศและประชาคมโลก แต่หวังว่าจะเห็นความคืบหน้าของการปรับปรุงการบริหารจัดการของรัฐบาลเนปาลในเร็ววัน นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่าไม่เพียงแค่สิ่งของช่วยเหลือจำนวนมากจะติดค้างอยู่ที่สนามบินนานาชาติตรีภูวันในกรุงกาฐมาณฑุ แต่ทางการเนปาลยังปิดกั้นรถบรรทุกซึ่งลำเลียงของช่วยเหลือที่ข้ามชายแดนมาจากอินเดียด้วย
จำกัดน้ำหนักบรรทุกเครื่องบิน
นายพิเรนทรา เชษฐา ผู้จัดการสนามบินนานาชาติตรีภูวัน เปิดเผยว่าเหตุที่การลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือและการคมนาคมในสนามบินติดขัดนั้นเนื่องจากสนามบินมีขนาดเล็ก และด้วยปัญหาจากแผ่นดินไหวจึงจำเป็นต้องประกาศห้ามเครื่องบินที่บรรทุกสิ่งของหนักกว่า 196 ตันลงจอด แม้ตอนนี้จะไม่มีรอยแตกบนพื้นรันเวย์ แต่หากอาฟเตอร์ช็อกยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง การรับน้ำหนักของเครื่องบินขนาดใหญ่อาจมีผลเสียร้ายแรงต่อสนามบินและการช่วยเหลือในระยะยาว
ด้านนายลักษมี ธากัล โฆษกกระทรวงมหาดไทยเนปาล ระบุว่าแม้ตอนนี้กองกำลังนานาชาติจากกว่า 20 ประเทศจะเดินทางมาสมทบ เพื่อค้นหาผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน แต่รัฐบาลต้องการมุ่งเน้นการบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนหลายแสนคนที่กลายเป็นคนไร้บ้านมากกว่า
เผยเด็ก 1.7 ล้านคนรับผลกระทบ
ขณะที่สภากาชาดสากลแถลงเป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่ประสบภัยรอบนอกกรุงกาฐมาณฑุ รวมถึงจังหวัดสินธุปาลโจก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ และเมืองโกรคา ศูนย์กลางแผ่นดินไหว ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เนื่องจากการเข้าถึงทำได้ยาก เพราะพื้นที่ยังมีความเสี่ยงจากแรงสั่นสะเทือนของอาฟเตอร์ช็อก และซากปรักหักพังยังไม่ได้เก็บกู้
ด้านยูเอ็นประเมินความเสียหายเบื้องต้นว่า มีบ้านเรือนกว่า 160,000 หลังคาเรือนที่พังราบ และอีก 143,000 หลังคาเรือนเสียหาย ซึ่งกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) กล่าวว่า มีเด็กและเยาวชนมากกว่า 1.7 ล้านคน อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเรียกร้องให้ทางการเร่งช่วยเหลือเนื่องจากใกล้ถึงฤดูมรสุมในอีกไม่กี่สัปดาห์ หากการช่วยเหลือยังล่าช้าจะทำให้ชีวิตเด็กกว่าล้านคนตกอยู่ในอันตราย ทั้งจากความเสี่ยงของโรคภัยไข้เจ็บและการได้รับอุบัติ เหตุจากซากบ้านเรือนที่ยังไม่มีการรื้อถอน
ปาฏิหาริย์ - นายฟุนชู ตามัง ชายสูงวัยอายุ 101 ปี ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านเป็นเวลานาน 7 วัน ก่อนหน่วยกู้ภัยจะสามารถช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย มีเพียงบาดแผลขีดข่วนจากเหตุแผ่นดินไหว นับเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ที่ประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 3 พ.ค. |
พบศพ 51 รายบนพื้นที่เดินเขา
นายอุดดาฟ ปราสาท ภัตตาไร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเขตราสุวา ซึ่งครอบคลุม "ลังตังเทร็ก" พื้นที่เดินเขายอดนิยมของนักท่องเที่ยว ใกล้กรุงกาฐมาณฑุ เปิดเผยว่าพบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 25 เม.ย. อย่างน้อย 51 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 6 ราย และคาดว่ามีนักท่องเที่ยวอีกกว่า 100 คน สูญหายในบริเวณดังกล่าว ทางการกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนให้ได้มากที่สุด หลังจากสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้กว่า 350 คน
พ.อ.อิทธิพล ปิ่นพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการคณะช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเนปาล ระบุความคืบหน้าในปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทีมค้นหาและกู้ภัยของกองบัญชาการกองทัพไทยว่า ระหว่างนำกำลังปฏิบัติภารกิจร่วมค้นหาเด็กที่ยังหายสาบสูญกับทีมค้นหาของทหารเนปาลในพื้นที่เมืองซานคูเป็นวันที่สอง ปรากฏว่าพบร่างเด็กที่เสียชีวิตแล้ว โดยศพติดอยู่ในซากอาคารแห่งหนึ่ง ทางทีมทหารไทยจึงยุติการค้นหาเนื่องจากเป็นร่างสุดท้ายในพื้นที่ดังกล่าว
แพทย์ไทยเยี่ยมช่างปั้นเมืองเพชร
วันเดียวกัน พล.ต.ปริญญา ขุนนาศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล เป็นตัวแทนรัฐบาลไทย นำทีมแพทย์ทหารจากโรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ในนามกรมแพทย์ทหารบก เดินทางไปเยี่ยมนายสำรวย เอมโอษฐ์ ช่างปูนปั้นชื่อดังเมืองเพชรบุรี ที่ไปปั้นลวดลายประดับอุโบสถวัดสิริกิตติวิหาร วัดไทยในประเทศเนปาล พร้อมทีมงานช่างปั้นคนไทยอีก 5 คน โดยนำเครื่องอุปโภคบริโภคและจตุปัจจัยมามอบให้เจ้าอาวาส และคณะคนไทย ซึ่งหลังจากการตรวจสุขภาพและสอบถามพบว่านายสำรวยและทีมงานรวมถึงพระในวัดยังปลอดภัยดี สุขภาพแข็งแรง และมีกำลังใจดีมาก โดยนายสำรวยยืนยันที่จะบูรณะวัดแห่งนี้ต่อไปจนเสร็จภารกิจอีก 10 เดือน พร้อมฝากขอบคุณรัฐบาลและกองทัพไทยที่เดินทางมาเยี่ยม และยังฝากไปถึงครอบครัวว่าพวกตนยังสุขสบายดี ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ ไว้แล้ว
ทั้งนี้ วัดดังกล่าวเป็นวัดที่มีสัมพันธ์อัน ดีกับประเทศไทยมานาน โดยสมเด็จ พระสังฆราช และสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จฯ มายังวัดแห่งนี้
แพทย์เดินเท้าสำรวจความเสียหาย
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยว่า ได้รับรายงานจากทีมแพทย์รัฐบาลไทยที่ไปปฏิบัติงานที่ประเทศเนปาลว่า ขณะนี้ได้ตั้งเต็นท์หน่วยแพทย์ขนาดใหญ่ 2 หลังอยู่บริเวณเชิงสะพานแม่น้ำอินทรปตี ซึ่งมีบ้านเรือนกระจายเป็นหย่อมๆ และเสียหายถึงร้อยละ 90 โดยมีแพทย์และล่ามอาสาสมัครจากประเทศเนปาลและศรีลังกามาร่วมปฏิบัติงาน ผลการบริการเมื่อวันที่ 1 พ.ค. มีผู้ป่วยมารับการรักษา 170 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหว ฟกช้ำ แขนขาหัก เอ็นฉีกขาด แผลติดเชื้อ กว่า 80 ราย รองลงมาเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร เช่นปวดท้อง ท้องเสีย และโรคระบบทางเดินหายใจ
นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าทีมแพทย์ส่วนหน้ารัฐบาลไทย ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศเนปาลเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาลของทีมแพทย์รัฐบาลไทย ว่า ข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขและประชากร ประเทศ เนปาล รายงานว่าขณะนี้โรงพยาบาลในเมืองกาฐมาณฑุเปิดบริการเกือบสมบูรณ์แล้ว ผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการดูแลรักษา โดยมีหน่วยแพทย์จากนานาชาติรวม 83 หน่วย ซึ่งบางหน่วยรอการกำหนดจุดปฏิบัติงาน สำหรับการทำงานของทีมแพทย์รัฐบาลไทยแบ่งออกเป็น 2 ทีม คือ 1.ทีมแพทย์รักษาที่หน่วยแพทย์บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำอินทรปตี ซึ่งเริ่มเปิดบริการเต็มที่เมื่อวานนี้ คาดว่าวันที่ 3 - 5 พ.ค.นี้ จะมีผู้มารับบริการมากขึ้น 2.หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ค้นหาและรักษาผู้บาดเจ็บและเจ็บป่วย และสำรวจชุมชนรัศมี 3 กิโลเมตรจากฐานที่ตั้งโรงพยาบาลสนามโดยการเดินเท้า
รอสรุปสถานการณ์ช่วยเหลือ4ด้าน
นพ.สุริยะกล่าวต่อว่า ได้ให้ทีมแพทย์รัฐบาลไทยสรุปสถานการณ์และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ข้อมูลผู้ป่วยที่มารับบริการ 2.ข้อมูลด้านสาธารณสุขในชุมชนที่สำรวจ ด้านสุขาภิบาลน้ำและส้วม อนามัยแม่และเด็ก และปัญหาสาธารณสุขอื่นๆ เช่นโรคเรื้อรัง โรคติดต่อ 3.ประสานงานกับองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขเนปาล เพื่อขยายจุดบริการ การส่งทีมแพทย์ชุดที่ 2 และ 4.ความต้องการสิ่งสนับสนุนการปฏิบัติและการดำรงชีวิตของทีมแพทย์ เพื่อนำไปกำหนดแผนการบริการ และการจัดทีมชุดที่ 2 เพื่อไปผลัดเปลี่ยนทีมชุดแรกที่จะเดินทางกลับในสัปดาห์หน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับการสรุปสถานการณ์และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยจะเสนอวอร์รูมพิจารณาในวันที่ 6 พ.ค.นี้
แพทย์ทบ.จัดชุดเผชิญเหตุลงพื้นที่
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงทีมแพทย์ทหาร กองทัพบกที่เดินทางไปช่วยเหลือชาวเนปาลว่า เข้าสู่วันที่ 5 ทีมช่วยเหลือในนามรัฐบาลไทยยังคงปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการกู้ภัย การแพทย์ และการผลิตน้ำสะอาด ช่วยเหลือชาวเนปาลที่เดือดร้อนจากแผ่นดินไหวต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกส่วนหน้า (เนปาล) ได้รับมอบภารกิจจาก MNMCC (Multi National Military Coordination Center) ให้จัด ชุดแพทย์เผชิญเหตุ เดินทางไปรักษาพยาบาลที่เมืองสินธุคต ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 30 นาที และเดินเท้าอีก 45 นาที พื้นที่ดังกล่าวเป็นถิ่นทุรกันดารและยังไม่มีหน่วยแพทย์เข้าไปถึง เนื่องจากเส้นทางบางจุดถูกตัดขาด ประกอบกับต้องข้ามภูเขา 3 ลูก จึงใช้เวลานานและลำบากมากกว่าปกติในการเดินทาง
ผลิตประปาแจกแล้ว3.4หมื่นลิตร
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่าชุดแพทย์เผชิญเหตุเปิดคลินิกเคลื่อนที่รักษาพยาบาล โดยมีผู้ประสบภัยและชาวบ้านจำนวน 200 ราย มารับบริการ ส่วนใหญ่มีบาดแผลตามร่างกายจากผลกระทบแผ่นดินไหว และมีผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลทันที ชุดแพทย์จึงประสานทางการเนปาลเพื่อส่งตัวให้ไปรักษาต่อ ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับชุดแพทย์ประเมินว่าชุมชนดังกล่าวน่าจะยังไม่มีหน่วยแพทย์อื่นเข้ามาในเร็ววันนี้ จึงมอบยาทั้งหมดที่มีให้ผู้นำชุมชนพร้อมชี้แจงการใช้อย่างละเอียด สร้างความประทับใจให้กับผู้ประสบภัยอย่างมาก ส่วนการผลิตน้ำสะอาดโดยชุดทหารช่างประปาสนาม ยังคงผลิตน้ำดื่มและน้ำใช้อย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมาผลิตน้ำสนับสนุนโรงพยาบาลค่ายทหารและประชาชนในเมืองกาฐมาณฑุไปแล้วจำนวน 34,000 ลิตร
"ผู้ประสงค์จะบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเนปาล ผ่านกองทัพบก ยังคงบริจาคได้ที่ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. โทร 0-2272-6247 และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน กทม. โทร 0-2551-1267 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก จะรวบรวมสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่ได้รับบริจาค ประสานงานร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งไปให้ผู้ประสบภัยที่เนปาลต่อไป" รองโฆษกกองทัพบกกล่าว